หลัวไหหยี่สองมือแห่งมันสั่นเกร็งอานุภาพแห่งครึ่งก้าวสู่เทวะอัศจรรย์ ก่อเกิดเป็นมวลพลังอานุภาพทรงกลม ม้วนดูดกลืนทุกสรรพสิ่งอย่างไม่เว้นมิตรและศัตรู เพราะความโกรธแค้นและบ้าคลั่ง หากที่ตรงนี้มีเพียงมันที่ครองอำนาจสูงสุด หลุดดำนี้ก็คงจะ… สังหารชีพผู้มีระดับบำเพ็ญต่ำกว่าชาวสวรรค์สิ้นจนหมดได้แน่นอน
“!!!นายท่าน ท่านทำอะไรของท่านนะขอรับ…. ตรงนี้ยังมีพวกข้าอยู่นะ!!!ทำไมท่าน” เสียงบริวารแห่งหลัวไหหยี่กรีดร้องอย่างไม่เป็นคำ ไม่คิดนึกว่าหลัวไหหยี่จะใช้มหาฤทธิ์ของตัวเองสำแดงฤทธาที่ทำลายล้างเป็นวงกว้างเช่นนี้
แต่ในชั่วครู่เดียวร่างมนุษย์มารห้าแสนของฉินเทียนก็กะพริบไหวพร้อมกัน เส้นแสงถูกยิงเชื่อมโยงกันไปมารวดเร็ว ยามที่ทุกคนกำลังถูกแรงดึงดูดมหาศาลของหลุมดำนี้ดูดกลืน
ไม่ช้าแสงทั้งมวลก็มารวมกันที่ตัวของฉินเทียน
ก่อนที่ในไม่ช้าแสงสว่างที่สุกสกาวยิ่งกว่าแสงสว่างใดๆ นี้โดยมีตัวฉินเทียนเป็นแหล่งกำเนิด มันจะพุ่งเข้าสู่หลุมดำนั้น และทันทีที่แสงสว่างนี้ถูกยิงเข้าสู่หลุมดำ หลุดนี้ก็คล้ายบิดเบี้ยว จนไม่อาจจะคงรูป จากนั้น…
!!!ตูมมมมมมมมมม
เสียงระเบิดดังสนั่น พร้อมเกิดกาลอวกาศที่บิดเบี้ยว
ผู้ต่ำกว่าชาวสวรรค์ตอนนี้คล้ายไม่อาจจะสัมผัสการไหลของเวลาได้ในชั่วครู่หนึ่ง หากแต่โชคดีที่ฉินเทียนทำการเชื่อมจิตเอาไว้
แม้กาลเวลาเกิดการไหลที่บิดเบี้ยวในชั่วครู่หนึ่ง หากแต่จิตแท้ยังสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ หากมีจิตตานุภาพที่ยิ่งใหญ่พอ ฉินเทียนทำการร่วมร่างเทวะสำแดง โดยใช้มนุษย์มาร 10000 สร้างหนึ่งร่างเทวะสำแดงระดับ ‘สามย่างก้าวเทวะ’ ขึ้น
ทัพ 500,000 ของมันจึงแบ่งร่าง ได้เทวะสำแดง 50 ร่างมาแทน ผู้คนภายในนั้น สามารถขยับกายและนึกขึ้น ผ่านกาลอวกาศที่บิดเบี้ยวได้อีกครั้งในทันที
หากแต่ถ้านับกำลังรบฝ่ายตรงข้ามตอนนี้ 50 ร่างเทวะสำแดงระดับ ‘สามย่างก้าวเทวะ’ จำต้องปะทะกับเศษเสียวเทวะ 2000 เศษ สามย่างก้าวเทวะ 355 ตน ครึ่งเทวะ 23 ตน และ 1 ครึ่งก้าวสู่เทวะอัศจรรย์
สุดท้ายร่างวิญญาณแห่งราชันย์สวรรค์ที่พลังลดทอนลงไปเหลือไม่ถึง 3 ใน 10 ส่วนจากช่วงตน
กำลังรบของฉินเทียนนั้นยังดูเสียเปรียบอย่างมหาศาลยิ่ง
ไม่ช้าเหล่าผู้เคลื่อนกายในสภาวะกาลอวกาศที่บิดเบี้ยวก็เริ่มเปิดมหาศึกกันอีกครั้ง
โดยทั้ง 50 ร่างเทวะสำแดงนี้ ทุกคนต่างปล่อยจิตว่าง ปล่อยให้นายแห่งตน ท่านจอมมารเหนือโลกเป็นผู้บัญชาอย่างอิสระ
50 ร่างเทวะสำแดงนี้ปรากฏดาบยาวคู่ทั้งสองมือ พุ่งใส่กลุ่มครึ่งเทวะและหลัวไหหยี่ทันที
“!!!เจ้าคิดว่าจะเอาชนะข้าได้รึ” หลัวไหหยี่โกรธเกรี้ยวกล่าววาจา ครั้งนี้มันไม่ใช้มหาฤทธิ์ใดๆ อีก หากแต่หมายสังหารซึ่งหน้า ตอนนี้มันเหน็ดเหนื่อยไม่คิดเลยว่าการฆ่าสังหารจะยากลำบากขนาดนี้ กำลังคนมันสูญเสียไปมาก หากแต่อีกฝ่ายกลับ… ดูคล้ายจะยังไม่เกิดความสูญเสียเลย เมื่อเป็นเช่นนี้มันจึงคล้ายอับอายนัก
หากแต่พอเห็นร่างเทวะสำแดงของอีกผ่านที่มีระดับบำเพ็ญ ‘สามย่างก้าวเทวะ’ เพียง 50 หากแต่ฝ่ายมันกลับมีกำลังรบเหลือมากกว่าอีกฝ่ายนับสิบเท่าร้อยเท่าอยู่ มันก็คิดอ่าน หากไม่มีเรื่องบ้าๆ อีก ชัยชนะย่อมเป็นของมัน
ตอนนี้การรบพุ่งซึ่งหน้าดูท่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด ในวิธีแบบนี้มันก็คล้ายใช้ประโยชน์จากคนมาก และระดับบำเพ็ญสูงส่งได้อย่างมีเปรียบ ทำอย่างไรก็ชนะหากต่อสู้เช่นนี้ ความเสียหายนักที่สุดที่มันคาด อย่างมากก็… ฆ่าอีกฝ่ายได้หนึ่ง ฝ่ายมันตายสอง นั่นคือกรณีเลวร้ายที่สุดที่หลัวไหหยี่คิด
.
.
.
มหาศึกดำเนินไป… มันคือการต่อสู้แลกชีวิตอย่างแท้จริง
ไม่มีผู้ใดย่อมใคร มีแต่ใครบ้าและกระหายเลือดมากกว่ากัน
และก็เป็นเช่นหลัวไหหยี่คิด
ตอนนี้ 50 ร่างเทวะสำแดงของไอ้บัดซบต่ำต้อย จาก 50 เหลือเพียง 2 นอกจากนั้น ยังเป็น 2 ร่างเทวะสำแดงที่พิกลพิการ สูญเสียชีวิตภายในร่างเทวะสำแดงอีกไม่น้อย
“นายท่าน…” เสียงตงไป๋กล่าววาจาน้ำเสียงสั่น ร่างแห่งมันที่อยู่ภายในร่างเทวะสำแดง พร้อมชาวมนุษย์มารที่เหลือต่างร่างซูบผอม นัยน์ตา จมูก ปาก ปรากฏโลหิตไหลซึม คล้ายกับว่าอีกไม่กี่อึดใจก็จะตาย
“นายท่านข้าตงไป๋… ข้าจะ… ไม่ยอมแพ้ การต่อสู้กับท่านจอมมาร สำหรับข้าตงไป๋ มันช่างสำราญนัก”
ฉินเทียนตอนนี้ที่สภาพร่างแทบไปต่างจากตงไป๋ โลหิตไหลซึมเจ็ดทวาร มันยิ้มเยาะและหัวเราะเย้ยหยัน ก่อนจะพูดกล่าวด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจผ่านร่างอันทรุดโทรม
“พวกเจ้าเชื่อในข้าหรือไม่…”
หลัวไหหยี่ที่ได้ยินคำกล่าวสนทนานี้แต่ไกล นัยน์ตามันตอนนี้แอบแฝงความเหน็ดเหนื่อย นั่นเพราะกำลังคนแห่งมันสูญเสียไปอีกมากมายเหลือเกิน ไม่น่าเชื่อไอ้ร่างเทวะสำแดง 50 ร่างนี้มันจะบ้าคลั่งเหลือเกิน แม้มีเพียง 50 หากแต่กับกำจัดเศษเสียวเทวะ 2000 กว่า จนปัจจุบันเหลือเพียง 500 เศษ
สามย่างก้าวเทวะ 355 ตน ปัจจุบันเหลือเพียง 155 ตน เรียกว่าตายไปเกินครึ่ง
นอกจากนั้นครึ่งเทวะ 23 ตน เหลือเพียง 19 ตน
ส่วนตัวหลัวไหหยี่และร่างวิญญาณแห่งราชันย์สวรรค์นั้น ร่างวิญญาณแห่งราชันยสวรรค์ได้ดับสลายไปแล้ว เพราะใช้พลังในการโจมตีไปจนหมด
หลัวไหหยี่ถึงกับอื้ออึง เหน็ดเหนื่อยอย่างไม่คาดฝัน ไม่คิดเลยว่าการกำจัดผู้มีระดับพลังสามย่างก้าวเทวะจะยากลำบากขนาดนี้ นอกจากนั้นพวกมันยังไม่ใช่สามย่างก้าวเทวะอย่างแท้จริง หากแต่เกิดจากการก่อร่างจากผู้บำเพ็ญหนึ่งหมื่นอีก เหตุใดพวกมันจึงทำเช่นนี้กันได้อย่างพร้อมใจ หลัวไหหยี่สับสนในข้อนี้นัก
หากแต่ในขณะที่มันกำลังคิดว่ามีชัยจากการต่อสู้อันแสนเหน็ดเหนื่อยและยาวนาน
เสียงโห่ร้องจากอีกฝ่ายก็ดังก้อง
ราวกับว่าผู้คนจำนวน 15,000 คนเศษมีความมั่นใจอย่างเปี่ยมล้นที่จะชนะศึก
ร่างเทวะสำแดงเทวะต้านทัพ 2 ร่าง ตอนนี้หลอมรวมเป็นหนึ่ง เพื่อคงพลังสูงสุดแห่งตน
ร่างเทวะสำแดงของฉินเทียน ตอนนี้มันเชิดหน้ามองไปทางหลัวไหหยี่และผู้ทรงกำลังครึ่งเทวะที่เหลืออยู่
“ในที่สุดก็จะได้ตัดสินเสียทีสินะ ข้าเสียเวลามานานแล้ว ข้าจะดับสลายชีพเจ้าทั้งหมด เรื่องบ้าๆ นี้จะได้จบเสียที ข้าหลัวไหหยี่ยอมรับว่าเจ้านั้นยอดเยี่ยมไอ้บัดซบวัยเยาว์ หากแต่อย่างไรที่สุดผู้มีชัยย่อมเป็นข้า” หลัวไหหยี่ถลึงตากล่าวอย่างบ้าคลั่ง
ไม่น่าเชื่อว่ามันจะดีใจขนาดนี้หลังจากนำกองทัพ 5 ล้านกว่า ที่ทรงอานุภาพกว่าอีกฝ่ายนับร้อยเท่า หากแต่พอถึงช่วงบทสรุป ความสูญเสียแห่งมันกับช่างมากมายเกินจะกล่าว
หากแต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ไม่รู้ทำไมหลัวไหหยี่ดีใจมากมายอย่างประหลาด
ในใบหน้าแห่งความดีใจ อยู่ๆ มันก็บึ้งตึง เพราะตั้งแต่ต้นจนจบ มีคำคำหนึ่ง ที่เมื่อถูกอีกฝ่ายพูดกล่าวมันคล้ายมีโทสะเสียเหลือเกิน
“ถึงตรงนี้เจ้ายังคิดว่าเจ้าจะชนะอีกรึ หลัวไหหยี่เจ้ามันก็แค่ไอ้โง่ผู้หนึ่งจริงๆ”
ไม่ช้าหลัวไหหยี่ก็พยายามปั่นหน้า สำหรับมันแล้วชัยชนะของมันเป็นเรื่องแน่นอนแล้ว แม้ว่าจะสูญเสียมากมาย หากแต่กำลังของอีกฝ่ายก็แทบไม่เหลือเช่นกันร่าง 15,000 ชาวบำเพ็ญ แม้จะใช้ศาสตร์สัประยุทธ์กลศึก ก่อร่างเทวะต้านทัพร่วมกัน หากแต่ตอนนี้ร่างเล็กๆ ภายในทุกคนก็อ่อนโทรมยิ่ง มีคนไหนบ้างไม่กระอักเลือด มีคนไหนบ้างที่สมบูรณ์
และเพราะแบบนั้นมันจึงกล้ากล่าววาจาเย้ยหยันอีกฝ่าย
“สุดท้ายข้าก็คือผู้ชนะ ไอ้บัดซบตัวน้อย พวกเจ้าไม่เหลืออะไรอีกแล้ว” กล่าวจบหลัวไหหยี่ก็ส่งสายตาให้เหล่าครึ่งเทวะที่เหลือ และบริวารทั้งหมดรุมล้อม ร่างเทวะสำแดงที่ก่อร่างจาก 15,000 ชาวบำเพ็ญมนุษย์ที่เหลืออยู่ สำหรับหลัวไหหยี่มันช่างน้อยนิด
ทุกคนภายในร่างเทวะสำแดงของฉินเทียน ตอนนี้ต่างเหนื่อยหอบแต่ก็มีใบหน้ายิ้ม
บางคนก็พูดกล่าว
“ท่านจอมมารเหนือโลก ช่างเป็นเกียรติเหลือเกินขอรับที่ได้ร่วมสู้กับท่าน ชีวิตนี้ของข้าไม่เคยคิดฝันที่จะได้ทำมหาศึกที่ตระการตาถึงขนาดนี้ ราวกับข้าได้เป็นผู้สู้ 1 ต้าน 100 พวกเราฆ่าสังหารไอ้พวกที่เหนือกว่าราวกับว่าพวกเราแกร่งกล้ากว่าพวกมันนับร้อยเท่า ทำไอ้พวกนั้นดูน่าสงสารไปเลย”
“ใช่ใช่ใช่ เจ้าพูดถูก หากข้าตายตอนนี้ข้าก็ไม่มีอะไรเสียใจแล้ว”
“พี่น้องนับแสนของพวกเราที่ตายไป พวกเขาก็คงภูมิใจเป็นอย่างมากในมหาศึกเช่นนี้”
.
.
.
ในคำกล่าวพูดคุยที่ราวกับเป็นคำสั่งเสียครั้งสุดท้าย ไม่ช้าก็มีเสียงหนึ่งบุรุษดังก้องเข้าสู่ห้วงโสตจิตของทุกคน
‘ไยพวกเจ้าจึงพูดกล่าวทอดอาลัยราวกับผู้ใกล้ตาย ไม่ได้ยินที่ข้าพูดออกไปรึ อีกฝ่ายก็แค่ไอ้โง่ผู้หนึ่ง มันไม่มีวันชนะพวกเราได้’
ชนชาวมนุษย์มารไม่ว่าเผ่าใดที่เหลืออยู่ได้ยินดังนั้นก็ยิ้มหน้าบาน ไม่ใช่เพราะเชื่อคำท่านจอมมารเหนือโลก หากแต่ดีใจที่ได้ยินคำลวง ที่ทำให้รู้สึกมีความหวัง มีฝันให้ก้าวเดิน แม้มันจะเล็กน้อย หากแต่ก็สร้างกำลังใจให้คนโง่และบ้าเช่นพวกมันได้มากยิ่ง
ไม่ช้าพวกมันก็กล่าวร้อง บอกว่าใช่ขอรับท่านจอมมาร พวกเราต้องไม่แพ้ พวกเราต้องชนะ แม้พูดกล่าวเสียงกึกก้องพร้อมน้ำตาไหล แต่ในใจกว่าครึ่งก็ไม่มีใครคิดว่าจะชนะอีกฝั่งได้จริงๆ กำลังรบช่างต่างกันจนเกินไป เรี่ยวแรงพลังวิญญาณตอนนี้แทบไม่เหลือแล้ว
หนึ่งร่างเทวะสำแดงของอีกฝั่ง จับดาบจิตเข้าฟัน
ร่างเทวะสำแดงแห่งฉินเทียนและ 15000 ชีวิต พลิกร่างหลบได้อย่างพอดิบพอดี มันช่างเหนือชั้น แสดงความต่างแห่งศาสตร์การรบยิ่ง
ไม่ช้าจาก 1 ครึ่งเทวะก็เป็น 2 3 4 5
สุดท้าย 19 ครึ่งเทวะก็ร่วมโลมรัน 1 ร่างเทวะสำแดงที่ระดับบำเพ็ญต่ำกว่าหนึ่งระดับใหญ่
.
.
.
สายตาของฉินเทียนตอนนี้จดจ้องหลัวไหหยี่และโล้วซานที่ยังมีชีวิตอยู่
อยู่ๆ มันก็ยิ้ม ยิ้มอย่างน่ากลัว
ก่อนจะพูดกล่าวทั้งๆ ที่ยังความคุมร่างเทวะสำแดงจาก 15000 ชีวิตอยู่
“หลัวไหหยี่ข้าคิดว่าได้เวลาจบศึกนี้เสียที ได้เวลาที่พวกเจ้าต้องตายแล้ว”
หลัวไหหยี่และโล้วซาน มันขมวดคิ้ว หรืออีกฝ่ายจะมีไม้เด็ด หากแต่ไม้เด็ดของอีกฝ่ายคืออะไร
ในไม่ช้า ในจักรวาลกว้าง อยู่ๆ หลัวไหหยี่และเหล่าบริวารอยู่ๆ ก็คล้ายหนาวสั่น
ไม่ช้าก็หันเหลียวมองรอบ ภาพที่ปรากฏสร้างความสยดสยองกับมันเหลือเกิน
.
.
.
ฟึบ ฟึบ ฟึบ ฟึบ ฟึบ ฟึบ…
ร่างวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า ชุดแห่งพวกมันช่างคุ้นเคย
“นี่… นี่มัน… เป็นไปไม่ได้… เป็นไปไม่ได้” หลัวไหหยี่และโล้วซานกล่าวเช่นนี้ปากสั่น
และไม่ใช่เพียงแค่พวกมัน หากแต่เหล่าบริวารที่เหลือของหลัวไหหยี่ก็เช่นกัน
เพราะภาพที่ปรากฏและความหนาวเย็นอันจับใจทำพวกมันสั่นสะท้านแล้ว
ร่างวิญญาณแห่งคนตายนับล้าน ที่ร่วมกันมากกว่า 5 ล้านคน ตอนนี้ลุกขึ้นเป็นร่างวิญญาณที่ลุกไหม้ด้วยอัคคีสีทมิฬ นอกจากนั้นพวกมันทุกตนก็ต่างมีพลังวิญญาณเป็นของตัวเอง
หลัวไหหยี่หนาวสั่นไม่คิดว่าจะมีผู้ใดทำเช่นนี้ได้
มันสับสนใครเป็นผู้ปลุกดวงวิญญาณเหล่านี้ขึ้นมา ด้วยจำนวนดวงวิญญาณนับล้าน หลัวไหหยี่มั่นใจ มันต้องเป็นผู้ชำนาญในศาสตร์ควบคุมภูตผีและคำสาประดับสูงแน่ นอกจากนั้นด้วยจำนวนดวงวิญญาณมากขนาดนี้ ผู้ที่จะควบคุมได้อย่างน้อยๆ ก็ควรจะเป็น เทวะอัศจรรย์
อีกฝ่ายมีเทวะอัศจรรย์มาช่วยรึ
หลัวไหหยี่รีบนำสมบัติวิเศษของตัวเองออกมาตรวจสอบ ดวงเนตรศิลาสีเงินเบื้องหน้ามันแผ่ขยายฤทธิ์ มันพยายามตรวจสอบผู้ซ่อนเร้น หากแต่ไม่มีผู้ใด ไม่มีผู้ใดจริงๆ
แล้วใครกันที่เป็นคนทำสิ่งนี้
ในความตกตะลึงของหลัวไหหยี่และเหล่าบริวาร ไม่ช้ามันก็คล้ายได้รับคำเฉลย
ดวงวิญญาณเหล่านี้ไม่ได้ถูกปลุกโดยเทวะอัศจรรย์ หากแต่เป็น…
.
.
.
“พวกเจ้าทั้งหมด จงฆ่าพวกมันให้ข้า”
ฉินเทียนกล่าวน้ำเสียงขรึมและเย็นเฉียบ พร้อมหนึ่งมีชี้จ้อง ไม่ช้าดวงวิญญาณนับล้านก็พุ่งโรมรันหลัวไหหยี่และเหล่าบริวาร
.
.
.
“!!!ไม่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” เสียงหลัวไหหยี่และบริวารแห่งมันกรีดร้อง ดวงวิญญาณจำนวนมาก พุ่งเข้ากัดแทะร่างของพวกมัน มันช่างน่าหวาดกลัว น่าหวาดกลัวจนหนาวสั่น
ดวงวิญญาณพวกนี้เกาะแขนขาพวกมัน จากนั้นก็พยายามกัดแทะ หากแต่ความน่ากลัวของร่างวิญญาณ คือการจะกำจัดพวกมันนั่นจำเป็นต้องใช้ฤทธาชำระเฉพาะทาง พลังต้องควบแน่นในระดับหนึ่ง และการใช้ฤทธาแบบนี้จำต้องมีใจบริสุทธิ์สะอาดจึงร่ายฤทธิ์ชำระได้ หากแต่พวกมันกลับเต็มไปด้วยความมืดมิดและหวาดกลัวในอารมณ์และห้วงจิต เมื่อเป็นเช่นนี้แต่ละคนจึงคล้ายทำอะไรดวงวิญญาณมากมายมหาศาลนี้ไม่ได้เลย
และแม้ดวงวิญญาณตรงนี้ส่วนใหญ่ ต่างเป็นดวงวิญญาณแห่งผู้เหนือโลกที่ต่ำต้อย
หากแต่ยามพวกมันโจมตี ด้วยความที่พวกมันเป็นร่างวิญญาณ ยามมันพุ่งกายมาเกาะแขน เกาะขาและกัดแทะ ร่างแห่งพวกมันจึงซ้อนทับกันได้เป็นชั้นๆ อย่างอนันต์ แรงขบกัดจากคมเขี้ยว ที่ดูคล้ายจะบางเบา หากแต่พอเป็นแรงกดจากปากดวงวิญญาณนับหมื่น นับแสน ตอนนี้ต่อให้เป็นเทวะอัศจรรย์ก็คง…
ตายอย่างอเน็ดอนาถ
ไม่ช้าหลัวไหหยี่ก็กรีดร้องพร้อมมองจ้องไปที่ไอ้วัยเยาว์บัดซบในความรู้สึกของมัน มันพยายามกรีดร้อง พร้อมชี้เหตุชี้ผลที่ไม่ควรสังหารมัน
“ไอ้เด็กน้อย เจ้ารู้… เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร… หากข้าตาย ณ ที่ตรงนี้ เจ้าและพวกของเจ้าทั้งหมดจะต้อง… จะต้องพบเจอกับการฆ่าล้าง ฆ่าล้างอย่างไม่มีที่สิ้นสุด หากแต่ถ้าตอนนี้เจ้า… เจ้ายอมแพ้ และยอมสยบต่อข้า ข้าหลัวไหหยี่ก็จะ…”
“จะอะไรงั้นรึ”
“ก็ย่อมเมตตาเจ้า มอบชีวิตที่ดีให้เจ้านะสิ สมบัติมากมายสตรีรอเจ้าอยู่ เช่นนั้น รู้เช่นนั้นแล้วเจ้าจง… จง… ปล่อยข้าเสีย แล้วเรียกดวงวิญญาณเหล่านี้กลับไป!!!เร็ว แล้วข้าจะมอบเกียรติและวาสนาอันประเสริฐให้เจ้าอย่างไร้ที่สิ้นสุด” หลัวไหหยี่กล่าววาจานัยน์ตาถลึงเหลือก มองจ้องฉินเทียนอย่างมีความหวัง ขอเสนอแห่งมัน คือขอเสนอที่ดียิ่ง ดีจนมันไม่คิดว่าผู้ใดจะปฏิเสธ
.
.
.
หากแต่ฉินเทียนกลับ… นิ่งเฉย กล่าวเพียงคำพูดเยือกเย็น
“เจ้านะ… คือผู้ที่ไม่ควรมีชีวิตอยู่”
สิ้นคำนี้ดวงวิญญาณจำนวนมากก็ถาโถมเข้าใส่หลัวไหหยี่และโล้วซาน
พวกมันกรีดร้อง
กรีดร้องอย่างน่าเวทนา
จากนั้นในไม่ช้า ในกลุ่มดวงวิญญาณอันหนาแน่น หนึ่งมือไม้ที่หงิกงอสั่นไหว ก็แข็งเกร็งไม่อาจขยับ
มหาจักรวาลไม่ช้าก็เงียบงัน ในจักรวาลกว้างอันไร้ที่สิ้นสุด ณ จุดที่หลัวไหหยี่และโล้วซานอยู่ เมื่อมองไปกลับพบเพียงหนึ่งมือที่ซีดขาว ล่องลอยอยู่ในจักรวาลกว้าง
.
.
.
ตึง ตึง ตึง
ฉินเทียนในร่างนิ่งเฉยมันได้ยินเสียงระบบศาลเทพสวรรค์ร้องดัง