Skip to main content

ตอนนี้พวกคุณก็คงได้รู้จักเรื่องราวของฉันไม่น้อยเลยทีเดี่ยว หมูริน เด็กเกเร คุณอา ภรรยาของคุณอา และน้องสาวของฉัน นั้นคือเรื่องราวของฉันทั้งหมดก่อนที่ฉันจะจากที่แห่งนี้ไปตลอดกาล จากนี้ฉันจะเล่าความฝันสุดท้าย ในตอนที่ฉันยังอยู่ในโลกใบนั้นให้ฟัง เพราะว่าถ้าตอนนั้นฉันจำมันได้ซักนิด…

ตัวฉันก็คงไม่ต้องสูญเสียคนที่ฉันรักที่สุดไป

“ย๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาก” เสียงตะโกนร้องอย่างสุดเสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น น้ำเสียงนี้มันแฝงไปด้วยความทุกข์และความเจ็บปวดอย่างยิ่ง ในตอนนั้นฉันเพียงแค่ฉันได้ยินมันฉันก็รู้สึกเจ็บและปวดร้าวไปกับผู้เป็นเจ้าของเสียงนั้นไปด้วย

เมื่อฉันได้ยินเสียงนั้น ตัวฉันในตอนนั้นรีบหันซ้ายหันขวาในทันที ฉันพยายามมองหาที่มาของเสียงนั้น อย่างรีบเร่งและร้อนใจ

ไม่รู้ว่าทำไม หากแต่ความฝันในวันนั้นมันติดตราตรึงใจในหัวใจของฉันเป็นอย่างยิ่ง ท้องฟ้าเป็นสีแดงและมืดมิด โลกทั้งใบดูโศกเศร้าและหม่นหมอง ในที่ๆ ไกลที่สุดที่ที่อรินหรือตัวฉันในตอนนั้นจะมองเห็นได้ ฉันมองเห็นชายหนุ่มรูปหล่อคนเก่งของฉันกำลังร้องไห้และโศกเศร้า

เขากอดร่างของผู้หญิงคนหนึ่งเอาไว้แน่น น้ำตาของเขาก็หยดไหล ปากก็สั่นเครือ นัยน์ตาของหนุ่มรูปหล่อในตอนนั้นเหมือนกับว่า เขาได้แบกความทุกข์ทั้งหมดของโลกใบนี้เอาไว้เพียงคนเดี่ยว

และตัวฉันด้วยความอยากรู้ อาจจะเพราะเราผูกพันกันอย่างมากมาย จะว่ายังไงดีละ ในฝันทุกค่ำคืนตลอด 4 เดือน ตัวฉันได้เดินทางและท่องเที่ยวตั้งมากมายไปกับเขา เขากลายเป็นเหมือนคนที่ฉันสนิทด้วยที่สุดคนหนึ่งไปแล้ว และนั่นก็ทำให้ตัวฉันมีความรู้สึกผูกพันและเป็นห่วงเขาอย่างแท้จริง ทันทีที่ได้ยินเสียงร้องที่แสนจะเจ็บปวดและได้เห็นเขาอยู่ไกลๆ ฉันเลยรีบวิ่งและก้าวไปหาเขาอย่างเร็วที่สุดอย่างไม่รู้ตัว ฉันไม่รู้ว่ามันไกลแค่ไหน แต่ฉันก็วิ่ง วิ่งไปอย่างไม่คิดชีวิตเลยละ

และเมื่อฉันไปถึงที่ตรงนั้น มันเหมือนกับว่าหัวใจของฉันกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ฉันรู้สึกเจ็บปวดอย่างประหลาด น้ำตาของฉันก็ไหลริน ฉันรู้สึกเจ็บปวดไม่ต่างกับวันที่ได้รับรู้ว่าพ่อและแม่ของฉันจะไม่กลับมาหาฉันอีกอย่างไงอย่างงั้นแหละ

เสียงของชายหนุ่มรูปหล่อในวันนั้นยังแจ่มชัดในห้วงแห่งความทรงจำของตัวฉัน

“ลินยายอดดวงใจแห่งข้า ไยเจ้าจึงเลือกเส้นทางเช่นนี้ เจ้าให้ข้าแบกรับซึ่งชะตากรรมอันยากยิ่ง บนเส้นทางนี้ก็เปลี่ยวเหงา เจ้าทำเช่นนี้กับข้าได้อย่างไร ลูซีอาบุตรแห่งเราก็จากข้าไป หากแต่บัดนี้ตัวเจ้าก็ยัง…” ชายหนุ่มรูปหล่อกอดร่างของเธอแน่น หากแต่ไม่รู้ทำไมยิ่งฉันเห็นชายหนุ่มรูปหล่อเจ็บปวดตัวฉันก็ยิ่งเจ็บปวดหัวใจไปด้วย

ในตอนนั้นฉันพยายามจะไปคว้าจับชายหนุ่มรูปหล่อ ฉันไม่อยากให้เขาโศกเศร้า อยากที่จะปลอบประโยนตัวเขา ทั้งๆ ที่รูปว่านี่คือโลกแห่งความฝัน และฉันก็สัมผัสตัวเขาไม่ได้ ฉันหกล้มและเดินไปมาพร้อมกับร้องไห้อยู่ตลอด ไม่รู้ทำไม หากแต่ฉันก็ได้แต่พูดว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่อย่าร้องไห้…”

ฉันพูดอย่างนั้นอย่างไม่รู้สึกตัว มันเป็นคำพูดที่ออกมาจากหัวใจของฉัน

และไม่ช้าหลังจากชายหนุ่มรูปหล่อนิ่งไปครู่ใหญ่ จากความโศกเศร้าที่กลืนกินจิตใจของเขา มันก็กลายเป็นความโกรธแค้นขึ้นเรื่อยๆ ฉันเห็นมันและสัมผัสได้ถึงมัน ทั้งๆ ที่มีน้ำตาไหลออกมาอย่างมากมาย แต่ถึงอย่างนั้นในตอนนี้นัยน์ตาของหนุ่มรูปหล่อก็กลายเป็นดวงตาแห่งความเกลียดชังไปเสียแล้ว

“ไม่ ไม่ใช่แบบนั้น พ่อไม่ควรเป็นแบบนี้” ตัวฉันในตอนนั้นพยายามคว้าจับเสื้อผ้าและตัวของชายหนุ่มรูปหล่อ แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรฉันก็ทำไม่ได้ และคำว่าพ่อที่ออกมาจากปากของฉันในตอนนั้น ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวฉันในตอนนั้นทำไมถึงพูดออกมาแบบนั้น

.
.
.

“จอมนรก ลลิธแห่งจันทร์แดง เหล่าเทวทูตมาร หึหึ… พวกแก… พวกแกทั้งหมดจะต้องชดใช้สิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นที่นรกโลกันตร์ ห้วงจันทรา สรวงสวรรค์ที่ดับสูญ ไม่ว่าพวกแกจะอยู่ที่ไหนหลบซ่อนอย่างไรข้าก็จะก้าวไปหา ทัณฑ์แห่งข้าจะปักบนร่างของพวกเจ้า ความเจ็บปวดแห่งข้าจะเปลี่ยนเป็นเปลวเพลิงที่แผดเผาพวกเจ้าให้ทุกข์ทนไปนิจนิรันดร์ ย๊าาาาาาาาาาก”

ราวกับนี้เป็นความฝันที่ยาวนาน ตัวฉันในตอนนั้นนั่งข้างชายหนุ่มรูปหล่อวันแล้ววันเล่า ตัวฉันเองก็ไม่รู้ว่ามันผ่านไปนานเท่าไหร่ เป็นเวลาที่ยาวนานเพียงไหน

หากแต่… มันก็มากพอที่จะเปลี่ยนจากชายหนุ่มที่หล่อเหลาและสง่างาม ค่อยๆ ชราลงอย่างรวดเร็ว เส้นผมที่เคยดำนิลสลวยบัดนี้กลับกลายเป็นสีขาวที่ดูแสนจะโศกเศร้า ใบหน้าที่ดูหนุ่มแน่นของหนุ่มรูปหล่อ บัดนี้กลับกลายเป็นชายวันกลางคน

ตอนนั้นตัวฉันถึงกับตกตะลึงไปเลย

นั่นเพราะชายหนุ่มรูปหล่อในตอนนั้นได้กลายเป็นคุณลุงที่แสนใจดีที่ร้านกาแฟของฉันไปแล้ว หากแต่จะมีสิ่งใดที่ทั้งสองแตกต่างกัน ก็คงเป็นนัยน์ตาที่ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าตัวฉันในตอนนั้นมันมืดมิดและเต็มไปด้วยความโศกเศร้า มันไม่ได้สว่างสดใสและดูมีความสุขเหมือนกับคุณลุงที่แสนในดีที่ร้านกาแฟเลยแม้แต่น้อย

และไม่ช้าตัวฉันก็ตื่นจากฝันอันยาวนาน

ตัวฉันค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น วันนี้ที่บ้านหลังนี้เปลี่ยวเหงา เพราะว่ามีเพียงฉันที่อยู่คนเดี่ยว

หากแต่…

เมื่อฉันลืมตาขึ้นอย่างแท้จริง ฉันพบว่ามุมหนึ่งในห้องเล็กๆ ของฉันคุณลุงผู้แสนใจดีกำลังนั่งรอฉันอยู่ด้วยรอยยิ้ม

ในตอนนั้นฉันดีใจอย่างประหลาด ฉันรีบลุกและวิ่งไปหาคุณลุงผู้ใจดี และฉันก็ไม่ได้เรียกเขาว่าคุณลุง หากแต่เป็น “พ่อ”

ไม่รู้ว่าทำไมในตอนนั้นฉันถึงพูดอะไรที่ดูบ้าๆ บอๆ ออกไปตั้งมากมาย

“พ่อ… พ่อไม่ต้องร้องไห้ ไม่ต้องเศร้าใจนะ หนูอยู่ตรงนี้แล้ว” เมื่อฉันพูดจบตัวฉันในตอนนั้นก็ร้องไห้ออกมา

ไม่ช้ามือที่แสนอบอุ่นและใหญ่โตสำหรับฉันในตอนนั้นก็กอดรัดร่างฉันอย่างอบอุ่น

“แน่นอน…ลูซีอา บิดาจะมิเศร้าโศกอีกต่อไป เพราะบิดาหาเจ้าพบแล้ว”

.
.
.

“พ่อ” มันเป็นคำพูดง่ายๆ ที่ฉันพูดมันไปอย่างไม่รู้สึกตัว หากแต่ในไม่ช้า… ฉันแทบจะรู้สึกตลกในตัวเอง และก็เขินอายที่ฉันพูดแบบนั้น ทำไมนะเหรอ… ก็เพราะในไม่ช้าสติของหญิงสาวตัวเล็กๆ ที่แสนจะซื่อบื้อในสมัยนั้นก็กลับมา

ตัวฉันในตอนนั้นถึงกับทำหน้าตกใจ!!! สับสน!!! และงวยงง!!! นั่นเพราะว่าที่ห้องนี้ เป็นห้องของสาวน้อย บ้านหลังนี้ตัวฉันก็อยู่คนเดี่ยว และด้วยความสับสนฉันก็เลยเอยถามคุณลุงไปว่า

“คุณลุงหนูลืมปิดบ้านไว้เหรอ”

คุณลุงหันหน้าซ้ายขวาและตอบว่า

“ไม่”

“เหอ เหอ… แล้วคุณลุงเข้ามาในบ้านหนูได้ไง”

Leave a Reply