แต่หลี่เค่อก็ไม่ไยดีมากนัก เขาส่งสายตาหาจั่วยุ่น
จั่วยุ่นไม่จำเป็นต้องพูดอะไร เขารีบดึงปืนอีกกระบอกออกมา โยนมันให้หลี่เค่อ พร้อมเปิดกระเป๋าที่อยู่ด้านหลัง มีแม็กกระสุนปืนอยู่เกือบสิบแม็ก
หลี่เค่อถือปืนสองมือ สาดกระสุนอย่างชำนาญ เมื่อหลี่เค่อยิงกระสุนใกล้หมด จั่วยุ่นก็โยนแม๊กกระสุนปืนชุดใหม่ให้หลี่เค่อทันที หลี่เค่อเปลี่ยนแม๊กกระสุนเก่าและใหม่อย่างชำนาน
!!!ปังปังปังปังปัง
ดูเหมือนชายชราจะหมดความอดทน สายหมอกสีแดงก่อรูปราวกับเป็นใบหน้าอสูรยักษ์ จากสายหมอกมันกลายเป็นเพลิงแดงที่ร้อนแรง มันอ้าปากจากนั้นคำรามพร้อมกระโจมเข้าหาหลี่เค่อ
ตลอดช่วงเวลาที่ยิง แม้หลี่เค่อไม่อาจจะมองเห็นใบหน้าชายชราผ่านสายหมอกได้ แต่เขาพบว่า เขาสัมผัสได้ว่าลมหายใจของชายชราอ่อนแรงลงเรื่อยๆ จากพลังจิตของตัวเขา ซึ่งนี่ทำให้หลี่เค่อมั่นใจว่าการยิงกระสุนของตัวเขาไม่ได้เสียเปล่า
ในมือ สองนิ้วที่สอดลูกระเบิดไว้แต่ยังไม่ได้โยน
หลี่เค่อเปลี่ยนท่าเป็นจับมัน ก่อนโยนระเบิดทั้งสองลูกออกไป
อาจจะเพราะชายชราไม่รับรู้ว่าสิ่งนี้คืออะไร และมันก็ลอยอย่างเชื่องช้ามากในสายตาชายชรา เขาประมาทมัน…
ใบหน้าอสูรยักษ์และร่างชายชราเข้าใกล้ระเบิดก่อนถึงตัวหลี่เค่อ
หลี่เค่อควบคุมให้มันระเบิดได้ตามต้องการ เขาไม่ต้องรอให้ระเบิดกระทบพื้น หรือต้องถอดสลัก
จั่วยุ่น จั่วจี๋สองมืออุดหู ทั้งสองทรุดตัวก้มหน้าเข้าหาพื้น
!ตู้ม
แรงระเบิดหนักยิ่งกว่าฟ้าผ่า สายหมอกสีแดงแทบจะสลายไปในพริบตา แรงระเบิดของลูกระเบิดสั่งทำพิเศษช่างน่ากลัวจริงๆ มันเบาร่างอสูรร้ายหน้าแดงหายสิ้นในพริบตา
หลี่เค่อหอบเล็กน้อย
แต่เขาไม่รู้สึกเหนื่อยแบบที่แล้วๆ มาตั้งแต่เขาข้ามประตูมิติ
ตอนนี้เขายังไม่เข้าใจเหตุผล เขาโยนปืนกระบอกหนึ่งให้น้าจั่ว
จากนั้นใช้มือดึงกระถางกำยานที่วางไว้ลอยมาที่มือ
ในใจหลี่เค่อได้แต่คิด เขาไม่หวังให้ต้องเจอตัวประหลาดแบบชายชราอีก ไม่เช่นนั้น เขาคงต้องหนีกลับทางประตูมิติโดยเร็ว
เพียงแต่ว่าพอมองไปด้านหลัง ประตูมิติแม้เปิดอยู่ แต่ภาพที่เห็นมันกลับกลายเป็นเพียงประตูธรรมดา ที่มองลอดผ่านไปมีแต่กำแพงหิน ประตูมิติหายไป! มันหายไปไหน
หลี่เค่อ จั่วยุ่น จั่วจี๋ ทั้งสามรับรู้ว่าพวกเขาไม่มีทางกลับบ้านได้อีกต่อไป
“นี่มันเรื่องอะไรกันพ่อบุญธรรม พวกเราข้ามมิติมาจริงๆ เหรอ และตาแก่ตายยากนั่นมันตัวอะไรบ้าจริง” จั่วจี๋ถามด้วยน้ำเสียงหวาดกลัวเล็กน้อย
“…” หลี่เค่อส่ายหน้าเขาก็ไม่รู้คำตอบเช่นกันในตอนนี้
โชคดีที่หลี่เค่อและจั่วยุ่นนับเป็นพวกจิตแข็ง พวกเขาเผชิญเหตุการณ์เป็นตายด้วยกันมามาก แม้จะไม่น่าอัศจรรย์และน่าหวาดกลัวเหมือนกับการเจอชายชราตรงหน้า แต่ที่แย่กว่านี้ก็เคยเจอมากแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงรักษาอารมณ์สงบได้เร็ว
เพราะการเป็นนักฆ่า สิ่งสำคัญคือต้องเตรียมใจตายไว้เสมอ ประดุจนายพรานเมื่อเข้าป่า หากเขาเจอเสือแล้วสั่นกลัวจนวิ่งหนีเขาคือเหยื่อ แต่หาเมื่อพวกเขาเจอเสือและนิ่งได้ พวกเขาคือนักล่า
จั่วยุ่นมองลูกชายตัวเองก่อนรีบแผดเสียง “ลุกขึ้นได้แล้ว! และหยุดขาสั่น นอกจากนั้นเอาปืนพกออกมา และถือมันอย่างมั่นคง พ่อเคยสอนเอ็งแล้ว ดังนั้นอย่าทำให้พ่อขายหน้าต่อหน้านายน้อย”
จั่วจี๋หน้าเสียเล็กน้อย เขาได้แต่พยักหน้า เขาแอบรู้สึกว่าตัวเองไม่ควรตามพ่อและพ่อบุญธรรมมาที่นี่เลย เขามีพรสวรรค์ด้านการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ แต่ในด้านการต่อสู้แม้แต่การใช้ปืนเขาก็ไม่ชอบ ปกติในแต่ละวันจะมีคนล้อมหน้าล้อมหลังเขาสามสี่คนตลอด แต่ตอนนี้เขาต้องถือปืนด้วยตัวเอง และมีแววว่าอาจจะตายง่ายๆ
จั่วจี๋เศร้า แต่เขาก็ไม่แสดงออกมากจนเกินไป เพราะจากคำพูดของพ่อตัวเองในอดีต จั่วจี๋รับรู้ว่าตัวเขาคือเด็กชายที่เกือบตายไปแล้ว หากไม่ได้พ่อบุญธรรมตอนนี้เขาไม่ควรมีชีวิตอยู่
จั่วยุ่นพ่อสอนให้จั่วจี้ยึดมั่นในคุณธรรมและศักดิ์ศรีเสมอ นั่นทำให้จั่วจี๋เคารพพ่อบุญธรรมมาก มันมากจนเขาเคารพหลี่เค่อยิ่งกว่าพ่อของตัวเอง
จั่วจี้ยืนหยัด เขาพยายามทำตัวไม่ให้อับอายต่อหน้าหลี่เค่อ
หลี่เค่อก้าวเดินช้า เมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้ซากศพของชายชรา
วึงวึงวึง กระถางกำยานประหลาดของหลี่เค่อสั่นไหว ในอดีตไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้ จากนั้นในอีกครู่ถัดมา
หลี่เค่อเห็นร่างของชายชราที่ไม่สมบูรณ์ลอยขึ้นมาจากซากศพ มันมีลักษณะโปร่งใสด้วย
“นี่มัน…” วิญญาณคือคำคำเดียวที่หลี่เค่อคิดออก
ดวงวิญญาณของชายชราลอยเข้ามาในกระถางกำยานของหลี่เค่อ อักขระประหลาดรอบกระถางกำยางเรืองแสง ในอีกครู่ถัดมา เสียงที่ฟังดูไร้จิตใจ แหบพร่า แต่ดูยิ่งใหญ่ก็ดังก้องกังวานห้วงจิตของหลี่เค่อ
‘ต้องการกลืนกินมันหรือไม่นายของข้า’
‘นี่มันอะไร?’ หลี่เค่อสับสน แต่ด้วยความอัศจรรย์ของกระถางกำยาน ตั้งแต่วันที่เลือดของเขาบังเอิญหยดสัมผัสมัน หลี่เค่อก็รับรู้แล้วว่าของสิ่งนี้ไม่ธรรมดา และจนถึงตอนนี้หลี่เค่อก็รับรู้ว่าเขาไม่รู้จักมันเลยจิงๆ
ในใจของหลี่เค่อตอนนี้สับสนเล็กน้อย เขาควรกลืนกินดวงวิญญาณของชายชราดีหรือไม่
และหากเขากลืนกิน ผลที่ได้จะเป็นอย่างไร?
แต่ในอึดใจสั้นๆ หลี่เค่อก็ได้คำตอบ
เขาตอนนี้ไม่ต่างกับคนใกล้ตาย และเขาจะกลัวอะไร หากสิ่งนี้คือโอกาสเขาก็ควรจะไขว่คว้ามันไว้ ความลังเลสงสัยมีแต่ผลเสียมากกว่าผลดี
‘กลืนกิน’
หลี่เค่อสังเกตกระถางกำยาน มันสั่นไหวอีกครั้ง โดยที่ดวงตาของเขาไม่ได้มีพลังวิเศษ แต่เขากับมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในกระถางกำยาน ดวงวิญญาณของชายชรากำลังค่อยๆ แตกสลาย มันมีหลากสีสัน สีแดง ดำ ม่วง และสีแสงมืดๆ มัวๆ ส่วนใหญ่ ผนังกระถางกำยานดูแสงพวกนั้นไว้ ส่วนแสงที่ส่องสว่างเป็นสีขาวบ้าง ทองบ้าง เหลืองอ่อนบ้าง มันลอยละล่องอย่างสวยงามภายในและไม่ถูกดูดกลืนโดยกระถางกำยานประหลาด
หลี่เค่อยังไม่เข้าใจกระบวนการเหล่านี้ของสมบัติวิเศษในมือตัวเอง
และเมื่อกระถางกำยานหยุดสั่น อณูแสงสีสันสวยงามที่เกิดจากดวงวิญญาณของชายชราก็ลอยออกมาอย่างแน่นขนัด มันลอยเขาไปกระทบร่างของหลี่เค่อไม่หยุดราวกับสายธารดารา
‘นี่มัน…’ หลี่เค่อสัมผัสได้ในทันทีว่าห้วงจิตของเขากำลังใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนั้น… ‘ความทรงจำ ข้าได้ความทรงจำของชายชราผู้นั้นมา เพียงแต่ว่า อั๊ก’ หลี่เค่อปวดหัวเล็กน้อย เมื่อเขาพยายามนึกว่าชายชรามีความทรงจำอะไรบ้าง
‘นายท่าน ท่านจงกลืนกินมันอย่างช้าๆ ร่างกายท่านและอำนาจจิตของท่านยังอ่อนแอ ท่านไม่อาจจะย่อยสลายจิตวิญญาณของผู้ที่อยู่ในระดับ [3] สร้างวิญญาณขั้นสมบูรณ์ได้ง่ายๆ มันจำต้องใช้เวลา’
‘หมายความว่ายังไง?’ หลี่เค่อแผดเสียงถามในห้วงจิตของตน
แต่กลับมีแต่ความเงียบงัน ราวกับว่าสมบัติวิเศษชิ้นนี้มันอยากจะพูดอะไรก็พูด ถ้ามันไม่อยากพูดมันก็จะไม่พูด
หลี่เค่อรับรู้ว่าสถานการณ์ของเขาไม่เลวร้าย นอกจากนั้นเขายังรับรู้ว่าสมบัติวิเศษชิ้นนี้รับเขาเป็นนาย
ตอนนี้แม้หลี่เค่อจะย่อยสลายวิญญาณของชายชราได้เพียงแค่ส่วนเล็กๆ เขาก็รับรู้อะไรบางอย่าง
ซึ่งเป็นประโยชน์กับเขามากเมื่อข้ามมิติมาเช่นนี้
เพราะตอนนี้เขารู้แล้วว่าโลกใบนี้คือโลกของผู้ฝึกตน!