อาทิตย์ที่กำลังนอนพักอยู่ ค่าสตามิน่าของเขายังไม่ทันฟื้นฟูดีนัก หากแต่ในไม่ช้าเสียงก้องกังวาลที่ยิ่งใหญ่ก็ดังขึ้นในหัวเขา
[จงเรียนรู้ที่จะสัมผัสซึ่งมานา และเอาชนะศัตรูที่กล้าแข็งทั้งหมด]อาทิตย์ถอนหายใจออกเล็กๆ ก่อนที่จะเริ่มเอนกายขึ้น จากนั้นไม่นานเขาก็เริ่มใช้สัมผัสแห่งจิตวิญญาณของตัวเองสัมผัสกับมานา
จากนั้นไม่นานประสาทสัมผัสต่างๆ ของเขาก็คมชัดขึ้นเรื่อยๆ ที่ดวงตาของอาทิตย์มีแสงสว่างจางๆ อยู่
สิ่งที่อาทิตย์ทำนี้ไม่ใช้ความบังเอิญ แต่มันเป็นปัญญารู้แจ้งที่ถูกมอบโดยระบบ และในไม่ช้ามันก็หายไป
ถ้าใครซักคนต้องการที่จะคงความสามารถนี้ไว้ คนๆ นั้นต้องทำสิ่งนี้ด้วยตัวเอง และมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำความเข้าใจกับมานาว่าแท้ที่จริงแล้วมันคืออะไร
ความหมายของมานาในโลกเสมือนหรือเกมที่ถูกสร้างโดยมือทั้งเจ็ดของพระเจ้านั้น มันคือพลังอำนาจที่เหนือธรรมชาติ ที่ปรากฏในทุกๆ สรรพสิ่ง ทุกผู้คนสามารถหยิบยื่มมันมาใช้ได้ ทั้งจากภายนอกและภายในของตัวเอง
หากแต่ข้อจำกัดในการใช้คือการเข้าถึงจิตวิญญาณที่แท้จริงของตัวเอง แม้ผู้คนทั่วไปจะคิดว่านี้เป็นพลังพิเศษหรือแค่ความสามารถในเกมที่ปรากฏในรูปของหลอดมานา หากแต่สำหรับตัวอาทิตย์นั้นกลับไม่
เขาได้จดจำทุกสิ่งที่พี่ชายของเขาเคยพูดเสมอ
“โลกเสมือนนี้มันไม่ใช่เกม หากแต่มันเป็นโลกอีกใบที่เราต้องเรียนรู้มัน” นี่คือสิ่งที่พี่ชายของอาทิตย์เคยพูดไว้และมันก็ฝังซึ่งในจิตใจของอาทิตย์เสมอมา
นอกจากนั้นพี่ชายของตัวอาทิตย์เองยังเคยพูดถึงเรื่องของมานาเอาไว้ว่า “ถ้าจะมีสิ่งใดที่จะเปลี่ยนคนธรรมดาในโลกแห่งความเป็นจริงให้เป็นคนที่พิเศษ สิ่งนั้นก็คือมานา”
และนั่นก็ทำให้ทุกครั้งที่พี่ชายของอาทิตย์ออกจากโลกเสมือน ทุกๆ ครั้งเขาจะใช้เวลาส่วนหนึ่งฝึกที่จะทำสมาธิ และพี่ชายของอาทิตย์ก็มักพูดกับอาทิตย์ที่ตอนนั้นเป็นเพียงเด็กน้อยผู้เป็นน้องชายของเขาเสมอว่า “เมื่อไหร่ก็ตามที่จิตของเรานิ่งพอ โลกจะเคลื่อนไหวช้าลง และเมื่อไหร่ก็ตามที่จิตของเราหยุดลงโลกอีกใบอันน่าอัศจรรย์ก็จะปรากฏ ในโลกเสมือนเรียกสิ่งนี้ว่ามานา” พี่ชายของอาทิตย์มักกล่าวถึงสิ่งนี้ด้วยรอยยิ้มเสมอมา
ในช่วงแรกอาทิตย์ไม่เคยเข้าใจสิ่งนี้เลย จนกระทั่งเมื่อเขาได้เข้าสู่โลกเสมือนด้วยตัวเอง และได้ก้าวเข้ามาในปราสาทแห่งนี้
องค์ความรู้และปัญญารู้แจ้งที่ระบบได้มอบให้เขาในช่วงเวลาหนึ่งแม้จะเพียงสั้นในการสัมผัสซึ่งมานา มันเป็นความรู้สึกที่น่าอัศจรรย์มากๆ หากแต่ในครั้งแรกที่อาทิตย์เด็กน้อยได้เข้ามาในโลกเสมือนนี้ การจะรักษามานามันก็ยากเสียเหลือเกิน แม้เพียง 1 – 2 วินาทีก็เป็นเรื่องยากลำบากในการสร้างการรับรู้มานาเป็นอย่างยิ่ง
และในไม่ช้าโดยที่ตัวของเขาเองยังไม่ทันรู้ตัว เขาก็พบว่าร่างของตัวเองกลายเป็นอนุภาคแสง และกลับไปจุดเริ่มต้นใหม่แล้วในโลกแห่งเกม
อาทิตย์เด็กหนุ่มในวัย 15 ปี ในตอนนั้นใช้เวลาหลายเดือนเรียนรู้เกี่ยวกับมันทั้งในโลกเสมือนหรือเกมและในชีวิตจริงของตัวเอง โดยองค์ความรู้และปัญญารู้แจ้งที่ระบบมอบให้ทำให้ในเวลาเพียง 1 – 2 เดือนตัวเขาก็เริ่มเข้าใจถึงมันและใช้มันได้ดี
และเมื่อการรับรู้มานาของเขาตื่นขึ้นอย่างแท้จริง
อาทิตย์เด็กหนุ่ม เขาก็สามารถมองเห็นร่างเงาอันเรือนรางที่ราวกับสายหมอกในความมืดมิด เป็นร่างของมนุษย์รูปร่างสันทัด และเป็นผู้ที่กำลังจะมอบบททดสอบให้กับเขา
แอสซาซิน (Assassin : นักฆ่า) มันคือสายอาชีพนักฆ่าอย่างแท้จริง มันแนบเนียนและยากจะมองเห็น นอกจากนั้นมันยังรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง
…
“เห้ นิกะไม่ให้เวลากันพักเหนื่อยเลยใช่ไหม” อาทิตย์ก้าวถอยหลังหลบคมมีดที่กำลังจะปาดเข้าไปที่คอของเขาได้อย่างเฉียดชิว
จากนั้นไม่นาเขาก็หมุนตัว และตีเข้าที่ท้องของแอสซาซิน ในไม่ช้าสถานะของแอสซาซินก็ปรากฏให้ อาทิตย์มองเห็นได้
[นักฆ่าโครงกระดูก lv.9] [HP: 409/419]ดูเหมือนว่าความรุนแรงที่เด็กหนุ่มสร้างให้กับนักฆ่าโครงกระดูกนั้นจะต่ำมากทีเดี่ยว แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยเป็นปัญหาเท่าไรนัก
แม้นักฆ่าโครงกระดูกจะเร็วมาก แต่ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มอาทิตย์ของเราจะสามารถอ่านจังหวะ และมองการโจมตีของนักฆ่าโครงกระดูกออกทั้งหมด
ไม่ช้าอาทิตย์ก็มีจังหวะฟาดเข้าไปที่ช่วงท้องของนักฆ่าโครงกระดูกอีกครั้ง
[นักฆ่าโครงกระดูก lv.9] [HP: 382/419]พลังชีวิตของนักฆ่าโครงกระดูกลดลงไปอีกเล็กน้อย และในไม่ช้ารูปแบบการล่าสังหารของนักฆ่าโครงกระดูกก็เปลี่ยนไป เมื่อมันรู้ตัวแล้วว่ามันเริ่มเสียเปรียบในการต่อสู้ระยะประชิด
มันเริ่มพยายามทิ้งระยะห่างกับเด็กหนุ่ม และพยายามจะใช้อาวุธลับ แต่แม้จะเป็นแบบนั้น เด็กหนุ่มก็ราวกับว่ารู้ทันรีบสาวเท้ารักษาระยะที่เหมาะสมไปกับนักฆ่าโครงกระดูก ทั้งสองใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการรักษาระยะห่างและจังหวะ
ทั้งเด็กหนุ่มและนักฆ่าโครงกระดูกต่างไม่มีฝ่ายใดรีบโจมตี ราวกับว่าทั้งสองเป็นนักฆ่าที่เชี่ยวชาญ ที่ต่างรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามสามารถปลิดชีวิตของตนได้อย่างง่ายดายหากมีความผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย
ในไม่ช้าดูเหมือนว่าคนที่จะเผยจุดอ่อนออกมาก่อนก็คืออาทิตย์ เด็กหนุ่มของเรา ค่าสตามิน่าของเขามาถึงจุดต่ำสุดอีกครั้ง มันต่ำกว่า 5% และเมื่อนักฆ่าโครงกระดูกเห็นเช่นนั้น
มันก็พุ่งเข้าหาเด็กหนุ่มในทันทีพร้อมตวัดมีดสั้นเข้าที่ช่องท้อง
อาทิตย์แสยะยิ้มเล็กๆ ก่อนจะออกปากบ่นนักฆ่าโครงกระดูก “นิสัยเดิมของนายไม่เปลี่ยนเลยนะพี่โครงกระดูก”
!!!ป้างงงงงงง
เสียงฟาดลงที่บริเวณลำคอของนักฆ่าโครงกระดูกดัง โดยที่ดาบไม้ของของเด็กหนุ่มนี้แสงออร่าจ่างๆ ปรากฏอยู่ แม้พลังโจมตีนี้จะเป็นเกือบ 10 เท่าของปกติที่อาทิตย์เด็กหนุ่มทำได้ แต่มันก็มีค่าความเสียหายอยู่ที่ประมาณ 90 – 110 เท่านั้น
แต่ถึงอย่างนั้นนักฆ่าโครงกระดูกก็ตายในทันที สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเกมกลางจักรวาลนี้ แตกต่างจะเกมทั่วๆ ไป มันมีหลักแห่งความเป็นเหตุเป็นผลเหมือนกับจักรวาลที่แท้จริง
แม้มันจะมีค่าพลังชีวิตปรากฏให้กับเหล่าผู้เล่นได้มองเห็น หากแต่ในการต่อสู้จริง หากเราสามารถสร้างความเสียหายในจุดสำคัญมองเหล่ามอนเตอร์หรือตัวละครต่างๆ ได้ เช่นที่หัวใจ หรือศรีษะ มอนเตอร์หรือตัวละครนั้นๆ ก็จะตายในทันทีแม้แต่ผู้เล่นก็ตาม
ดังนั้นการโจมตีที่ 80-90 ดาเมจ จึงมาพอที่จะสังหารนักฆ่าโครงกระดูกให้ตายในทันทีในการโจมตีเพียงทีเดี่ยว
หากแต่ดูเหมือนว่าหลังจากทำสำเร็จ ความดีใจของเด็กหนุ่มจะไม่มีเลยนั่นเพราะ ในไม่ช้าเขาก็พบว่ามีเหล่านักฆ่าโครงกระดูกอีกนับสิบปรากฏตัวออกมา โดยที่ตัวเขาแถบจะไม่มีเวลาพักเลย
และเด็กหนุ่มก็ทำได้เพียงออกปากบ่นเบาๆ อีกเช่นเคย “ไม่ปล่อยให้พักกันเหมือนเดิมเลยสินะ” เด็กหนุ่มพูดพล่างหายใจหอบ ก่อนจะค่อยๆ ย่างกายเข้าไปในกลุ่มของนักฆ่าโครงกระดูก
ในไม่ช้าเสียงแห่งการต่อสู้ก็ปรากฏ นักฆ่าโครงกระดูกตัวแล้วตัวเล่า ถูกฟาดด้วยดาบไม้อย่างแม่นยำในจุดสำคัญ
จนกระทั่งทุกอย่างก็จบลงค่าสตามิน่าของอาทิตย์เหลือเพียง แค่ 0.5% เท่านั้น
ถ้าหากนี้เป็นโลกแห่งความเป็นจริงอาทิตย์เด็กหนุ่มของเราคงกำลังใกล้ที่จะเหนื่อยตาย มันเหมือนกับว่าเขาอยู่บนหน้าผาที่สูงชัน โดยมีอีกเพียงแค่ครึ่งก้าวเท่านั้นที่เขาจะตกลงไปสู่หุบเหวแห่งความตาย
แต่โชคดีที่แห่งนี้มันเป็นแค่เกมและโลกเสมือน ตัวระบบได้รักษาค่าต่ำสุดของค่าสตามิน่าเอาไว้ที่ 1% หากแต่ว่าในการทดสอบเควสนี้มันกลับสามารถลดต่ำลงไปได้ถึง 0.5%
และนั้นก็เป็นเครื่องบ่งชี้อีกอย่างถึงความยากลำบากของเควสนี้ มันเหมือนกับว่า ทางเดินที่เด็กหนุ่มอาทิตย์เลือกเดินนั้นมันไม่มีวันสำเร็จ
เขาต้องต่อสู้ในสภาพที่เหมือนคนใกล้ตายอยู่ตลอดเวลา และแถบจะไม่ได้หยุดพัก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เลือกที่จะฝ่าฟันมันไป
ในปราสาทแห่งความมืดมิดนี้ เหล่านักฆ่าโครงกระดูกนั้นแท้จริงมันเป็นเพียงแค่การโหมโรง นั้นเพราะการต่อสู้ที่แท้จริงนั้นเริ่มต้นหลังจากนี้
เมื่ออาทิตย์เอาชนะเหล่านักฆ่าโครงกระดูกทั้งหมดได้แล้ว แทนที่เขาจะหยุดพักเขากลับพยายามรีบเดินให้เร็ว จนในที่สุดเขาก็มาถึงโถงทางเดินยาว และในไม่ช้าเสียงของผู้ยิ่งใหญ่ก็ดังก้องอีกครั้งหนึ่ง
[จงเรียนรู้ที่จะดึงดูดมานา และใช้มันมาเป็นพลังของตัวเอง ก้าวผ่านในเส้นทางที่ไม่มีผู้ใดจะก้าวผ่านได้]ไม่ช้าร่างของเด็กหนุ่มก็ราวกับว่าได้รับการเชื่อมต่อกับจักรวาล มันเป็นความรู้สึกที่แสนพิเศษราวกับว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งกับธรรมชาติ การรับรู้ต่างๆ ของเขาชัดเจนยิ่งขึ้น จิตของเขานิ่งไม่ไหวติ่ง ราวกับว่าเขากำลังจะรวมเป็นหนึ่งกับสรรพสิ่งรอบตัวเขา
หากแต่ความรู้สึกนี่ก็อยู่ไม่นานนักเพียง 2-3 วินาทีเท่านั้นที่เขาได้สัมผัสถึงความรู้สึกเหล่านี้ ค่าสตามิน่าหรือค่าความอึดของเขาจาก 0.5% กลายเป็น 24% ในทันที
และก็เช่นเดิมนี่ไม่ใช่ครั้งและที่อาทิตย์เด็กหนุ่มอายุ 17 ปี เคยมาถึงที่ตรงนี้ เขาเคยผ่านมันมานับเป็นพันๆ ครั้งแล้ว และเมื่อมาถึงที่ตรงนี้บุคลิกที่เคยดูสบายๆ ของเด็กหนุ่มหายไปจนหมด ดาบไม้ที่เขาเคยถือสบายๆ ราวกับว่านรกโครงกระดูก ซากมังกรและนักฆ่าที่เขาพบเจอเป็นเรื่องสามัญ
หากแต่มันไม่ใช่ ณ ที่แห่งนี้
อาทิตย์นั้นนอกจากจดจอกับทุกสิ่ง แต่เขายังเฝ้าระวังทุกอย่างที่อยู่รอบตัว
ในทางเดินที่ทอดยาวหลังจากชายหนุ่มก้าวผ่านประตูมา ณ ที่แห่งนี้ มันเป็นด้านในของปราสาทที่แท้จริง ในเส้นทางนี้ ทั้งสองข้างของทางเดินเป็นหุบเหวลึกที่ดูเหมือนมันมิอาจจะมองเห็นได้เลยว่าด้านล่างในมันอยู่ที่ใด
ระยะทางที่เด็กหนุ่มต้องก้าวผ่านนั้นไม่มากไม่น้อย เพียงประมาณหนึ่งหมื่นก้าวเท่านั้นเขาก็จะไปถึงอีกด้านหนึ่งของประตูได้
แต่ถึงอย่างนั้น ณ ที่แห่งนี้มันก็ไม่ใช่การก้าวผ่านธรรมดาเป็นแน่ ในเพราะในเส้นทางที่ทอดยาวตรงหน้าของเด็กหนุ่มนี้ ตลอดเส้นทางที่เขาต้องก้าวเดิน มันมีเส้นทางย่อเล็กๆ ที่พอสำหรับให้คนสองคนเดินพร้อมกับเชื่อมอยู่หลายสิบสาย
และในไม่ช้า บนทางเดินเหล่านั้นที่เชื่อมต่อกับเมฆหมอกสีเทาที่ไม่อาจจะมองทะลุผ่านไปได้ก็ค่อยๆ มีเหล่าอัศวินโครงกระดูกปรากฏออกมามากมายนับพัน
[อัศวินโครงกระดูก LV. 9] [นักธนูโครงกระดูก LV. 9] [จอมเวทกระดูก LV. 9]และนอกจากนั้นในด้านหลังสุดมันก็ยังมีนักรบคลั่งโครงกระดูกที่มีรูปร่างสูงใหญ่เกือบ 3 เมตรเดินออกมาอีกนับร้อยตัว
[นักรบคลั่งโครงกระดูก LV. 19]โชคดีอย่างเดี่ยวที่เด็กหนุ่มอาทิตย์มีในก็คือโถงทางเดินของเด็กหนุ่มที่ด้านข้างเป็นหุบเหวลึกนั้น มีความกว้างไม่เพียงพอให้คน 4-5 คนเดินไปพร้อมกันเท่านั้น และนั้นทำให้แม้ว่าพวกอัศวินโครงกระดูกทั้งหลายจะมีมากมาย หากแต่การรับมือตรงหน้าจริงๆ นั้น เด็กหนุ่มจะพบเจอพวกมันแค่เพียงทีละ 3-4 ตัวเท่านั้น
และในไม่ช้าเสียงดังของแตร่ก็ดังก้องกังวาลไปทั่วไป แม้แต่พื้นดินที่เด็กหนุ่มยืนอยู่ก็สามารถรับรู้ได้ซึ่งการสั่นไหวของอัศวินโครงกระดูกนับพันนับหมื่นที่ปรากฏตัวออกมา
และในไม่ช้าจากการก้าวก็เป็นการวิ่ง
เด็กหนุ่มอาทิตย์ตั้งสติจากนั้นในไม่ช้าเขาก็กุมดาบไม้ในมือของเขาแน่น…