[ย้อนกลับมาเมื่อหลายเดือนก่อน ณ โลกในยุคปัจจุบัน ในปี 2020 ณ ประเทศเล็กๆ แห่งหนึ่ง]
.
.
.
ที่นี่เป็นที่ๆ ฉันเคยอยู่
มันเป็นตึกแถวเล็กๆ แต่ว่าหลายๆ ห้องพ่อและแม่ของฉันเป็นเจ้าของมัน และในชั้นล่างสุดพวกเราทำมันเป็นร้านกาแฟเล็กๆ และมีขนมที่อร่อยๆ มากมาย
ฉันจำได้ว่าเมื่อก่อน ในทุกๆ วันที่ฉันตื่นมาฉันจะเห็นแม่ของฉันกำลังวุ่นวายอยู่กับการทำขนมเค้ม ขนมปังและของอร่อยๆ อีกมากมาย ฉันชอบกินพวกมันมากเลยละ โดยเฉพาะขนมไทยที่ทำด้วยฝีมือแม่ของฉัน มันเป็นสิ่งที่ฉันชอบที่สุด
ในช่วงสายๆ ฉันก็จะไปช่วยคุณพ่อของฉันที่หน้าร้าน ฉันเริ่มเรียนรู้ที่จะทำเครื่องดื่มและขนมตั้งแต่อายุ 4 ขวบ ลูกค้าและคนแถวๆ นี้ต่างชอบเครื่องดื่มที่ฉันทำ หลายๆ คนยังชมว่าฉันน่ารักอีกด้วย
พ่อกับแม่ของฉันพวกท่านรักฉันมากๆ เรามีวันเวลาที่ดีด้วยกันเสมอ ฉันมีเสื้อผ้าดีๆ ใส่ มีชุดสวยใหม่ๆ ที่คุณแม่เหลือให้อยู่ตลอด และในทุกๆ วันหยุด พ่อและแม่ก็จะพาฉันไปกินของอร่อยๆ อยู่เสมอ และนั่นอาจจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของฉัน ณ โลกใบนี้
จนกระทั่งวันหนึ่ง เรื่องร้ายๆ ของตัวฉันก็เกิดขึ้น ฉันพบว่าพ่อและแม่ของฉันไม่ได้กลับมาที่บ้านหลังนี้อีกต่อไป คุณอาของฉันและคนอื่นๆ อีกมากมายต่างมาพูดคุยกับฉัน ตอนนั้นฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร
แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ฉันเสียใจมากๆ และร้องไห้อยู่เสมอก็คือ พวกเขาบอกว่าพ่อและแม่ของฉันจะไม่กลับมาหาฉันอีกแล้ว
วันเวลาผ่านไป ดูเหมือนบ้านของฉัน มันจะไม่ได้เป็นของฉันอีกต่อไป คุณอาของฉันได้เข้ามาเป็นเจ้าของบ้านแห่งนี้ ตึกแถวที่เคยเป็นของคุณพ่อและคุณแม่ของฉัน
ฉันไม่ได้มีปัญหาอะไรกับคุณอาของฉันเท่าไร เพราะท่านก็ดีและรักฉันมากๆ เหมือนกันเพียงแต่…
ท่านไม่ได้เป็นคนเดี่ยวที่มาที่บ้านหลังนี้ที่เคยเป็นของฉัน พ่อและแม่ แต่ยังมีผู้หญิงและเด็กผู้หญิงที่ดูเหมือนว่าเธอจะอายุน้อยกว่าฉันนิดหน่อย
ช่วงเวลาเริ่มต้นของเราดูสวยงาม แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป ดูเหมือนว่าทุกๆ สิ่ง ทุกๆ อย่างของฉันก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป ชุดและเสื้อผ้าสวยๆ ของฉันถูกมอบให้น้องสาวของฉันที่เป็นลูกของคุณอาแทน พวกเขาบอกว่าฉันใส่มันไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เพราะฉันเริ่มตัวใหญ่เกินไป
ห้องนอนที่สวยงาม ที่มีของเล่นและตู้เสื้อผ้าสวยๆ ของฉันก็ถูกมอบให้น้องสาวของฉันอีกเช่นเดี่ยวกัน เพราะภรรยาของคุณอาบอกกับฉันว่า น้องสาวของฉันเริ่มโตแล้วเธอจำเป็นที่จะต้องมีห้องนอนของตัวเอง
ภรรยาของคุณอาถามฉันว่า ในฐานะพี่สาวฉันจะให้มันเป็นของขวัญแก่น้องสาวของฉันได้หรือไม่ แน่นอนฉันพร้อมที่จะยกมันให้เธอ ก็เธอเป็นน้องสาวของฉันนิ และฉันก็รักเธอมากจริงๆ
จากนั้นไม่นานวันเวลาก็ค่อยๆ ผ่านไป ผ่านไป ฉันค่อยๆ โตขึ้นเรื่อยๆ และรับรู้สิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น ฉันรู้จักคำว่า “โกหก” มันคือการที่คนๆ หนึ่งพูดอะไรก็ได้เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง และสิ่งที่พูดนั้นก็ไม่เป็นความจริง
แต่ฉันไม่สามารถพูดแบบนั้นได้ นั่นเพราะในตอนเด็กๆ ฉันจำได้ว่าพ่อและแม่ของฉัน พวกท่านบอกว่าคนเราไม่ควรที่จะพูดโกหก และถ้าฉันต้องการที่จะเป็นเด็กดีและมีขนมอร่อยๆ กิน ฉันต้องไม่พูดโกหก
แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม ฉันไม่ได้พูดโกหกอะไรเลย ฉันเป็นเด็กดี และรู้จักที่จะเสียสละ แต่ดูเหมือนว่าขนมอร่อยๆ ของฉันจะไม่ค่อยมีอีกต่อไป
ภรรยาของคุณอาบอกกับฉันว่า ฉันทำเครื่องดื่มอร่อยและโตมากพอแล้วสำหรับเด็กผู้หญิงอายุ 9 ขวบ และฉันต้องเรียนรู้ที่จะทำงาน
ฉันกลายเป็นพนักงานของร้านกาแฟเล็กๆ ที่ครั้งหนึ่งฉันคิดว่ามันเป็นของฉัน
5 โมงเย็น ถึง 4 ทุ่มคือเวลาที่ฉันต้องทำงาน ถ้าเป็นวันหยุดเรียนฉันต้องทำงานทั้งวันเลย นอกจากนั้นฉันยังต้องเก็บร้านคนเดี่ยวอยู่บ่อยครั้ง ล้างแก้วคนเดี่ยวและต้องทำความสะอาดร้านอีกด้วย มันทำให้ฉันต้องอยู่ดึกถึงเที่ยงคืนอยู่บ่อยๆ
และมันก็ทำให้ฉันง่วงนอนอยู่ตลอดเวลาในตอนที่ฉันต้องไปโรงเรียน เพราะฉันต้องตื่นแต่เช้า เพื่อเตรียมของว่างและเครื่องดื่มให้กับภรรยาของคุณอาและน้องสาวของฉัน
“นิรัน” คือชื่อของน้องสาวของฉัน ตอนเด็กๆ เธอน่ารักมากและก็เชื่อฟังฉันนะ แต่พอเธอเริ่มโตขึ้น ดูเหมือนว่าเธอจะไม่คิดว่าฉันเป็นพี่สาวของเธอเท่าไรเลย ทั้งๆ ที่ฉันก็รักและทำทุกอย่างเพื่อเธอ
เธอมักเรียกชื่อของฉันมากกว่าเรียกฉันว่าพี่สาว แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็รักเธอมากจริงๆ
เพราะฉันจำได้ว่า พ่อกับแม่ของฉันสอนให้ฉันรักน้องและรักคนอื่นๆ เหมือนกับที่เรารักตัวของเราเอง ฉันจำมันได้และฉันก็จะทำมันต่อไป
แม้ช่วงหลังๆ ฉันจะเริ่มรู้สึกลำบากใจบ้างก็ตาม
นั่นเพราะฉันไม่ใช่แค่จะต้องรับมือกับภรรยาของคุณอาและน้องสาวที่นับวันก็ยิ่งเป็นคนเอาแต่ใจมากยิ่งขึ้นในความรู้สึกของฉัน
ฉันพบว่าแม้แต่เรื่องของเพื่อนๆ ก็ทำให้ฉันแย่… ฉันไม่มีเพื่อนเพราะว่าเพื่อนของฉันส่วนใหญ่ที่น่ารักและจิตใจดี ฉันไม่ได้เรียนที่เดี่ยวกับพวกเขาอีกต่อไป
ภรรยาของคุณอาบอกว่า พวกเขาไม่มีเงินมากพอที่จะส่งฉันเรียนโรงเรียนดีๆ แต่เธอก็ให้น้องสาวของฉันได้เรียนที่นั้น ส่วนฉันกลับต้องย้ายไปเรียนอีกที่แทน
ฉันไม่มีรถรับส่งตอนที่ตัวฉันไปโรงเรียนอีกแล้ว ฉันต้องเดินไปโรงเรียนแทน ภรรยาคุณอาบอกว่า โชคดีที่โรงเรียนอยู่ไม่ไกลจากบ้านเท่าไร แน่นอนเมื่อเราเริ่มชินกับมัน มันย่อมไม่ไกล ระยะทาง 3 – 4 กิโลเป็นระยะที่เหมาะแก่การออกกำลังกาย
แต่กว่าที่ฉันจะเดินไปถึงที่โรงเรียนในทุกๆ เช้า หลังเตรียมเครื่องดื่มและอาหารเช้า ตัวฉันก็เต็มไปด้วยเหงื่อเสมอ
ที่นั่นฉันไม่ค่อยมีเพื่อนเท่าไร เพราะฉันเป็นคนที่มาทีหลัง ฉันเริ่มต้นเรียนที่นี่ ในตอนที่พวกเขาเรียนและรู้จักกันมาอย่างเนิ่นนาน และพวกเขาชอบว่าฉันอ้วน ขี้เหล่ และที่ฉันไม่ชอบใจที่สุด คือ “โง่”
ฉันพยายามตั้งใจเรียนและขยันอยู่เสมอๆ แต่ฉันก็รู้สึกง่วงอยู่เสมอในเวลาที่เรียน ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน และนั่นก็ทำให้การเรียนฉันแย่
นอกจากฉันไม่ค่อยมีเพื่อนแล้ว ฉันยังมักถูกเพื่อนผู้ชายแกล้งอีก มันเป็นอะไรที่แย่มากๆ หลายๆ ครั้งฉันไม่อยากไปโรงเรียน พวกเด็กผู้ชายดูเหมือนจะมีความสุขเมื่อเห็นฉันร้องไห้
และที่นั่นดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสนใจน้ำตาของเด็กผู้หญิงอย่างฉันเลย
และเพราะแบบนั้นทำให้ฉันอยากอยู่ที่ร้านกาแฟมากกว่า เพราะอย่างน้อยๆ ที่แห่งนี้ก็ยังมีคนที่รักฉันอยู่บ้าง
ป้าข้างบ้าน พี่สาวใกล้บ้านและคนที่รู้จักคุณพ่อและคุณแม่ของฉันพวกเขายังใจดีกับฉันอยู่เสมอเหมือนเมื่อก่อน
และนั่นก็ทำให้ฉันรักที่จะทำงานมาก และอีกเหตุผลหนึ่งที่พิเศษที่สุดก็คือ ที่ร้านกาแฟ ฉันสามารถหยิบเอาหนังสือที่ฉันชอบขึ้นมาอ่านได้ด้วยละ
แม้ภรรยาของคุณอาจะไม่ค่อยชอบที่ฉันทำแบบนี้เท่าไร แต่ฉันก็สามารถแอบอ่านมันได้อยู่เสมอ
เพราะพี่สาวที่น่ารักที่เป็นพนักงานของร้านกาแฟแห่งนี้อีกคนมักช่วยให้ฉันมีเวลาว่างอยู่เสมอๆ เธอจะเป็นคนช่วยดูภรรยาของคุณอาให้ฉัน เธอรักและดีกับฉันเหมือนกับตอนที่พ่อและแม่ของฉันอยู่
ไม่เหมือนกับภรรยาของคุณอาที่เขารักฉันเฉพาะเมื่อเวลาที่พ่อและแม่ของฉันมีชีวิตอยู่
.
.
.
ในชีวิตนี้ของฉัน ฉันคิดว่าจะไม่มีใครดีและรักฉันเหมือนกับพ่อและแม่ของฉันอีกต่อไป จนกระทั่งวันหนึ่ง…
ในช่วงหัวค่ำ ที่ฉันเกือบจะต้องปิดร้านแล้วมีผู้ชายคนหนึ่งที่ดูสูงวัยแต่กลับดูสง่างามมากๆ ฉันรู้สึกว่าเขาแข็งแรงและตัวใหญ่ เขาไม่เหมือนชายสูงวัยอื่นๆ ที่ฉันรู้จัก
ชายสูงวัยคนนี้ เขามาที่นี่พร้อมกับหนังสือแปลกๆ เล่มใหญ่ที่ดูเหมือนจะเก่ามากๆ
ฉันจำวันแรกที่เจอเขาได้ดี น้ำเสียงของเขาสุภาพและดูใจดีมากๆ เขายิ้มให้ฉันด้วย มันเป็นรอยยิ้มที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับรอยยิ้มของพ่อและแม่ของฉันเลย
ฉันรู้สึกดีอย่างแปลกประหลาด และมีความสุขตั้งแต่ได้เห็นเขาครั้งแรก
เขาสั่งเพียงโก้โก้หนึ่งแก้ว และก็จะนั่งจนปิดร้าน…
แต่สิ่งที่แปลกก็คือ ที่นั่งที่เขาเลือกมักจะหันมาทางฉันเสมอ…
ตอนนั้นในห้วงหนึ่งของความคิดเล็กๆ ของฉัน สาบานว่าเล็กจริงๆ ฉันคิดว่าเขาเป็นพวกโจรลักพาตัวเด็กที่พ่อและแม่เคยเล่าให้ฉันฟัง
แต่เมื่อฉันได้คิดดีๆ ฉันก็พบว่าตัวฉันไม่เด็กแล้ว ฉันอายุได้ 13 ปีกว่าๆ แล้วในตอนนี้ นอกจากนั้นฉันก็ยังอ้วนมากอีกด้วย และดูไม่น่ารักเหมือนเด็กผู้หญิงคนอื่นเท่าไร
โจรคงอุ้มฉันไม่ไหวหรอกฉันคิดแบบนั้น และถึงแม้โจรจะอุ้มฉันได้ แต่ก็คงไม่มีใครต้องการเด็กผู้หญิงที่ไม่น่ารักแบบฉันซักเท่าไหร่หรอก