เซียนซุนในร่างบุรุษผู้สง่างามตอนนี้ผายมือหนึ่งครั้ง ห้วงมิตินี้ก็แปรเปลี่ยน หากแต่ความกดดันจากพลังไร้รูปก็ยังเหมือนเดิม หากฉินเทียนคลายจากมหาอิทธิฤทธิ์ของตัวเองร่างจะถูกบดขยี้ทันที
ไม่ช้าภาพมหาจักรวาแตกร้าวก็ปรากฏต่อหน้าฉินเทียน มีหนึ่งครึ่งพระเจ้าหรือผู้ร่วงหล่นร่างใหญ่ยักษ์ที่มีขนาดใหญ่ราวจักรวาล รอบกายมันพัวพันไปด้วยทวยเทพในร่างสำแดงจำนวนมาก แต่ละเพระองค์ร่างใหญ่โตราวหนึ่งดาราใหญ่ ไม่ได้มีเพียงหนึ่งหากแต่มีนับแสนนับล้าน
และเมื่อฉินเทียนสังเกตไปที่เหล่าทวยเทพ สิ่งหนึ่งที่ฉินเทียนไม่พบคือตราสัญลักษณ์วิญญาณ คนเหล่านี้ไม่มีใครมีตราสัญลักษณ์วิญญาณเลย
เซียนซุนที่เข้าใจความนึกคิดของฉินเทียนก็พูดกล่าว
“ตราสัญลักษณ์วิญญาณนั้นเกิดขึ้นหลังยุคสมัยของข้า เหล่ามหาจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ ผู้สร้างฟ้าองค์ก่อนๆ ยุคสมัยของพระองค์ไม่ได้บัญญัติสิ่งเหล่านี้เอาไว้ ข้าคิดว่ามันคงดีหากเวลาต่อสู้กันจะได้รู้ไปเลยว่าผู้ใดมีระดับสูงต่ำ เลยสร้างตราสัญลักษณ์วิญญาณขึ้น” กล่าวจบเซียนซุนผู้สง่างามก็หัวเราะเบาๆ ขำขันกับตัวเอง ฉินเทียนไม่ได้พูดอะไร หากแต่เอาแต่มองภาพที่เกิดขึ้น
ผู้ร่วงหล่นร่างยักษ์ตนนี้สำหรับฉินเทียนมันช่างไม่ธรรมร่าง แม้ร่างใหญ่โตแต่มหาฤทธิ์แห่งมันไม่ธรรมดาเลยจริง มันสามารถกำหนดจิตปิดป้องร่างตัวเองได้ทุกจุด ใช้พลังอย่างไม่เสียเปล่าเลยสักนิด นอกจากนั้นหนึ่งมือคว้าจับ มันสังหารเหล่าทวยเทพที่ฉินเทียนประมาณการไว้น่าจะมีระดับเทียบเท่าราชันย์สวรรค์และมหาเทวะปรมัตถ์ในยุคสมัยนั้นยย่างง่ายดาย ไม่ช้าก็บีบร่างทวยเทพแตกดับกลายเป็นไอโลหิต
ไม่ช้าเซียนซุนก็ใช้นิ้วชี้มีที่ฉินเทียนที่กลางอก พร้อมเส้นแสงสีแดงส่องสว่าง ไม่ช้าจากกลางอกของฉินเทียนก็มีสายเส้นสีแดงอีกเส้นพุ่งไปที่กลางอกของผู้ร่วงหล่นตนนั้น
ตึกๆ ตึกๆ ตึกๆ
“ยาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาก” เสียงแห่งผู้ร่วงหล่นกรีดร้อง
ฉินเทียนตอนนี้รู้สึกราวกับผู้ร่วงหล่นนั้นเป็นตัวเอง ไม่ช้าในห้วงจิตของผู้ร่วงหล่นฉินเทียนก็ได้ยินแต่ชื่อสตรีนางหนึ่ง ‘เยว่ชื่อ… เยว่ชื่อ… เยว่ชื่อ…’ ชื่อหนึ่งดังก้องซ้ำๆ ความเจ็บปวดราวจะเป็นจะตายนี้เกิดเพราะสตรีนางหนึ่ง
เปรี้ยงมหาจักรวาลแตกออก ในมือแห่งผู้ร่วงหล่นตอนนี้ จับร่างทวยเทพไว้ในมือนับสิบตน ที่พยายามหลบซ่อนในห้วงมิติลับ หากแต่น่าเสียดาย การหลบซ่อนจากผู้ร่วงหล่นนั้นไม่อาจจะทำได้ เพราะหนึ่งมือดึงกระชากผู้หลบซ่อนได้ในทันที เกราะเทพ ยันต์วิญญาณต่างๆ ก็ไม่อาจจะสู้หนึ่งมือคว้าจับ นี่คือความต่างแห่งมหาฤทธา
ไม่ช้าร่างทวยเทพต่างถูกบีบแตก เลือดเนื้อของแต่ละคนระเหย ก่อนไอวิญญาณและธาตุพลังต่างๆ ในร่างจะหลั่งไหลซึมซับเข้าสู่ร่างของผู้ร่วงหล่น
“เยว่ชื่อ เยว่ชื่อ เจ้าไม่ต้องกลัวข้าถังเทียนอี้จะไม่ปล่อยให้เจ้าเดียวดาย ต่อให้ต้องแหวกฟ้า ข้ามนภา ทำลายกฎเกณฑ์แห่งวัฏฏะ แหวกขุมนรกข้าก็จะทำ ไม่ว่าเจ้าอยู่ที่ใดข้าก็จะไปหาเจ้า” คำพูดของผู้ร่วงหล่นสะท้อนอารมณ์ความรู้สึกเข้ามาในจิตใจของฉินเทีย ความเจ็บปวดนี้ช่างลึกล้ำ
ไม่ช้าภาพนางสตรีก็ฉายปรากฏในห้วงจิตของฉินเทียน นางสตรีผู้นี้ใบหน้าสามัญดูไม่คุ้นเคยต่อฉินเทียนแม้แต่น้อย
หากแต่อารมณ์ความรู้สึกตอนนางแย้มยิ้ม ทีท่ามึนงง วาจาเรียบง่าย ก็ทำให้ฉินเทียนรู้ทันทีว่านางคือใคร
“ลี่อิ่ง…”
ไม่ช้าภาพก็ตัดมาที่นางสตรีสามัญผู้นี้นางถูกหอกปัก ดาบทิ่ม เหนือท้องนภามีทวยเทพมากมาย โซ่ตรวนขึงร่างห้าเส้น หนึ่งเศียร สองมือ สองเท้า อักขระบนโซ่ตรวนลึกล้ำเกินพรรณนา
เสียงเรียกขานบุตรแห่งพญามารดังก้องกังวาน
นางกรีดร้อง ห้าโซ่ตรวนแยกร่างของนางขาดออกจากกัน ก่อนในไม่ช้ามุดจะพุ่งจากฟ้ามาตรึงร่างของนางที่แยกส่วนออกจากกัน เยว่ชื่อนางยิ้มบางเบาพร้อมหายใจรวยริน
บนท้องนภามีผู้ครองอำนาจแห่งราชันย์สวรรค์ผู้หนึ่งพูดกล่าว
“เพราะบิดาเจ้ามันชั่วช้า เจ้าซึ่งเป็นบุตรคงไม่ต่างกัน วันนี้ข้าราชันย์สวรรค์เก้าวิถีได้กำจัดบุตรแห่งมารนับว่าประเสริฐแล้ว”
“ทำไม… ทำไมพวกเจ้าถึงทำกับข้าแบบนี้ ข้าก็แค่อยากเห็นจันทรางาม ใช่ชีวิตสามัญ เป็นสตรีดีงาม อยู่เคียงข้างกับบัณฑิตเขียนอักษรก็เท่านั้น”
“นี่เจ้าพูดถึงเทพบัณฑิตถังเทียนอี้งั้นรึ หึ แม้เขาจะมีคุณความชอบอยู่บ้างในแดนเทพนี้ผ่านการลงอักษรสร้างค่ายกล หากแต่การร่วมสมสู่กับเจ้าที่เป็นบุตรธิดาแห่งพญามารคือความผิด ช่างน่าละอายนักที่ผู้เป็นเทพคบหากับพวกเลวทราม หลังจากจัดการเจ้าข้าจะไปจัดการมันด้วยตัวเอง เมื่อการมีภรรยาเป็นบุตรแห่งพญามาร ความดีเก่าก่อนไม่นับว่ามีอีกแล้ว”
ครือ ครือ ครือ
ภายใต้สายฝนโปรด ปรากฏผู้หนึ่งทีท่าสามัญ เดินผ่านสายฝนเหมือนช้า หากแต่ทุกย่างก้าวห้วงมิติบิดเบี้ยว ก้าวเพียง 3 ครั้งร่างของมันก็มาอยู่ตรงหนึ่งเศียรไร้ร่างของสตรีใบหน้าสามัญ กลางศีรษะของนางมีหมุดที่มีอักษรวิญญาณปักตึง
ถังเทียนอี้โอบกอดศีรษะของสตรีใบหน้าสามัญขึ้น ไม่ช้าเยว่ชื่อน้ำตาโลหิตของนางก็รินไหลปากของสั่นเทา คำกล่าวของนางตอนนี้ไม่มีความเคียดแค้นใด มันมีแต่ความห่วงไยและความรักต่อบุรุษผู้หนึ่ง
“เทียน… เทียนอี้… เจ้า เจ้าไม่ต้องทนถูกข้าทุบตีอีกแล้วนะ เสื้อผ้าไม่งามก็ไม่ต้องทนใส่ อาหารที่ข้าทำ ข้ารู้ว่ารสนั้นคงยากยิ่งที่มนุษย์เทพเช่นเจ้าจะฝืนกิน เจ้า… เจ้า ดีใจไหม ที่เจ้าจะไม่ต้องกินมันอีก”
เยว่ชื่อนางยิ้มกว้าง
“!!!ไม่ ไม่ อาหารที่เจ้าทำ เสื้อที่เจ้าเย็บ มันคือสิ่งล้ำค่าที่สุดในชีวิตข้า นอกจากนั้นมือบางของอิสตรีจะเรียกว่าทุบตีได้อย่างไร”
“งั้นรึ ที่แล้วมาข้าคิดว่าเพราะข้าทำให้เจ้าลำบากเสียอีก เพราะข้าชอบเจ้า ชอบเจ้ามากๆ จึงจับเจ้าขังอยู่กับข้าในแดนมาร เสียงของเจ้าเวลาเล่าเรื่องโป้ปดข้าชอบเหลือเกิน หมื่นปีที่ข้าได้อยู่กับเจ้าข้ามีความสุขนัก เจ้าบอกว่าเจ้าชอบสตรีงาม อยากมีฮูหยินหนึ่งร้อย อนุสี่หมื่นเช่นพี่ชายที่กล้าแกร่งของเจ้า เทียนอี้เมื่อไม่มีข้าเจ้าคง… สมหวังแล้ว”
“!!!ไม่ ไม่ ตลอดชีวิตข้า ไม่ว่าชาติภพนี้หรือว่าภพไหนๆ ข้าก็จะมีเพียงเจ้าเยว่ชื่อ มีเพียงเจ้าคนเดียวเท่านั้น สตรีงามข้าจะมีไปทำไม มองประเดี๋ยวประด๋าวก็เบื่อ ฮูหยินหนึ่งร้อยก็วุ่นวาย อนุสี่หมื่นแค่คิดก็จำหน้าไม่ไหว สู้… สู้บ้านหลังน้อยของเราที่ข้ามีเจ้าไม่ได้ เจ้าไม่งามแล้วอย่างไร ใบหน้าสามัญแล้วทำไม ข้ารักเจ้าเยว่ชื่อ ข้ารักเจ้า เจ้าได้ยินไหม หากข้าไม่มีเจ้า แล้ว… แล้วข้าจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร”
ไม่ช้าใบหน้าเยว่ชื่อก็ยิ้ม
ก่อนที่ในไม่ช้าใบหน้าของนางจะปรากฏความเจ็บปวดอันลึกล้ำ รอยแตกร้าวปรากฏ พร้อมอักษรวิญญาณที่สลักบนหมุดส่องสว่าง
ถังเทียนอี้กอดเศียรนางแน่นก่อนมองขึ้นฟ้า มันพูดกล่าวปากสั่น
“ท่าน ท่านราชันย์สวรรค์ โปรดเมตตา โปรดเมตตา นางคือภรรยาข้า นางไม่ได้เป็นมารอีกต่อไปแล้ว โปรดเห็นแก่ความดีที่ข้าทำต่อแดนเทพ หมื่นปีมานี้สลักอักษรวิญญาณ ตั้งค่ายกฎให้แดนเทพมากมาย นอกจากนั้นยังทำงานเพื่อแดนเทพ ตลอดสองหมื่นห้าพันปีที่ข้ามีชีวิตไม่มีเรื่องด่างพร้อย”
“!!!เหลวไหล ความดีอะไร นับตั้งแต่เจ้านำนางธิดาพญามารมาอาศัยในแดนเทพของข้า เจ้านั้นก็เป็นผู้ผิดบาปมหันต์แล้ว อย่าว่าแต่ความดี เจ้ามีแต่โทษต่างหาก และนอกจากนั้นจงรู้ไว้ นางมารที่เจ้าเรียกว่าภรรยานั้น ตอนนี้นางถูกหมุดเทพประหารของข้า เมื่อจิตนางดับดิ้นไป ในวัฏฏะนี้จิตวิญญาณแห่งนางจะไม่มีโอกาสได้อาศัยอยู่อีก มีแต่ต้องดำดิ่งลงแดนนรกภูมิเพื่อชดใช้บาปในแดนมืดมิดตลอดกาลข้าไม่รู้ว่านางชั่วช้ามีแผนอะไรที่แฝงตัวมาในแดนเทพของข้า หากแต่นางไม่มีวันทำสำเร็จ”
“ไม่ ไม่ นางไม่ได้ชั่วช้า นางไม่มีแผนการนางคือภรรยาถังเทียนอี้เท่านั้น” ถังเทียนอี้ร่างสั่นเทา มันคิดว่ามันสามารถช่วยนางได้ ด้วยความรู้ของมัน มันจะหลอมร่างของนาขึ้นมาใหม่ ขอเพียง… ของเพียงแค่ยังมีดวงจิตของนางอยู่ หากแต่ตอนนี้
ไม่ช้ามันก็มองจ้องเศียรสตรีที่กำลังมอดไหม้ในอ้อมกอดของมัน นางทรมาน ทรมานอย่างสุดแสน ก่อนที่ในไม่ช้าจิตของนางจะแตกดับ ร่างแหลกสลาย เหลือเพียงธุลีสีมืดปลิดปลิว
ราชันย์สวรรค์ร้องตะโกนว่าจับมัน ร่างของถังเทียนอี้เหม่อลอย เหล่าทวยเทพจับร่างได้อย่างง่ายดาย
หากแต่ในความเงียบงันของบุรุษที่คล้ายไร้สตินั้น ไม่ช้าน้ำเสียงของถังเทียนอี้ก็เปล่งออกมา มันแหบพร่า หากแต่ผู้คนทั้งหลายก็ต่างได้ยิน
“เจ้า… เจ้าพูดว่าภรรยาข้า หลังจากดวงวิญญาณแตกดับนางต้องไปอยู่ที่ใดนะ”
ไม่ช้าราชันย์สวรรค์ก็มองจ้องไปที่ถังเทียนอี้ ที่ตอนนี้กอดเศษดินและเถ้าธุลี ก่อนกล่าววาจา น้ำเสียงของมันสามัญไม่ยินดียินร้าย
ก่อนกล่าวตอบ
“นางมารนั้นโทษของนางคือนรกภูมติอันมืดมิดเท่านั้น…”
สิ้นเสียงนี้
ครือ ครือ ครือ ฟ้าฝนคล้ายร่ำไห้ อัสนีก็ปะทุไม่หยุด
และในขณะนั้นเอง
“!!!แง้ แง้ แง้” อยู่ๆ เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยผู้หนึ่งดังก้อง เหล่าทวยเทพโดยรอบต่างแปลกใจ เสียงเด็กน้อยมาจากที่ใด
และในขณะนั้นเอง ร่างที่ถูกแยกห้าท่อนของเยว่ชื่อก็ปรากฏ ส่วนกายมีทารกตัวแดงคลานออกมา ร่างทารกน้อยแดงชุ่มไปด้วยโลหิตแห่งผู้เป็นมารดา
ราชันย์สวรรค์เห็นเช่นนั้นก็ปรากฏนัยน์ตาไม่พอใจ ปลายนิ้วของมันปรากฏหอกแสงขนาดเล็ก และเพียงแค่ตวัดออกไป
ฉึก…
หมิงเทียนอี้พุ่งร่างไปด้วยความเร็วอันยิ่งยวด ใช่ร่างแห่งตนบังหอกแสงนี้ หากแต่
ร่างทารกน้อยตัวแดง เพียงแค่เกิดรับแสงแรกของโลกหล้าเพียงไม่นาน หากแต่… ก็ชีวาวายเสียแล้ว หอกแสงปักเข้ากลางร่าง ทารกน้อยดิ้นไปมา ก่อนจะแตกสลายไปต่อหน้าต่อตาของถังเทียนอี้
มันร่างสั่นสะท้าน วันนี้มันแบกรับความเจ็บปวดในใจอันเอ่อล้น ไม่ช้าก็กอดเถ้าธุลีสีมืดแน่น คล้ายลำลึกถึงลูกน้อยผู้วายชีวา ก่อนมันจะหันมองรอบ
ปากก็พึมพำ
“ไม่มีเจ้าแล้วข้าจะอยู่อย่างไร ไยโลกนี้จึงโหดร้ายกับข้านัก เด็กน้อยไม่รู้ความมันผิดบาปอันใด!!!” ถังเทียนอี้แผดเสียงไม่ช้าก็มองไปรอบ
ราชันย์สวรรค์จ้องมองมันอย่างเย้ยหยัน
“มันผิด ผิดที่มันมีบิดาที่อ่อนแออย่างไรเล่า” ไม่ช้าราชันย์สวรรค์ผู้นั้นก็หัวเราะ
ถังเทียนอี้ตอนนี้พยักหน้าเบาๆ ใบหน้าคล้ายแฝงความวิปลาสอันมากล้น มันพูดกับตัวเองเบาๆ ว่า ‘เป็นเช่นนี้เอง เป็นเช่นนี้เอง เพราะข้าอ่อนแอ ข้าจึงไม่อาจจะปกป้องเยว่ชื่อสตรีใช้กำลังและเอาแต่ใจของตัวเองได้ และเพราะข้าอ่อนแอข้าจึงต้องทนยื่นมองลูกน้อยของข้าตายไปต่อหน้า ดีดี ราชันย์สวรรค์เก้าวิถี ท่านทำให้ข้าตาสว่างแล้ว’
ไม่ช้าถังเทียนอี้ก็แผดเสียง มันหัวเราะอย่างบ้าคลั่งสลับกับพูดว่าข้าเข้าใจแล้ว ข้าเข้าใจแล้ว
ไม่ช้าราชันย์สวรรค์เก้าวิถีก็ส่ายหัว ไอ้เจ้านี่คงบ้าไปแล้วเพราะเสียลูกเมีย มันส่ายหน้าก่อนสั่งคนของมันสังหารไอ้ตัวโง่นี่เสีย คนเช่นนี้มันไม่ยากจะเปื้อนมือสังหารแม้แต่น้อย เพราะไม่ได้รับความชอบใดๆ เช่นการฆ่าบุตรธิดาของพญามาร
หากแต่ในตอนนั้น
“อาาาาาาาาาาาาาาาก” เสียงเทพคนหนึ่งกรีดร้อง ลำคอของมันถูกบุรุษกัด อกซ้ายของมันถูกชิงหัวใจที่ยังเต้นอยู่ไป
ถังเทียนอี้กินหัวใจดื่มโลหิต ตอนนี้ร่างของมันปรากฏเส้นโลหิตปูดโปน
มันทำมือวาดวงครั้งหนึ่ง ร่างเทพก็หมุนบิดเป็นละอองโลหิตอยู่รอบร่างมัน
ตอนนี้เทพนับร้อยมองจ้องที่มันเป็นตาเดียว
ราชันย์สวรรค์เก้าวิถีมองจ้องถังเทียนอี้ไปก็ขมวดคิ้วไป
“คิดจะฝึกเคล็ดวิชามารรึ มันไม่ช้าไปหน่อยรึ หากตอนนี้เจ้าดื่มโลหิต ฆ่าเทพจนบรรลุสู่ระดับเทวะอัศจรรย์ ข้าคงกังวลอยู่บ้าง หากแต่เจ้าที่เป็นเพียงครึ่งเทพ ต่อให้วิปลาสและทุ่มสุดตัวเจ้าจะทำอะไรได้”
ถังเทียนอี้ไม่ช้าก็หัวเราะ
“ตอนนี้ข้าคิดได้แล้วว่าเพราะอะไรข้าจึงต้องโศกเศร้าเช่นนี้ ทั้งหมดก็เพราะข้าไร้พลัง เช่นนั้นต่อจากนี้ข้าก็จะแสวงหาเพียงพลัง ข้าไม่สนใจแล้วว่าโลกหล้าจะเป็นเช่นไร ใครบ้างจะปวดร้าว โลกนี้จะเป็นเช่นไร ตอนนี้ข้ารู้เพียงแค่ว่าข้าโศกเศร้า และข้ารู้สึกเพียงว่าในความโศกเศร้านี้วิธีเดียวที่มันจะจางหายได้คือการที่ข้าจะต้องมีพลัง พลังอันยิ่งใหญ่ พลังที่จะทำให้ข้ากับเยว่ชื่อได้พบกันอีก นอกจากนั้นก็ลูกของเรา ใช่แล้ว ใช่แล้วหากข้ามีพลังพวกเราก็จะได้อยู่ร่วมกัน คิกคิก”
“เจ้าบ้าไปแล้ว”
“คิกคิกคิก ใช่ข้าบ้าไปแล้ว”
“สังหาร” เสียงแห่งราชันย์สวรรค์เก้าวิถีแผดดัง
ไม่ช้าเทพนับร้อยก็กลุ้มรุมหนึ่งบุรุษเทพ หากแต่ไม่น่าเชื่อหนึ่งบุรุษวิปลาส คล้ายไม่กลัวหอกดาบ และมหาฤทธาใดๆ เจ้าแทงข้า ข้าแทงเจ้า หากเลือดข้าไหลข้าจะใช้ดื่มโลหิตเจ้าทดแทน
หากหนังข้าฉีกขาดข้าก็จะกลืนเนื้อหนังของเจ้าแทนเนื้อหนังของข้า
ภาพการต่อสู้อันวิปลาสนี้ทำเทพน้อยใหญ่ต่างสั่นสะท้าน
จนแม้แต่ราชันย์สวรรค์เก้าวิถียังไม่อาจจะทนมองมันแผดเสียงพร้อมกำหอกในมือที่ส่องสว่าง พุ่งร่างหมายจะดับชีพถังเทียนอี้
หากแต่ใครจะไปคิดถังเทียนอี้ไม่คิดหลบ หากแต่มันกับวิปลาสมากพอที่จะพุ่งเข้าหาราชันย์สวรรค์
พร้อมแผดเสียงดังก้อง
“มหาเคล็ดวิชาเทพตำนาน!!!เคล็ดบูชาชีพถวายเทพมาร”
สิ้นเสียงนี้แม้แต่ราชันย์สวรรค์เก้าวิถียังหน้าเสีย นี่มันเคล็ดวิชาเทพตำนานจริงๆ รึ
ไม่ช้าหนึ่งห้วงดาราก็กลายเป็นธุลี อัคคีสีโลหิตกลืนกินทุกสรรพสิ่งพร้อมเสียงหัวเราะเสียงหนึ่งดังไม่หยุด
“คิกคิกคิก”
.
.
.
ฉินเทียนตอนนี้ใบหน้านิ่งมองเรื่องราว
ส่วนเซียนซุนตอนนี้ก็พูดกล่าว
“นี่คือวันเริ่มต้นที่น้องฉินของพี่ซุนก้าวสู่ผู้ร่วงหล่น”