“พี่ใหญ่หัวหน้าหลี่มอบหินปราณให้พวกเราเท่าไหร่กัน เมื่อครู่พวกเรายังบ่นกันอยู่เลยว่า เพื่อเข้าไปจองห้องของแม่นางสวินหยิ่งจะต้องใช้หินปราณร้อยถึงหนึ่งร้อยห้าสิบก้อนทุกวัน จ่ายหินปราณหนักๆ แบบนี้ทุกวัน หากท่านเลขาไม่ให้พวกเราเบิกหินปราณเพิ่มละก็… พวกเราจะทำไงดี นี่คือรายจ่ายที่หนักเกินไปแล้ว”
“ไอ้น้องระยำ ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะใครกันละ พอจอห้องสำเร็จและได้ดื่มกับแม่นางสวินหยิ่งดันทำเป็นหน้าใหญ่ ปกติค่าห้องของนางอยู่ที่แค่ 30 ถึง 50 หินปราณ ค่าใช้จ่ายไม่เกินนี้ แต่เอ็งเล่นจ่ายหนัก ทำราวกับว่าซื่อดื่มจากนางแล้วเอ็งจะครอบครองร่างกายนางได้ เจ้าก็น่าจะรู้ว่านี่พวกเรากำลังทำงาน ไม่ใช่มาเที่ยวจริงๆ จะจ่ายเงินเพิ่มซื่อดื่มและขอให้นางร้องเต้นไปทำไม… นอกจากนั้นไอ้น้องระยำ เอ็งจำนิสัยท่านเลขาเฉียนซ่งไม่ได้หรือไงกันว่าเขาเป็นคนแบบไหน ท่านละเอียดอ่อนและคำนวณได้อย่างรวดเร็วว่าค่าใช้จ่ายแต่ละงานจำนวนที่เหมาะสมคือเท่าใด แม้ท่านจะอนุญาตให้เราใช้เงินเกินขอบเขตได้ แต่ก็ได้เพียงนิดหน่อย แต่ถ้าเอ็งใช้หินปราณมือเติบแบบนี้อย่างไรพวกเราก็ต้องเข้าเนื้อ”
“พี่ใหญ่ทำไมท่านถึงบ่นแต่ข้า ท่านก็จ่ายให้นางไปไม่น้อยกว่าข้าไม่ใช่เหรอ” จ้วงชวนหัวเราะ คล้ายว่าเขาไม่ได้ทำผิดคนเดียว
“พี่ใหญ่ซี พี่รองชวน อย่าได้เถียงกัน ตรวจเงินในถุงก่อนว่าท่านหลี่ให้มาเท่าไหร่กัน หวังว่าเขาจะใจป้ำ น่าแปลกใจจริงๆ ที่ท่านเลขาเฉียนให้พวกเรามารับใช้เขาโดยตรงโดยแทบไม่พูดเรื่องเงินทองเลย”
และทันทีที่พี่น้องสามคนเปิดถุงเงิน พวกเขาตะลึง
“นี่มัน!!! หินปราณสองหมื่นห้าพันก้อน”
“หัวหน้าหลี่ช่างใจถึง คิกคิก ทีนี่พวกเราก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการจับจ่ายแล้ว ตอนแรกเกรงว่าจะทำงานต้องควักเนื้อตัวเองเช่นครั้งทำงานกับพวกโถงที่สาม แต่หัวหน้าหลี่จากโถงที่สิบสามช่างต่างจากไอ้พวกโถงที่สามอันหน้าเลือดจริงๆ ท่านให้เยอะแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายตลอดทั้งปีนะ”
“แต่ถ้าเป็นการให้รายเดือนละ!”
“ข้าพร้อมขายชีวิตให้หัวหน้าหลี่เลย” จ้วงซีกล่าวจบสามพี่น้องหัวเราะดังสนั่นก่อนหายไปจากเงามืดพร้อมๆ กัน ด้วยเงินวันนี้มีเรื่องให้พวกเขาสนุกอีกมาก
หลักการบริหารคนของหลี่เค่อคือใช้เงินซื้อชีวิตคน
หากงานถึงเงินก็เดิน ไม่ว่าต้องจ่ายเท่าไหร่เขาก็พร้อม
แต่ถึงอย่างนั้นหลี่เค่อก็ไม่หวังให้คนเหล่านี้ซื่อสัตย์กับตัวเองจริงๆ เขารู้หลักการง่ายๆ เช่นการครองใจคนดี
ความจริงหลี่เค่อก็ไม่ได้ต้องการใช้เงินมากแบบนี้
แต่สิ่งสำคัญคือชื่อเสียง เมื่อพี่น้องทหารยาม กำลังคนต่างๆ รู้ว่าเขาเงินถึงพร้อมจ่ายหนัก ต่อจากนี้หลี่เค่อจะทำอะไรก็ราบลื่นด้วยการใช้ผลประโยชน์เป็นตัวล่อ
…
เสียงดนตรีในห้องหอจบลง
กัวมานยี่ก้าวลงจากเวที นางยกกาสุรารินให้หลี่เค่อที่ปลอมตัวมานั่งเงียบๆ คนเดียว โดยไล่ผู้มาจองห้องหอแซ่จ้วงสองคนออกไป
ระหว่างนี้หลี่เค่อยื่นถุงเงินและขวดโอสถให้นาง
กัวมานยี่ขมวดคิ้ว ปกติในฐานะนางโลมนางไม่ควรถามสิ่งใดต่อลูกค้า
เพียงแต่ตลอดเดือนมานี่มีลูกค้าประหลาดเหมาห้องหอของนางทุกวัน ทำนางรายได้ดีจนนางโลมด้วยกันเขม่นอยากรู้ว่านางมีดีอะไรมัดใจชายได้มากมาย ทุกค่ำคืนเข้ามอบโอสถและหินปราณให้นางเสมอ นี่เขาชอบนางขนาดนั้นเลยหรือ
เพียงแต่สิ่งที่น่าแปลกคือ… เขาไม่เคยรุกเร้าหรือขอร้องครอบครองร่างกายนางเลย
เขามานั่งดูนางร่ายรำและเล่นเครื่องดนตรีเท่านั้น เขาทำแบบนี้ไปทำไม ตอนนี้นางห้ามใจไม่ถามไม่ได้แล้ว
“นายท่าน ท่านพอบอกข้าได้ไหมทำไมท่านดีต่อข้าขนาดนี้ ทุกวันท่านมองหินปราณให้ข้าร้อยก้อน นอกจากนั้นยังมอบโอสถบำรุงสายเลือดให้ข้าอีกทุกวัน สิ่งเหล่านี้มีราคามากจริงๆ หากท่านมอบให้ข้ามากๆ เช่นนี้ แม้ข้าจะมีความคิดขายศิลป์แต่ไม่ขายร่างกาย…” พูดถึงตรงนี้ดวงตากัวมานยี่เหม่อลอยเล็กน้อย
นางก็เป็นสตรีนางหนึ่งที่คิดมอบกายมอบใจให้แต่เพียงคนที่นางรัก
แต่อนิจจา ตอนนี้ร่างกายนางแปดเปื้อนไปหมดแล้ว
หอนางโลมในโลกนี้ไม่บังคับขายตัวก็จริง
แต่นางถูก ‘สวินซุนเฉียน’ เจ้าตระกูลสาขาโรคภัยข่มเหงไปแล้ว ครั้งแรกถูกหลอกให้เสียพรจรรย์เพื่อปกป้องน้องชาย จากนั้นเมื่อนางสูญเสียพรหมจรรย์ไป ทุกครั้งที่สวินซุนเฉียนกำหนัด มันปลุกปล้ำนางจนนางอยากตาย แต่เมื่อนางคิดฆ่าตัวตาย มันพูดถึงน้องสาวและแม่ สุดท้ายกัวมานยี่ก็พบว่าตัวเองต้องกล้ำกลืนมีชีวิตอยู่… หากนางตายคนข้างหลังก็จะตายพร้อมนาง
เมื่อชีวิตเป็นเช่นนี้ นางก็ไม่รู้ว่าจะถนอมร่างากยตัวเองไปมากมายทำไม
กัวมานยี่ตอนนี้นิสัยนางยังค่อนข้างเยาว์วัยจึงคิดได้เพียงเท่านี้ นางถอนหายใจพูดต่ออย่างตรงไปตรงมา
“แต่ท่านทำแบบนี้ใจข้าก็มีความหวั่นไหว ถ้าท่านต้องการร่างกายข้าจริงๆ … ข้าก็พร้อมค้าขาย หนึ่งราตรีวิวาห์ 1000 หินปราณ หาก… หากท่านต้องการร่างกายของข้า” กัวมานยี่กัดฟันพูดแบบนี้เพราะนางคิดว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่นางควรทำ
นางควรหาเงินเพื่อครอบครัว
หลี่เค่อแม้พึงจะได้เงินมาแปดล้านหินปราณ แต่เขาไม่ได้บอกกัวมานยี่ให้รู้ว่าเงินทั้งหมดเป็นของเขา นางเข้าใจว่าเขารีดไถเงินตามหน้าที่ และต้องมอบให้เจ้านายที่อยู่ในระดับเหนือกว่า
ส่วนบ้านที่ได้มา… อาจจะเป็นผลรางวัลหรือเป็นที่ทำการแห่งหนึ่งของคนโถงที่สิบสามที่เจ้านายของหลี่เค่ออนุญาติให้ใช้ไปก่อน
นางอยากให้พี่น้องฝึกฝนได้รวดเร็ว ทางข้างหน้ามีแต่ใช้ทรัพย์สินจำนวนมากดูแล นางคิดถึงคนอื่นเพราะรู้ว่าตอนนี้ตัวเองหนีออกจากสภาพนางโลมที่ถูกบีบบังคับไม่ได้ สัญญายังอยู่ในมือชายชั่วสวินซุนเฉียน
สายตาหลี่เค่อหลุกหลิกคิดอะไร
ไม่ช้าเขานำหินปราณออกมาเพิ่มให้เป็นหนึ่งพันก้อนใส่เขาไปในถุงเงิน
จากนั้นดึงมือกัวมานยี่มาตรวจจับชีพจร
“สายเลือดเจ้าดีขึ้นมาก กินโอสถนี้อย่างต่อเนื่อง…” กล่าวจบหลี่เค่อลุกขึ้นและจากไป เขาไม่ได้เรียกร้องสิ่งใดเพิ่ม
“นี่ท่าน…” กัวมานยี่งงงันนางไม่คิดเลยว่าจะเจอสถานการณ์แบบนี้ “หยุดก่อน!!!”
หลี่เค่อหยุดก้าวหันมองกัวมานยี่ที่ส่งเสียงห้ามตัวเขา
“ท่าน… ท่านไม่ต้องการร่างกายข้าจริงๆ งั้นเหรอ”
หลี่เค่อไม่ได้ตอบทันที แต่ดวงตามีประกายคิดอ่าน เวลาผ่านไปหลายอึดใจ หลี่เค่อจึงพูดได้
“ไม่ใช่ไม่ต้องการ หากแต่ถ้าจะได้มาต้องได้ทั้งหมด ร่างกายที่ไร้หัวใจมันว่างเปล่าเหลือเกิน”
‘เขาชอบข้าจริงๆ งั้นรึ’ กัวมานยี่รู้สึกใจหาย แต่นางก็รู้สึกแปลกใจเช่นกันที่นางอยู่กับบุรุษตรงหน้าและนางมีความสุขพิเศษ เมื่อแรกพบกันนางกับชายตรงหน้า นางรู้สึกว่างเปล่า… แต่ก็ใจเต้นอย่างแปลกๆ เล็กน้อย พูดตรงๆ เขาไม่ได้ดูหล่อเหลา ทั้งยังดูเย็นชามาก
แต่เขากลับค่อยๆ ทำให้นางรู้สึกเป็นกันเองขึ้นได้อย่างรวดเร็วทั้งๆ ที่เขามาเจอนางและแทบไม่ได้ทำอะไรเลย
และเพราะกัวมานยี่ก็ถือดีทำให้แม้แต่ตอนนี้นางก็ไม่รู้จักนามของชายตรงหน้าที่ทุกวันสองวันจะมาเจอนางที
แต่นางรู้จักชายแซ่ ‘จ้วง’ ห้าคน พวกนั้นเป็นเหมือนบริวารของชายตรงหน้าที่ผลัดกันมาจองห้องหอของนางแทนตัวเขา
ตอนนี้นางห้ามใจไม่ได้แล้ว นางอยากรู้จักเขาเหลือเกิน
“ท่านบอกนามของท่านให้ข้ารู้จักได้ไหม!”
“ถังคัง”
เพียงแค่คำว่า ‘ถังคัง’ จิตวิญญาณของกัวมานยี่คล้ายสั่นไหว ทำไมนามนามนี้ถึงทำให้จิตใจนางสั่นสะท้านได้นะ นางพยายามนึกแต่ก็นึกไม่ออก
จนเมื่อหลี่เค่อจากไป นางคล้ายนึกอะไรบางอย่างได้
ณ เหตุการณ์อัศจรรย์อันน่าละอาย นางและน้องชาย ‘สวินเลียน’ เสพสมกันเพราะมังกรพลิกตัวจนแผ่นดินสั่นไหว
ห้วงรัญจวนอันเอ่อล้น ในหัวนางคล้ายมีนิมิตจิตเสพสมกับชายใบหน้าเหมือนน้องชาย
และคนคนนั้นนอกจากนางจะเรียกเขาว่าสามี… บางครั้งนางเรียกเขาว่าถังคัง
กัวมานยี่ดวงตาเบิกกว้างนางไม่เข้าใจสถานการณ์ของตัวเองในตอนนี้เลย
…