ณ ตรอกเล็กๆ ที่วุ่นวาย ตอนนี้มีชายหญิงวัยกลางคนหลายคนยื่นล้อมชายชราเอาไว้ แต่ก็ไม่ค่อยมีคนอยากเข้าไปใกล้ชายชรามากนักเพราะกลิ่นเหม็น
“ที่นี่ที่ไหน ที่นี่ที่ไหน ปล่อยผม ปล่อยผมนะ ผมจะไปหาลูกชายของผม ปล่อยผม”
“ผู้เฒ่าหลี่ ผู้เฒ่าหลี่รู้เหรอว่าลูกของผู้เฒ่าหลี่อยู่ไหน ลูกของผู้เฒ่าหลี่ชื่ออะไร ไหนลองบอกมาสิ”
ดวงตาผู้เฒ่าหลี่ ปู่ของหลี่เค่อนิ่งสั่น ในหัวของเขาเต็มไปด้วยความสับสน เขารู้ว่าเขาต้องออกมาตามหาลูกชาย แต่ลูกชายเขาอยู่ไหน ลูกชายเขาคือใครเหตุใดเขาถึงจำไม่ได้ ยิ่งผู้เฒ่าหลี่คิดมากอุจจาระของเขายิ่งถูกขับถ่ายออกมา ชายหญิงวัยกลางคนหลายเห็น พวกเขาได้แต่ส่ายหน้าและมองเฒ่าหลี่อย่างรังเกียจ
ในความวุ่นวายเสียงของหลี่เค่อดัง “!ปู่”
เมื่อเหล่าชายหญิงวัยกลางคนได้ยินเสียงหลี่เค่อพวกเขาก็ยิ้มหน้าบาน
หลี่เค่อรีบโค้งกายขอโทษทุกคน ก่อนเขาจะเปิดกระเป๋าเงินหยิบธนบัตรใบละ 1000 หยวนออกมาและยื่นให้ทุกคน ปัจจุบันค่าเงิน 1000 หยวนไม่ได้มากเท่าแต่ก่อน ด้วยอัตราเงินเฟ้อ 1000 หยวนจึงมีค่าราว 100 หยวนของในอดีตก่อนเกิดสงครามโลก
แต่ถึงอย่างนั้นในย่านที่ยากจนนี้ 1000 หยวนก็มีค่ามาก อย่างน้อยๆ พวกเขาก็ซื้ออาหารดีๆ กินได้มื้อเล็กๆ
“ไม่เป็นไรอาหลี่ นี่มันหน้าที่ของพวกเราอยู่แล้ว ยังไงที่ตรอกสิบสามเขตที่สามสิบเก้า พวกเราก็นับเป็นครอบครัวเดียวกัน” น้าลี่สตรีใบหน้าใจดีพูด นางดีใจเป็นพิเศษ เพราะนางได้รับธนบัตร 1000 หยวนมากกว่าคนอื่นๆ ตั้งสามใบ
หลี่เค่อขอร้องน้าหลี่ขอใช้ห้องน้ำ ไม้กวาดทำความสะอาดพื้นและสายยาง ก่อนหลี่เค่อจับปู่ชรานั่งลงและบอกให้ปู่นั่งนิ่งๆ
ปู่ชราคล้ายจำหลี่เค่อได้ไม่ได้
แต่แทนที่ปู่ชราจะเรียกหลี่เค่อว่าหลานชาย หรือเรียกชื่อหลี่เค่อ
แต่เขากลับเรียกหลี่เค่อว่า “อาคัง เจ้ากลับมาแล้ว เจ้ากลับมาหาพ่อใช่ไหม พ่อเป็นห่วงเจ้ามาก เจ้าจงระวังตัว มีคนไม่ดี คนไม่ดีจะทำร้ายเจ้า”
หลี่เค่อได้ยินปู่พูดเขาทำได้เพียงยิ้มจางๆ จากนั้นจับไม้กวาดและสายฉีดน้ำ กวาดทำความสะอาดพื้นถนน
“นายน้อยให้ผมทำเถอะ” เสียงจั่วยุ่นพูดแผ่วเบา เขายืนข้างๆ หลี่เค่อไม่ห่าง
หลี่เค่อส่งเสียงแผ่วเบากลับ “ไม่ใช่น้ายุ่นพึงตะโกนบอกชาวบ้านแถวนี้ไปเหรอว่าน้าเป็นถึงเจ้าของบริษัทจั่วซีอานกรุป และคนที่เป็นเจ้าของบริษัทจั่วซีอานกรุปจะมาทำอะไรแบบนี้ได้ยังไง”
“แต่นายน้อย”
“พอเถอะน้ายุ่น สิ่งที่เกิดขึ้นตรงนี้เกิดจากปู่ของผม ให้ผมได้ดูแลปู่ของผมด้วยตัวเองเถอะ ผมไม่รังเกียจที่จะทำความสะอาดพวกมันหลอก ในอดีตผมลำบากยิ่งกว่านี้ แต่ผมก็ผ่านมันมาได้ ก็แค่ทำความสะอาด” น้ำเสียงหลี่เค่อเย็นชาแต่นี่คือลักษณะนิสัยของหลี่เค่อ ไม่ใช่จิตใจ เขามักพูดน้อยและพูดแต่สิ่งที่จำเป็น มันดูเย็นชา แต่จริงๆ ในใจของหลี่เค่อมักมีความอบอุ่นและคิดถึงคนอื่นอยู่เสมอ
จั่วยุ่นติดตามหลี่เค่อมานาน ดังนั้นเขารับรู้นิสัยและการแสดงออกของหลี่เค่อดี แม้มันจะดูเย็นชา แต่มันกลับเต็มไปด้วยความจริงใจ
หากหลี่เค่อเป็นคนเย็นชาไร้หัวใจเช่นภายนอก จั่วยุ่นก็คงไม่เลือกติดตาหลี่เค่อที่มีอายุรุ่นลูกมาอย่างยาวนาน
“ขอบคุณน้ายุ่นที่เข้าใจ” หลี่เค่อกวาดถนนเสร็จ เขาก็เดินกลับไปหาปู่ เขาค่อยๆ ฉีดน้ำและเอามือขยี้กางเกงของปู่ที่เลอะไปด้วยอุจจาระ เขาทำมันอย่างช้าๆ ไม่รีบร้อนและไม่รังเกียจสิ่งปฏิกูลเหล่านี้ของปู่เลย
เมื่อล้างตัวปู่เสร็จหลี่เค่อค่อยๆ จับมือปู่ชราเดินกลับบ้าน แต่ปู่ชรากลับพูดว่าตัวเองเดินไม่ไหว “ข้าเจ็บขา”
หลี่เค่อที่ถูกปู่ชราเข้าใจผิดเป็นลูกชาย เขายิ้ม จากนั้นหลี่เค่ออุ้มปู่ขึ้นหลัง ก่อนเดินลึกเข้าไปในตรอกเล็กๆ แห่งนี้
เมื่อหลี่เค่อกลับถึงบ้าน เขาเห็นหญิงสาววัยกลางคนคนหนึ่งนอนหลับกลางโต๊ะหนังสือ เธอคงเผลอหลับเพราะอ่านหนังสืออย่างหนักมากไป
จั่วยุ่นเห็นแบบนี้ก็ไม่พอใจ เขาตวาดเสียงดัง “!เอาแต่นอนอยู่ได้ ไม่เห็นหรือท่านผู้เฒ่าหายตัวออกจากบ้านไปแล้ว”
หญิงสาววัยกลางคนเธอตกใจรีบตื่น เมื่อเธอเห็นจั่วยุ่นเธอหวาดกลัวมากแม้เธอจะไม่รู้จักจั่วยุ่นก็ตาม
อาจจะเพราะเสียงที่อหังการ หญิงสาววัยกลางคนจึงอดที่จะร้องไห้ไม่ได้
เมื่อเธอเห็นหลี่เค่อเธอเอาแต่พูดว่าขอโทษ เธอบอกว่าจะไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ปัจจุบันงานดีๆ หายากมาก และหญิงสาววัยกลางคนคนนี้ก็มีลูกของตัวเอง เธอต้องการเลี้ยงดูลูกให้ดี เธอไม่สามารถตกงานได้อีก
ส่วนการอ่านหนังสือจำนวนมากของเธอนั้น ทั้งหมดเพราะเธอต้องการหางานที่มั่นคงทำ เธอจึงขยันอ่านหนังสือ เธอหวังว่าความรู้จะทำให้เธอได้รับโอกาส หญิงสาววัยกลางคนเธอจบปริญญาสามใบ ในอดีตเมื่อสิบปีก่อนเธออาจจะเป็นที่ต้องการตัว แต่ไม่ใช่กับยุคสมัยหลังสงครามแบบนี้
หลี่เค่อยิ้มจางๆ เขาไม่โกรธหญิงสาววัยกลางคน
การที่หลี่เค่อให้เธอทำงานที่นี่ เพราะในอดีตหญิงสาวคนนี้เคยมอบซาลาเปาหนึ่งลูกให้หลี่เค่อและปู่กินยามหิวโหย เวลาแม้ผ่านมานานหลี่เค่อก็ไม่เคยลืม
“น้าจางพรุ่งนี้ค่อยมาทำงานใหม่ก็แล้วกันนะครับ วันนี้ผมลางานครึ่งวัน ผมจะดูแลปู่เอง” หญิงสาววัยกลางคนรีบโค้งกายขอบคุณหลี่เค่อ ก่อนเธอจะเดินออกไป เธอถามหลี่เค่อว่าจะไม่ไล่เธอออกใช่ไหม เธอรีบพูดว่าเธอมีลูกชายหญิงต้องดูแลสองคน เธอไม่สามารถตกงานได้ งานดูแลคนพิการชราที่ความจำเสื่อมนั้นไม่ได้เหนื่อยมาก มันเพียงอาจจะวุ่นวายและสกปรกบ้างเป็นบางครั้ง นอกจากนั้นหลี่เค่อก็ให้เงินเดือนเธอดีมากๆ มันมากกว่าค่าแรงทั่วไปในตอนนี้เกือบ 3 เท่า ดังนั้นหญิงสาววัยกลางคนไม่ต้องการตกงาน แม้เธอจะพยายามหางานใหม่อยู่ตลอด
หลี่เค่อย้ำคำพูดเดิม “น้าจางไม่ต้องกังวล ผมไม่ไล่น้าจางแน่นอน”
จั่วยุ่นจ้องมองสิ่งที่หลี่เค่อทำ เมื่อคนนอกออกไป เขาถามหลี่เค่อว่าทำไมไม่ไล่ผู้หญิงคนนี้ออก
หลี่เค่อเล่าเรื่องซาลาเปาหนึ่งลูกที่ในอดีตน้าจางมอบให้เขาตอนอดอยากฟัง น้าจางอาจจะจำหลี่เค่อไม่ได้ แต่หลี่เค่อจำบุญคุณของน้าจางได้
“นายน้อยก็เป็นแบบนี้” จั่วยุ่นพูดน้ำเสียงถอดถอน
!ปัง!ปัง!ปัง เสียงกระสุนดังอย่างที่ไม่มีใครตั้งตัว
“นายน้อยระวัง!” จั่วยุ่นแผดเสียงด้วยความตื่นตัว ประตูไม้หน้าบ้านถูกแรงยิงของกระสุนปืนระเบิดทะลุเป็นรูต่อเนื่อง จั่วยุ่นก้าวเท้า เขายืนกลางมือเอาร่างบังหลี่เค่อ แม้จั่วยุ่นจะกลัวตาย แต่เขาก็รับรู้ว่าชีวิตของหลี่เค่อสำคัญกว่าชีวิตของตัวเอง ในใจจั่วยุ่นได้แต่คิดในที่สุดเขาก็ได้ตอบแทนหลี่เค่อด้วยชีวิตของตัวเองแล้ว
เพียงแต่ว่าก่อนที่ห่ากระสุนจะถึงร่างจั่วยุ่น ลูกกระสุนทั้งหมดคล้ายบี้แบนจากการชนถูกของแข็ง มันลอยอยู่ตรงหน้าจั่วยุ่นอย่างอัศจรรย์
“นี่มัน อึก!” เรื่องบางอย่างเพียงแต่เคยได้ยิน แต่ไม่เคยเห็นจะจะ แต่วันนี้จั่วยุ่นได้เห็นมันแล้วจริงๆ
นี่คือพลังจิตที่ใช้สร้างกำแพงเกาะที่มองไม่เห็น พลังจิตของนายน้อยของเขาผู้ได้รับฉายา!ราชาแห่งความตาย
ในขณะที่เสียงปืนดังจากภายนอกไม่หยุด เสียงของหลี่เค่อก็ดังเข้าหูจั่วยุ่น
“ได้พกปืนมาไหมน้ายุ่น”
“พก! พก!” น้ำเสียงจั่วยุ่นรีบร้อน ตอนนี้เขาแอบหวาดกลัว ด้านหน้าเขามีห่ากระสุนหนาขึ้นเรื่อยๆ หาไม่มีพลังจิตของนายน้อยที่คล้ายสร้างกำแพงอากาศไว้ เขาคงตายไปแล้ว จั่วยุ่นรีบหยิบปืนที่ซ่อนอยู่ในเสื้อโยนมันให้หลี่เค่อ
ตอนนี้ที่หน้าผากของหลี่เค่อมีเส้นเลือดปูดนูน จมูกและมุมปากมีเลือดไหล นี่น่าจะเป็นผลจากการใช้พลังจิตจำนวนมาก
หลี่เค่อรับปืนมาเขายิงกระสุนออกไปสี่นัดด้วยทีท่าเฉยชา กระสุนของหลี่เค่อสามารถตีวงโค้งได้ มันพุ่งผ่านกำแพงลอยขึ้นสูง จากนั้นมันก็วงกลับตีวงโค้งกว้าง
!ปัก!ปัก!ปัก!ปัก
ร่างชายสี่คนที่อยู่คนละทิศทางล้มลง
จากนั้นเสียงสาดกระสุนจากภายนอกก็เงียบ
จั่วยุ่นกลืนน้ำลายอึกใหญ่อีกครั้ง
นอกจากหลี่เค่อ อาจจะมีเพียงจั่วยุ่นเท่านั้นที่รู้ว่าหลี่เค่อทำอะไร กระสุนเหล่านั้นไม่มีทางจะพลาดเป้า มันคงไปฝั่งอยู่ในหัวของคนพวกนั้นแล้ว
ความต่างของหลี่เค่อกับคนธรรมดาเมื่อจับปืนคือ หลี่เค่อสามารถบังคับวิถีกระสุน บังคับมันให้ช้าหรือเร็วขึ้น จากนั้นก็ล็อกเป้าหมายได้อย่างไม่ผิดตัว
นี่แหละคือความสามารถจากการใช้พลังจิตของหลี่เค่อ
จั่วยุ่นตอนนี้โกรธเกรี้ยวมาก เขาอยากรู้เหลือเกินว่าใครกล้าลงมือกับนายน้อย ในขณะที่เขาคิดจะหยิบโทรศัพท์ระดมกำลังตามล่าคน
เสียงหญิงสาวหวานๆ ก็ดัง พร้อมกับร่างหญิงสาวในชุดบอดี้สูทเข้ารูปทางการทหาร เธอเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์
“ยินดีที่ได้พบราชาแห่งความตาย หรือว่าควรจะเรียกพ่อค้าชีวิตดี”
ทีท่าของหลี่เค่อเฉยชา เขาไม่ได้ยินดียินร้ายต่อการปรากฏตัวของหญิงงามในชุดทหารผู้นี้