Skip to main content
ศาลเทพสวรรค์

ศาลเทพสวรรค์ ตอนที่ 301 : หนาวสั่นสุดขั้วหัวใจ

By 23/06/2022No Comments

“เจ้าแมวน้อย…” สตรีงามที่กลางเวที นางขยับปากเบาๆ ไร้น้ำเสียงหากแต่มากล้นด้วยความรู้สึกแต่หนหลัง ไม่ช้าเรื่องราวเมื่อหนึ่งแสนปีก่อนก็ปรากฏในห้วงจิตของนาง ในครั้งที่นางยังเป็นนางเซียนแห่งแดนอสูร

ภาพฉากที่นางเดินนำหน้าไอ้บุรุษไม่เอาไหน

เป็นนางสตรีงามที่เพียบพร้อมด้วยทุกสิ่งเหนือล้ำผู้คนในรุ่นเดียวกัน

นอกจากนั้นยังเป็นนางสวรรค์ที่ศิษย์น้อยใหญ่ในสำนักบำเพ็ญแดนอสูรต่างถวิลหาและเชิดชู องค์ชายและลูกคหบดีผู้มีเกียรติต่างแก่งแย่งนาง

จนกระทั่งในวันหนึ่ง เรื่องที่นางไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น

หนึ่งในแปดองค์ชายจ้าวอสูรที่ว่ากันว่าในอนาคตมันผู้นี้จะต้องได้เป็นองค์รัชทายาทแห่งชาวอสูรแน่นอน นั่นเพราะเมื่อมันถือกำเนิด มันได้ครองสายโลหิตและร่างวิญญาณอันพิเศษคือ ‘จอมพยัคฆ์ทะเลเดือด’ ซึ้งเป็นร่างวิญญาณที่มีถึง 11 เส้นชีพจรวิญญาณแต่กำเนิด ว่ากันว่าด้วย 11 ชีพจรวิญญาณนี้ หากมันมุ่งมั่นและพากเพียรมากพอ แล้วด้วยการส่งเสริมจากตระกูลราชวงศ์อสูร มันผู้นี้ในอนาคตจะเป็นผู้ที่สามารถครองมหาฤทธิ์อันเหนือล้ำกว่าระดับมหาเทวะปรมัตถ์ได้อย่างแน่นอน

ในเวลานั้นสตรีงามที่กลางเวที ‘เจิ้งชิวยี่’ หรือแม่นาง ‘ซ่งไหลไหล’ นางคือนางบำเพ็ญอายุร้อยปีเศษ ในวันนั้นนางได้เข้าไปในมิติอัศจรรย์อันเป็นมิติเพื่อใช้ทดสอบเหล่าวัยเยาว์ของสำนัก

สิ่งที่นางไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น

วันนั้นนางจำได้ดี ในค่ำคือที่จันทร์สามสีเรียงตัวกันให้แสง

องค์ชาย 7 ‘หวังเผยจูน’ มันได้มีความคิดชั่วร้ายพร้อมคนของมัน ในมิติที่คนภายนอกไม่มีทางรับรู้ องค์ชายอสูรหวังเผยจูนได้นำคนใกล้ชิดของมันล่อลวงนาง จากนั้นก็ใช้ฤทธาปิดกลั้นนางผนึกอาณาเขตไม่ให้นางไปไหนได้ พร้อมใช้โอสถควันร่างเพ้อฝันทำจิตใจนางล่องลอย ฤทธาใดๆ นางก็ไม่อาจจะใช้ได้ ด้วยห้วงจิตคล้ายอยู่ในโลกแห่งความจริงหรือโลกแห่งความฝันไปพร้อมๆ กัน หากแต่ถึงนางจะเป็นอย่างนั้น นางก็ยังสามารถรับรู้และยังคงสติบางส่วนได้ เนื่องด้วยร่างวิญญาณแห่งนางก็มีความพิเศษยิ่งเช่นกัน ด้วยการได้รับพลังจากแสงจันทร์ทำให้นางคงสติได้มาก มันต่อต้านพิษจากโอสถควันชั่วได้หลายส่วน แต่ถึงอย่างนั้นซ่งไหลไหลนางก็ขยับร่างกายอย่างตามใจไม่ได้

ในตอนที่ร่างนางทรุดลงข้างต้นไม้ นางเห็นองค์ชายอสูรหวังเผยจูนและบุรุษอสูรนับสิบยื่นล้อมร่างนาง

“ซ่งไหลไหลนะซ่งไหลไหล เจ้าช่างเป็นนางงามตระการที่วิเศษยิ่ง สมกับได้ชื่อว่าเป็นสมบัติอันดับหนึ่งของตระกูลซ่งเสียจริงๆ หากแต่นางตัวดี ไยเจ้าจึงกล้าปฏิเสธคำของข้า นอกจากนั้นยังกล้าทำกิริยาถือดี คิดว่าเป็นตระกูลแห่งราชันย์สวรรค์แล้วข้าผู้นี้ต้องยำเกรงและให้เกียรติเจ้ารึนางโง่ หากวันนั้นเจ้าและคนในตระกูลเลือกมอบเจ้าให้มาตบแต่งเป็นอนุของข้า อย่างน้อยๆ ด้วยหน้าตาและร่างวิญญาณอันพิเศษของเจ้า ข้าองค์ชายเผยจูนผู้นี้ก็คงเมตตาเจ้าบ้าง พร้อมเมตตาตระกูลราชันย์สวรรค์ชั้นต่ำของเจ้าด้วย หากแต่ ” กล่าวถึงตรงนี้องค์ชายหวังเผยจูนก็กัดฟัน มันได้รับความอัปยศจากสตรีนางนี้ไม่น้อย

“หากแต่นางแพศยา นอกจากเจ้าจะปฏิเสธข้า หากแต่เจ้ายังกล้าทำข้าขายหน้าต่อหน้าพี่น้อง ในงานธิดาสวรรค์มอบจันทร์ ทั้งๆ ที่เจ้าควรมอบตะเกียงจันทราแก่ข้า แต่เจ้ากับเลือกโยนสิ่งนี้ให้ไอ้สวะหวังเทียนไป๋ นอกจากนั้นเมื่อข้าจะแย่งเอาตะเกียงจันทราของเจ้าจากมัน นางตัวดีอย่างเจ้าก็ยังมาขัดขวาง โดยการออกหน้ามาเป็นผู้ประลองยุทธ์กับข้าแทนมัน เจ้าช่างทำได้ดี ทำได้ดีจริงๆ วันนั้นเจ้ากล้าฉีกหน้าข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ข้าต้องยอมรับ เจ้าช่างมีพรสวรรค์ในการยุทธ์ ฤทธาของเจ้าก็ช่างใช้ได้อย่างวิเศษ ข้าแพ้เจ้า แพ้เจ้าจริงๆ”

หวังเผยจูนมันพูดไปก็เดินก้าวไป ไม่ช้าก็ถึงตัวของซ่งไหลไหล มันกำศีรษะนาง พร้อมใช้สายตาโลมเลียนางอย่างถึงที่สุด จากนั้นก็หัวเราะอย่างวิปลาส

“กร๊าาาาาาาก กะ กะ กะ กร๊าาาก กะ แล้วด้วยการกระทำของเจ้า เจ้ารู้ไหมนับจากวันนั้นเหล่าพี่น้องและบิดาของข้ามองข้าด้วยสายตาอย่างไร ฮะฮาฮาฮา ว่าที่องค์รัชทายาทงั้นรึ ร่างวิญญาณอันแสนวิเศษงั้นรึ เผยจูนมันก็แค่ผู้แพ้ต่ออิสตรี นั่นคือคำที่เหล่าพี่น้องข้าพูดกับข้าลับหลัง สายตาของบิดาข้า ยามจ้องมองข้าก็ราวกับว่าผิดหวังในตัวข้าถึงที่สุด มองข้าคล้ายสวะไม่เอาไหนคนหนึ่ง นางตัวดีเจ้ารู้รึเปล่าว่าสำหรับข้าแล้วสิ่งเหล่านี้มันหมายความว่าอย่างไร เจ้า… เจ้าทำให้ข้าเดือดดาล เจ้าเข้าใจความรู้สึกของข้าไหมซ่งไหลไหล เจ้าคิดว่านางสวะอย่างเจ้าจะชดใช้อะไรให้ข้าได้บ้าง หึ ดูท่าแม้แต่ฐานะแห่งอนุเจ้าก็ไม่คู่ควรแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็ต้องยอมรับ ร่างวิญญาณของเจ้านั้นวิเศษนัก ด้วยร่างวิญญาณของเจ้าข้าคงเพิ่มโอกาสในการก้าวสู่ผู้เหนือมหาเทวะได้เร็วขึ้น แต่… เจ้าจะไม่ได้อยู่ในฐานะนางบำเพ็ญคู่กับข้า แม้แต่อนุภรรยาก็ไม่ใช่ หากแต่เป็นเต้าหลอมสตรีที่มีหน้าที่แค่อ้าหว่างขาให้ข้าเสพสุข เป็นดังเต้าหลอมที่มีเพียงหน้าที่รับอารมณ์ราคะของข้ายามข้าปรารถนาเท่านั้น เกียรติใดๆ ของเจ้าจะไม่มีอีกต่อไป นอกจากนั้น นอกจากนั้น คิกคิกคิก ข้าจะไม่เก็บเจ้าไว้ชมคนเดียวหลอกนะ”

พูดกล่าวถึงตรงนี้นัยน์ตาขององค์ชายอสูรหวังเผยจูนก็ฉายแววอำมหิต มันปรายตามองบุรุษที่อยู่ด้านหลังของมัน

“เหล่าขี้ข้าที่ซื่อสัตย์ของข้า แต่ละคนก็ปรารถนาลิ้มชิมเจ้า นางที่ได้ชื่อว่าเป็นนางสวรรค์อันดับหนึ่งแห่งสำนัก ‘เทวะจ้าวอสูร 8 ทิศ’ รุ่นเยาว์ ในนางสตรีที่ไม่ใช่ระดับชาวสวรรค์ เจ้าคืออันดับหนึ่ง และเพราะแบบนั้น หลังจากข้าได้ชิมรสชาติร่างกายของเจ้าแล้ว นอกจากข้าก็จะมีผู้ได้รับเกียรติให้ได้เชยชมเจ้าอีกมาก… คิกคิกคิก ”

น้ำตาแห่งซ่งไหลไหลนางไหลริน นางไม่คิดเลยว่าบุรุษผู้เป็นถึงองค์ชายที่มีเกียรติจะทำกับนางเช่นนี้

นอกจากนั้นบุรุษที่รายล้อมนางช่างน่าตกตะลึงกว่าครึ่งกับเป็นคนที่นางรู้จักและไว้ใจ นั่นเพราะคนพวกนี้ต่างเป็นสหายติดตามของนาง ที่ต่างเรียกนางว่าลูกพี่หญิง หากแต่ตอนนี้พวกมันกลับ… กลับยืนอยู่ร่วมกลุ่มกับคนชั่วช้าที่คิดจะขืนใจนาง นางไม่เข้าใจเหตุใดพวกมันถึงกล้าทำกับนางเช่นนี้

นางพยายามฝืนตัวเองขยับปากพูด

“หลี่กุน เหมียวกวาง ถังไท่… … … … … ฉีเซิน… ทำไม… ทำไมพวกเจ้าถึง…”

องค์ชายอสูรหวังเผยจูนได้ยินนางพูด มันก็หันมองคนที่มีชื่อเหล่านี้ มันทำทีท่าบอกให้คนเหล่านี้พูดกล่าวออกมา คล้ายกำลังบอกไอ้พวกสวะเหล่านี้ว่า จงรีบทำให้นางโง่นี่ตาสว่างเสียทีว่าทำไมพวกเจ้าถึงทรยศนาง

ไม่ช้าบุรุษผู้หนึ่งในรายชื่อก็พูดขึ้น

“ไหลไหลเจ้ามันถือดีเกินไป คิดว่าตัวเองมีพรสวรรค์แล้วจะเหนือบุรุษ ช่างเป็นนางโง่ เจ้ารู้หรือไม่ลับหลังเจ้า พวกเราเรียกเจ้าว่าอะไร ฮะฮาฮา นางโง่ไหลไหลไงละ เพียงแค่คำยั่วยุนิดหน่อยก็ทำให้เจ้าออกหน้าไปทำนู้นี่เพื่อพวกเราได้แล้ว พอพูดยกยอว่าเจ้าคือวีรสตรีเจ้าก็ดูมีความสุขอย่างเพ้อฝัน ทั้งๆ ที่แท้จริงเป็นแค่นางโง่ที่ดีแค่มีพรสวรรค์เชิงยุทธ์เล็กน้อย อาศัยตัวว่ามีบิดาเป็นราชันย์สวรรค์ที่มีเกียรติ นอกจากนั้นพระสนมซีฮันมารดาขององค์ชาย 8 ก็ให้ท้าย ทำให้เจ้าเหิมเกริม หากแต่ตอนนี้พระสนมซีฮันได้จากโลกไปแล้ว เจ้าคิดว่าพวกเราต้องเกรงใจเจ้ากับไอ้องค์ชาย 8 โง่เง่าอย่างหวังเทียนไป๋งั้นรึ มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่จะเป็นพวกของเจ้า นอกจากนั้นเจ้ารู้ไหมไหลไหล ทุกครั้งที่พวกข้าเห็นเจ้าพวกเราต่างคิดฝันว่าจะมีสักวันหรือไม่ที่จะได้เป็นบุรุษที่ได้จับเจ้าอ้าขาและทับร่างเจ้า”

“พวกเจ้า…” ซ่งไหลไหล ตอนนี้นางน้ำตานองหน้า คนที่นางคิดว่าคือสหาย เป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งคนที่นางไว้ใจ นอกจากนั้นยังเป็นคนที่สัญญากับนางว่าจะรบเคียงบ่ากับนางพร้อมให้นางเป็นลูกพี่หญิง และจะเป็นหลังให้กันและกันในยามเกิดเภทภัย หากแต่ตอนนี้ ด้วยคำพูดของพวกมันซ่งไหลไหลนางเจ็บปวดยิ่งกว่าตายเสียอีก

ซาาาาาาาาาาาาาก เสื้อสตรีชุดบำเพ็ญแห่งซ่งไหลไหลถูกกระชาก ผิวขาวและทรวงอกอันกลมกลึงของนางถูกเปิดเผย ซ่งไหลไหลนางเจ็บปวดจนถึงขนาดว่า แม้นางจะตายก็จะขอลากชีวิตพวกมันไปกับนางสักคนก็ยังดี หากแต่นางก็ได้แต่คิด เพราะร่างกายไม่เป็นตามสั่งแม้แต่น้อย มันอ่อนแรง อ่อนแรงอย่างถึงที่สุด แม้อยากจะตายยังทำไม่ได้เลย

หวังเผยจูนมันยิ้มอย่างมีความสุขก่อนที่ในไม่ช้า มันและกลุ่มบุรุษบ่าวแห่งมันจะเปลื้องผ้าของตัวเองออกกันจนหมดสิ้น

แน่นอนบุรุษที่จะได้ขืนใจซ่งไหลไหลเป็นคนแรกย่อมเป็นมัน… องค์ชายอสูรเผยจูน

หากแต่ในขณะนั้นเอง

!!!เปรี้ยง

ราวกับเสียงอสนีบาตกัมปนาทดัง

ชั้นอิทธิฤทธิ์ปิดซ้อนอยู่ๆ ก็แตกออก และในไม่ช้าก็มีบุรุษผู้หนึ่งเดินก้าวมา กลางหน้าผากแห่งมันคือผู้เหนือโลกตราสัญลักษณ์วิญญาณสีม่วงหนึ่งจุดแต้ม

หวังเผยจูนตอนนี้มันขมวดคิ้วแล้วผู้ที่ปรากฏคือผู้ที่มันไม่คิดถึงแม้แต่น้อย

มันมองจ้องผู้มาอย่างเย้ยหยัน

“ไงน้องพี่ เจ้า…สวะ เจ้าจะมาที่นี่ทำไม ที่ตรงนี้ไม่ได้มีเรื่องของเจ้า ไปนั่งอยู่หน้าโลงศพนางแพศยาแม่เจ้านั่นเถอะ เจ้ามันทำได้แค่นั้นไอ้โง่”

.

.

.

ในวันนี้หวังเทียนไป๋มันช่างแปลกตา ไม่ได้ดูนุ่มนิ่มและเป็นบุรุษว่าง่ายอย่างในอดีต นัยน์ตาแห่งมันนิ่งเรียบ บรรยากาศรอบตัวราวกับพยัคฆ์หมอบที่ดูสามัญ หากแต่กับพร้อมพุ่งทะยานคร่าชีวิตผู้คน

“เจ้าคิดจะทำอะไรกับไหลไหล”

หวังเผยจูนยิ้ม มองไปที่น้องชายคนนี้อย่างไม่สนใจ ราวกับว่าต่อให้มีมันอีกสิบคน ก็สร้างปัญหาใดๆ ให้มันไม่ได้แม้แต่น้อย

“เจ้ายังต้องให้ข้าพูดอีกรึ ภาพที่เห็นยังไม่ชัดอีกหรือ นางสารเลวนี่เคยทำอะไรกับข้าเจ้าก็รู้ มันมีดีแค่รูปงาม และมีร่างวิญญาณอันวิเศษ เพราะแบบนั้นข้าจึงคิดจะเชยชมนางเสียหน่อย หากแต่ถ้าได้ชื่นชมคนเดียวก็คงไม่ดี เพราะนางนี้ช่างเป็นนางสารเลว อย่างนางเหมาะแก่การต้องเป็นนางราคีที่ต้องผ่านเสียร้อยบุรุษเป็นอย่างน้อย ข้าอยากรู้นักหากนางถูกกระทำเยี่ยงนี้ต่อไปภายหน้ายังกล้ายื่นเชิดหน้าชูตาในสำนักได้อีกหรือไม่ และหากนางยืนอยู่ได้ ข้าก็อยากรู้เวลาที่นางต้องยื่นอยู่ต่อหน้าบุรุษที่เคยเสพสมร่างกายของนาง นางจะรู้สึกอย่างไร ข้าหวังเผยจูนอย่างรู้จริงๆ กร๊ากๆ ๆ ๆ ๆ” หวังเผยจูนตอนนี้กรีดร้องราวคนบ้า

ไม่ช้าหวังเทียนไป๋ก็มอง มองจ้องไป ไม่ช้าก็คล้ายพบสหายแห่งมัน ที่นับเป็นพี่น้อง เป็นผู้เดินตามซ่งไหลไหลพร้อมกับสัญญาว่าจะเป็นกำลังให้นางเป็นวีรสตรีร่วมกัน หากแต่ตอนนี้ดูเหมือนคำสัญญาจะเป็นเพียงแค่ลมปาก

หวังเผยจูนหัวเราะจนท้องแข็ง ไม่ช้าก็หยุดลง ก่อนส่งสายตาเย็นวาบไปหาหวังเทียนไป๋คล้ายจะพูดกล่าวให้น้องโง่นี่ได้คิด

“ข้าได้ยินเรื่องราวของเจ้ากับนางตัวดีมาจากไอ้คนที่เจ้าเรียกมันว่าพี่น้องแล้ว เจ้าคงชอบนางสารเลวนี่มากสินะ ในฐานะที่เป็นพี่น้อง เอาเช่นนี้ก็แล้วกัน หลังจากข้าจับนางอ้าขาและโถมทับจนพอใจ ข้าจะให้เจ้าได้เสพสมนางต่อจากข้า ในฐานะพี่ชา ข้าย่อมเมตตาน้องชายของข้าเป็นพิเศษอยู่แล้ว และหลังจากเจ้าได้ทำความฝันให้เป็นจริงแล้วก็จงสำนึกตัวเองด้วยล่ะ และต่อจากนี้ก็จงใช้ชีวิตเป็นองค์ชายที่น่าสมเพชต่อไป”

กล่าวจบหวังเผยจูนก็หันหน้าหาซ่งไหลไหลที่ร่างเหม่อลอย มือของมันกำลังล้วงเพื่อปลดกางเกงยาวของตัวเอง เพื่อเผยความเป็นชายและใช้สิ่งนี้ทำลายเกียรติสตรี

หากแต่ดุ้นเนื้อของหวังเผยจูนยังไม่ทันได้แข็งตัวและตั้งสัณฐาน น้ำเสียงที่แข็งก้าวและแฝงพลังกดข่มก็เข้าถึงหูมัน เสียงเสียงนี้มิได้ดังเลยแม้แต่น้อย มันออกจากเงียบเสียด้วยซ้ำ หากแต่มันช่าง… มันช่างทำให้ผู้ได้ยินต้องสั่นกลัว

“ปล่อยมือจากนางเสีย…”

หวังเผยจูนตอนนี้ไม่สบอารมณ์ ตรงนี้มีผู้มาทำลายความสุนทรีย์แห่งมัน มันหันขวับไปหาน้องชายสวะ พร้อมแสดงตราสัญลักษณ์วิญญาณที่กลางหน้าผากแห่งผู้เหนือโลกขอบเขตสูงสุด ตราสัญลักษณ์วิญญาณสีทมิฬห้าชั้นฟ้าแห่งผู้เหนือโลก

และไม่ใช่เพียงแค่มัน หากแต่เหล่าบ่าวและบริวารของมัน ไม่มีคนใดเลยที่มีตบะบำเพ็ญต่ำกว่าผู้เหนือโลกระดับกลางตราสัญลักษณ์วิญญาณสีน้ำเงิน

แต่ถึงอย่างนั้น

.

.

.

ฟึบ

หลังจากหวังเทียนไป๋มันปากกล่าวพึมพำและมือร่ายฤทธิ์ครู่สั้นๆ กระบี่ขาวที่เกิดจากฤทธาปรากฏ

และเพียงหวังเทียนไป๋สะบัดมันเพียงครั้ง

เรื่องหน้าสะพึงก็บังเกิดอย่างที่ไม่มีผู้ใดคาดคิด

.

.

.

“อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา”

หนึ่งบุรุษร่างขาดเป็นสอง

อีกหนึ่งกรีดร้องน่าสมเพช เพราะด้วยกระบี่เดียวนี้ สะบั้นแขนของมันขาดสิ้น

.

.

.

ตอนนี้หวังเผยจูนมองจ้องผู้ที่มันคิดว่าเป็นสวะ ไม่รู้ทำไม ในใจสั่นสะท้านอย่างประหลาด พร้อมความเจ็บปวดและหนาวสั่นสุดขั้วหัวใจ นั่นเพราะแขนหนึ่งข้างไม่มีอีกต่อไปแล้ว

อ่านบทต่อไป →