Skip to main content
ตอนทั้งหมดของ "เมื่อฉันได้ไปอยู่ในโลกแห่งเทพนิยาย"

ตอนที่ 7 | คำสัตย์แห่งราชาแห่งคนยักษ์

By 26/12/2020กุมภาพันธ์ 10th, 2021No Comments

ในครั้งนี้เมื่ออรินหลับฝันเธอพบว่าตัวเธอไม่ได้อยู่ในเมืองที่แปลกประหลาดอีกต่อไป หากแต่มันเป็นสถานที่ลึกลับ โดยมีชายหนุ่มรูปหล่อผมสีดำเป็นประกายที่ดูคล้ายกับคุณลุงที่มาร้านกาแฟของเธอเป็นประจำ

ที่นี่ดูเหมือนกับโบราณสถาน มีรูปปั่นขนาดใหญ่มากๆ มันใหญ่ขนาดที่ว่าแม้แต่ตึกที่สูงที่สุดที่อรินเคยเห็น ก็ยังเล็กกว่ารูปปั่นพวกนี้มาก หากแต่มันกลับแตกหักเป็นซะส่วนใหญ่

มีเพียงรูปเดี่ยวที่ยืนตระหง่านอย่างสมบูรณ์ เป็นรูปของสุภาพบุรุษที่ส่วมสิ่งที่อรินคิดว่าน่าจะเป็นมงกุฎ รูปปั่นนั้นจับดาบปักลงพื้นมือกุมดาบแบบสบายๆ หากแต่มันกับให้ความรู้สึกที่กล้าแกร่ง มั่นคง และปลอดภัย

ราวกับว่าถ้ารูปปั่นนี้มีชีวิตจริงๆ เขาจะเป็นชายที่สามารถทำให้ใครๆ ก็ตามที่อยู่ด้านหลังของเขารู้สึกมั่นใจที่จะฝากชีวิตของเขาไว้กับชายผู้นี้อย่างแน่นอน

ไม่นานชายหนุ่มรูปหล่อผมดำที่หน้าเหมือนคุณลุงที่ร้านกาแฟก็เดินไปเรื่อยๆ เข้าไปหารูปปั่นนั้น อรินรู้สึกว่าการเดินของชายรูปหล่อเหมือนจะช้า แต่เอาเข้าจริงๆ มันกลับรวดเร็วมากๆ ราวกับว่าเธอเดินผ่านประตูมิติยังไง ยังงั้นแหละ เพียงสามสี่อึดใจอรินและชายหนุ่มรูปหล่อก็มาถึงใต้ฐานของรูปปั่น

ชายหนุ่มรูปหล่อพยายามหาอะไรบางอย่าง ในที่สุดเขาก็พบ มันเป็นเหมือนอักษรอะไรซักอย่าง หากแต่เรื่องแปลกประหลาดก็เกิดขึ้นกับอริน !!!

เธออ่านมันออกและเธอก็เข้าใจมัน เธอจึงพูดมันออกมาอย่างช้าๆ โดยไม่ทันคิดพร้อมๆ กับชายหนุ่มรูปหล่อผมสีดำ “แด่องค์จักรพรรดิ์และองค์จักรพรรดินีผู้ยิ่งใหญ่ผู้ครอบครองโลกหล้าและดวงจันทรา ข้าราชาแห่งคนยักษ์ผู้ต่ำต้อย ผู้ครั้งหนึ่งมีนัยน์ตาอันมืดบอด มีหูที่ฝ้าฟาง หากแต่บัดนี้จักษุแห่งข้าได้กระจ่างชัดแล้ว รูปปั่นนี้ได้ถูกแกะสลักด้วยสองมือแห่งข้าตลอดร้อยปีมิเคยหยุดแต่นั่นก็มิอาจจะลบเลือนความต่ำช้าที่ตัวข้าได้กระทำไว้ และเพื่อมิให้โลหิตบาปแห่งเผ่าคนยักษ์ต้องแปดเปื้อนฝ่าพระบาทของพระองค์ ข้าได้สังหารสิ้นซึ่งคนยักษ์ที่บังอาจหันปลายหอกดาบและทรยศต่อพระองค์ทุกผู้ตนตลอด 500 ปี มิว่างเว้นไม่พวกมันจะอยู่ ณ ที่แดนดินใด และข้ายังได้กีดเลือดของตนสลักคำสัตย์แห่งข้าไว้ในสายโลหิต ตลอดจนเหล่าคนยักษ์ทุกตนภายใต้ข้าราชาแห่งคนยักษ์ เพื่อเหล่าคนบาปเช่นข้าจะได้มิทำผิดต่อองค์จักรพรรดิ์และจักรพรรดินีผู้เมตตาอีก”

เมื่ออรินและชายหนุ่มผมดำรูปหล่ออ่านจบประตูก็เปิดขึ้นภายในมืดมิด แต่ในทุกๆ ย่างก้าวที่ชายหนุ่มผมดำรูปหล่อเดินไป ความมืดมิดก็ค่อยๆ หายไป แทนด้วยแสงสว่างแทน นั่นเพราะรอบๆ ตัวของชายหนุ่มรูปหล่ออยู่ดีๆ ก็มี…

ภูติตัวเล็กๆ ที่ดูน่ารักมากมายบินรอบตัวเขาให้แสงสว่าง แถมบางตัวยังดูอวบอ้วนเหมือนอรินอีกด้วย บนหัวมันดูเหมือนจะมีมงกุฏเล็กๆ ปรากฏอยู่มันพิเศษกว่าตัวอื่นไม่น้อย แสงสว่างของมันก็จ้ามากกว่าภูติตัวอื่นๆ อีกด้วย

อรินถึงกับต้องพูดกับตัวเอง “เจ้าตัวนี้มันดูน่ารักจัง มันน่ารักเหมือนฉัน” อรินอยากที่จะเดินเข้าไปจับมัน แต่เมื่อเธอเดินไปถึงมันและเอามือจับเธอก็พบว่าเธอไม่สามารถทำได้ มือของเธอเหมือนอากาศที่ว่างเปล่า ที่ไม่สามารถคว้าจับสิ่งใดได้

อรินได้แต่เดินตามชายหนุ่มผมดำรูปหล่อต่อไปเท่านั้น

และในตอนนั้นเธอก็ถึงกับต้องตกตะลึง ที่นี่เป็นลานกว้างที่ใหญ่มากๆ มันใหญ่มากซะจนเธอคิดว่ามันสามารถเอาเมืองๆ หนึ่งมาตั้งไว้ภายในที่แห่งนี้ได้เลย

หากแต่ภายในกลับเรียงรายไปด้วยบางสิ่งที่มีรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า อรินคิดว่ามันอาจจะเป็นเหมือนบางสิ่งที่เธอเคยเห็นมันไม่ใช้แค่กล่องสี่เหลี่ยมธรรมดา แต่ต้องเป็นโลงศพแน่ๆ เหมือนกับของเด็กหญิงที่น่ารักที่เธอเคยเห็น

หากแต่โลงศพพวกนี้ใหญ่กว่าของเด็กหญิงนับร้อยเท่า มันใหญ่พอกับบ้าน 2 – 3 หลังเอามาต่อกัน ภายในนี้มีมากมายยิ่ง แต่ในทางตรงที่ทอดยาวออกไปสุดลูกหูลูกตา เมื่ออรินเดินเข้าไปเรื่อยๆ พร้อมกับหนุ่มรูปหล่อ เธอก็พบว่า ณ สุดทางเดินมีเก้าอี้ตัวใหญ่ ซึ่งมันน่าจะเรียกว่าบัลลังก์มากกว่า

มันดูเหมือนว่าจะถูกทำด้วยหิน หากแต่มันก็ช่างตระการตา เพราะด้วยขนาดของมันที่ใหญ่มากกว่าบ้านของอรินเสียอีก นอกจากนั้นด้านหลังเก้าอี้ตัวนี้ ก็แฝงไว้ด้วยงานศิลปะที่สวยงาม ราวกับว่ามันเป็นเรื่องราวของเหล่าคนยักษ์ โดยที่ตรงกลางมีรูปดาบขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่

ชายหนุ่มรูปหล่อไม่รอช้าเขาเดินสำรวจบัลลังก์ของราชาเผ่าคนยักษ์ และฝาผนังโดยรอบ และเมื่อไปถึงตัวดาบอรินก็พบว่ามันมีรูเล็กๆ เหมือนกับว่าเอาไว้เป็นรูที่เอาไว้สำหรับใส่กุญแจอะไรซักอย่าง หากแต่ในไม่ช้าอรินก็พบว่าชายหนุ่มรูปหล่อมีกุญแจ จากนั้นเขาก็ใส่มันเข้าไป กุญแจนี้มิได้มีขนาดใหญ่ยักษ์ มันดูเหมือนเป็นของมนุษย์ธรรมดา

และในไม่ช้าหลังจากใส่กุญแจเข้าไป ด้านหลังบัลลังก์แห่งราชาคนยักษ์ มันก็ได้แยกออกจากกันอย่างช้าๆ ภายในนั้นมีแสงสว่างในตัวเอง มันส่องแสงเจิดจ้ารอดออกมาจากช่องที่แยกออกจากกัน

อรินรีบตามชายหนุ่มรูปหล่อเข้าไปในแสงสว่างจ้าอันเจิดจรัสนั้นในทันที ตอนแรกอรินเธอคิดว่าเธอไม่สามารถเข้าไปที่ด้านในได้แน่ๆ เพราะว่ามันอยู่ไกลและสูงมาก แต่อยู่ๆ ร่างของเธอก็ลอยขึ้นและค่อยๆ ลอยไปยังแสงสว่างนั้นพร้อมๆ กับชายหนุ่มรูปหล่อผมสีดำ

ภายในราวกับว่าเป็นหินอ่อนที่ส่องประกายได้ และบางส่วนของมันก็ถูกทำด้วยทอง เสา พื้น ทุกอย่างดูเป็นของมีค่าทั้งหมด ลวดลายของฝาผนัง ช่างวิจิตและตระการตา อรินได้แต่คิดในใจถ้าเธอได้เสาของที่นี่ที่ถูกแกะสลักด้วยหินอ่อนส่องแสงได้และทองคำไป เธอคงจะรวยมากแน่ๆ อรินมั่วสนใจแต่เสาภายในห้องที่ถูกทำด้วยหินอ่อนที่ส่องประกายและทองคำ

หากแต่ในไม่ช้าอรินก็ก้าวเดินต่อไป ไม่ใช่เพราะว่าเธอต้องการ แต่เหมือนกับว่าเธอถูกดึงให้ลอยไปใกล้ชายหนุ่มรูปหล่อผมดำ เธอพบว่าส่วนที่ลึกที่สุดของที่แห่งนี้

ตรงกลางมีจอกน้ำที่เป็นเหมือนผลึกแก้วที่สวยงามภายในมีน้ำสีแดงโลหิตเหมือนเลือดอยู่

ด้านใต้ฐานมีตัวอักษรทองคำอยู่ เมื่อเห็นเช่นนั้นอรินก็รีบเข้ามาอ่าน

“คำสาปแห่งข้าต่อทุกผู้คน ตัวตนและเผ่าพันธุ์ที่ได้ทรยศและเป็นเหตุต่อการจากไปแห่งจักรพรรดินีผู้ครองจันทรา ไม่มีทางที่พวกมันจะถอนคำสาปแห่งข้านี่ได้ จนกว่าจักรพรรดินีจะกลับมาอีกครั้งพร้อมด้วยการอวยพรแห่งข้า เลือดหยดนี้ของข้ามอบไว้เป็นเครื่องเตือนใจแก่ผู้โง่งมทั้งหลาย ตราบจนกว่านางจะกลับมา เลือดหยดนี้แห่งข้าจะเป็นทั้งพรและคำสาปของพวกเจ้าไปจนนิจนิรันดร์ตราบจนกว่านางจะกลับมาหาข้า ลามาซตู”

อรินอ่านย้ำอีกครั้งเบาๆ คำว่า “ลามาซตู” เธอเหมือนคิดอะไรออกและรู้สึกคุ้นเคย แต่ในไม่ช้าภาพทุกๆ อย่างก็ค่อยๆ เรือนหายไป

.
.
.

อรินตื่นขึ้นเธอพบว่า ณ ตอนนี้เป็นเวลาที่เธอต้องตื่นพอดี ในใจเธอได้แต่คิด ฝันของเธอในวันนี้ดูน่ากลัวนิดๆ แต่มันก็สนุกดีนะ

มันเหมือนการไปท่องเที่ยวที่เราไม่ต้องเหนื่อยเดิน หากแต่มันก็มีข้อเสียบางอย่างเธอไม่สามารถเก็บรูปจากการเดินทางในฝันแบบนี้ไปอวดใครๆ ได้…

เธออยากเอามือถือของเธอไปด้วยจัง (- -!)

Leave a Reply