Skip to main content
ศาลเทพสวรรค์

ศาลเทพสวรรค์ ตอนที่ 230 : หุหุหุ พวกเอ็งเสร็จบิดา

By 13/04/2022No Comments

เมื่อมีผู้กล่าวถามนามตอนนี้ไอ้มิจฉาชีพก็รับรู้แล้วว่าถึงคราวที่มันต้องมีบท ด้วยอาภรชั้นสูงจากศาลเทพสวรรค์ ตอนนี้มันสามารถเปล่งรัศมีแห่งจักรพรรดิสวรรค์ออกมาอย่างเจือจางได้ เรียกว่าตีเนียนได้อย่างสมจริงนัก

ไม่ช้าเหล่าผู้คนเมื่อเห็นผู้ชราแสดงรัศมีอันเจือจางแห่งจักรพรรดิสวรรค์ ผู้คนก็อื้ออึง

โดยเฉพาะเยว่เหว่ยไท่คือมหาเทวะปรมัตถ์ที่เคยผ่านมหาศึกเทพและมารในอดีตมาก่อน เคยพบกับเหล่าผู้ครองอำนาจแห่งจักรพรรดิสวรรค์ ทำให้มันรู้ว่ารัศมีที่ผู้ชราแสดงนั้นคือ…

“แม้รัศมีนั้นจะเจือจาง แต่ก็ใช้แน่นอน นั่นคือรัศมีแห่งจักรพรรดิสวรรค์ รัศมีรัตน 9 แสง!!!”

สิ้นคำเหล่าชาวบำเพ็ญทั้งหลายก็ต่างเริ่มสังเกตุและเห็นความจริง รัศมีจางๆ แห่งผู้ชราแตกต่างจากมหาเทวะปรมัตถ์ทั้งสองตรงหน้า แสงสีแห่งรัศมีปรากฏว่ามีสีเพิ่มขึ้นมาอีกสองสีอย่างชัดเจน

มหาเทวะปรมัตถ์ยามสำแดงรัศมีแห่งตนจะปรากฏเป็นรัตน 7 แสง

ตอนนี้เมื่อเหล่าชาวบำเพ็ญได้เห็นและเปรียบเทียบกันชัดๆ ก็เห็นแล้วว่าต่างกันจริง ตอนนี้ต่างส่งเสียงพึมพำกันอย่างเดียวโดยที่ไอ้มิจฉาชีพไม่ต้องพูดอะไร

ไอ้มิจฉาชีพตอนนี้ต้องขอบคุณไอ้มหาเทวะปรมัตถ์ตรงหน้าที่กล่าววาจาส่งเสริมบทอันเหนือล้ำ

.
.
.

หากแต่ในไม่ช้าเมื่อมันสังเกตุใบหน้าของเยว่เหว่ยไท่ดีๆ ไอ้มิจฉาชีพมันก็แทบร้องฉิบหายในใจ

‘เวรแล้วไง ไอ้ฉิบหายนี่ที่บิดาหนีมันจากดารามนุษย์บำเพ็ญ เพราะเกรงมันจะจับได้ว่าบิดาปลอมเปลือก หากแต่ไม่น่าเชื่อ บิดาหลีกหนีเอ็งถึงขนาดนี้ เอ็งยังตามเจอบิดาอีกรึ หรือว่ามันรู้อะไรบางอย่างของบิดา’

และด้วยความกังวล ไอ้มิจฉาชีพไม่รอช้าใช้เนตรมองอดีต ท่องไปในห้วงกาลเวลาของมันทันทีอย่างไม่เกรงเสียเวลา รับรู้เรื่องราวของไอ้ผู้นี้อย่างละเอียด

ไม่ช้าก็เห็นเรื่องราวมากมาย วันเวลาของเยว่เหว่ยไท่ช่างยาวนาน นอกจากนั้นยังเกี่ยวพันกับมหาศึกเทพมาร ทำให้ฉินเทียนได้เห็นฉากการต่อสู้ในเบื้องหน้าของเทพมาร ได้รับข้อมูลอีกมุมหนึ่งอย่างสมบูรณ์ นอกจากนั้น ในความกังวลของเยว่เหว่ยไท่ที่ถึงกับเอาช่วงชีวิตส่วนหนึ่งแลกกับการทำนายอนาคตของตระกูลเยว่ฉินเทียนก็ได้รับรู้เรื่องนี้โดยละเอียดเช่นกัน

นอกจากนั้นเมื่อถึงช่วงสุดปลายแห่งห้วงอดีตตอนนี้ไอ้มิจฉาชีพมันก็เข้าใจการมาของเยว่เหว่ยไท่มหาเทวะปรมัตถ์ห้าชั้นฟ้าผู้นี้อย่างกระจางแล้ว

ไอ้มิจฉาชีพตอนนี้ดีใจนักนั่น !!!ไอ้เจ้านี่มิได้มาเพราะรู้อะไรเกี่ยวกับมัน

‘หุหุ เช่นนี้บิดาค่อยสบายใจหน่อย นึกว่าโดนจับได้เสียแล้ว หากแต่คิดนึก ไอ้เจ้านี่ไม่ธรรมดาเลย บริวาณก็มากมาย หากมัน หุหุ’

ไม่ช้าความคิดชั่วช้าในใจของไอ้มิจฉาชีพก็มากล้น มันมองเยว่เหว่ยไท่อย่างผู้มีเปรียบ

เยว่เหว่ยไท่เห็นเช่นนั้นก็สั่นสะท้านคิดนึกไปอีกทาง

‘นี่คือขอบเขตจักรพรรดิสวรรค์จริงๆ ดูนั่นสายตาที่พระองค์มองข้า ราวกับทะลุทะลวงความคิดของข้าได้ทั้งหมด ใช้แล้ว… ใช้แล้วพระองค์คือจักรพรรดิสวรรค์ ไม่แปลกที่จะมองเห็นอนาคตและโชคชะตาได้ เพราะองค์คงกำลังหยั่งประสงค์ในจิตใจของข้าสินะ ช่างยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมจริงๆ แดนมนุษย์บำเพ็ญของเรามีจักรพรรดิสวรรค์คนใหม่เกิดขึ้นแล้วจริงๆ’

ไม่ช้าไอ้มิจฉาชีพก็ยิ้มบางเบาให้เยว่เหว่ยไท่ มันไม่ได้รู้อนาคต และไม่ได้รู้ความคิดในใจของเยว่เหว่ยไท่ หากแต่ข้อมูลมากมายในอดีตของเอ็งนั้น ได้ถูกไอ้มิจฉาชีพในตำนานเก็บไปหมดแล้ว มันจึงรู้แจ้งว่าเยว่เหว่ยไท่คิดอะไรกับมัน

หากเรื่องใดเป็นประโยชน์ไอ้มิจฉาชีพก็แค่ต้องแสร้งยื่นยัน พร้อมยอมรับสมอ้างให้เป็นเรื่องจริง ส่วนเรื่องใดไร้ประโยชน์มันก็แค่ต้องปรับเปลี่ยนแล้วหาทางทำให้สถานการณ์เป็นใจกับมัน เนี่ยแหละประโยชน์ของเนตรมองอดีต หุหุหุ

.
.
.

ยิ้มให้เยว่เหว่ยไท่เพียงช่วงสั่นๆ ไอ้มิจฉาชีพตอนนี้ก็รู้ตัวว่าเวลานี้ไม่ควรเอ้อระเหยกับมหาเทวะปรมัตถ์ผู้นี้นานนัก แม้เป็นตัวละครใหญ่ที่มันต้องเก็บเป็นทาสแต้มบุญชั้นสูงให้ได้ แต่การทำอะไรก็ต้องรอบคอบ

ตอนนี้ตัวมันไม่ต้องทำอะไรกับเยว่เหว่ยไท่ผู้นี้ มันก็หลงงมง่ายในมันระดับนึงแล้ว ไอ้เจ้านี่เชื่อในคำทำนายที่ตัวเองเห็นเกี่ยวกับหลานสาม มันจะใช้จุดนี้ไปขยี้หัวใจมัน

นอกจากนั้นมันก็มีวิธีทำให้เยว่เหว่ยไท่เชื่อว่ามันคือผู้ยิ่งใหญ่ในชะตาที่จะช่วยตระกูลเยว่ของมันอยู่แล้วคิกคิกคิก

‘เยว่เหว่ยไท่เอ็งนี่ช่างมาได้ถูกเวลานัก หากเอ็งปรากฏตัวที่อื่น บิดาคงมิสามารถแสดงตนดุจเทพเทวาให้เอ็งได้เห็นได้ หากแต่ตอนนี้ ณ ที่แห่งนี้…’

ไม่ช้าไอ้มิจฉาชีพก็เริ่มลงมือ แผนการที่มันเตรียมมาอย่างเนิ่นนานได้มาถึงแล้ว!!!

.
.
.

สองแขนของไอ้มิจฉาชีพตอนนี้กางออกราวกับเป็นพระคริส ในห้วงมิติเก่าก่อนของมัน ใบหน้าฉายอาบความเมตตาต่อสรรพสิ่งถึงขีดสุด ผู้ใดเห็นก็พบว่าผู้ชราผู้นี้ช่างดูเมตตายิ่ง

“สรรพชีวิตมากมายวันนี้ต่างตกตายเพราะด้วยภัยแห่งสงคราม จากเหล่าจิตมารผู้ชั่วช้า ข้าผู้ชราได้ทอดสายตามองเหล่าสรรพชีวิต เห็นเส้นโชคชะตาขีดเขียน แม้จะมาที่นี่ด้วยตัวเอง พร้อมยื่นมือช่วยเหลือ แต่กลับมีผู้รับเคราะห์มากมายเช่นนี้อีก…” ไม่ช้าใบหน้าของผู้ชราก็แสดงความเศร้าอันเอ่อล้น

ก่อนจะหันหน้าขึ้นสูงอีกครั้ง พร้อมชูมือขึ้นฟ้า

“ข้าย่ำฟ้าไม่พร้อมใจ… แม้ตบะแห่งตนจะเหือดแห้ง เลือดเนื้อถูกสูบสลายไป กระดูกจะบ่นเป็นเถ้าธุลี หากแต่ข้าย่ำฟ้าผู้นี้ก็หมายจะฝืนขิลิตแห่ง ‘!!!สวรรค์’ เพื่อให้เหล่าสรรพชีวิตที่ดีงามได้มีวันคืนสุขสันต์นิจนิรันดร์”

กล่าวจบหม้อหลอมฮุ่นตุ้นน้อยก็ปรากฏด้านหน้าฉินเทียน มันสะสมพลังอย่างสมบูรณ์ ปลอมเปลือกเพื่อผู้เป็นนาย

ยามปรากฏตัวก่อรูปเป็นก้อนพลังกลมเล็กมีสีทมิฬ ภายในคล้ายมีเดือนดาราดูลึกลับสุดหยั่ง มวลอำนาจแห่งมันกล้าแข็งเกินบรรยาย

โดยมันมิได้ปรากฏตัวแบบเป็นหม้อหลอมโอสถหกขา

ตอนนี้ฮุ่นตุ้นส่งเสียงจิตหาฉินเทียนไม่หยุดบอกนายท่านฮุ่นตุ้นน้อยทำดีไหม ทำดีไหม ฉินเทียนเร่งส่งเสียงจิตกล่าวชมมันไม่หยุดปากว่าเด็กดีเก่งเหลือเกิน เก่งเหลือเกิน

ฮุ่นตุ้นน้อยได้ยินเช่นนี้ก็มีความสุขนัก ยิ่งเปล่งอานุภาพแห่งมันมากกว่าที่เคยครอบคุมห้วงดาราทั้งหมดทันที

ด้วยการสะสมพลังจากซากร่างแห่งมหาเทวะปรมัตถ์มารและราชันย์สวรรค์จำนวนมากที่ถูกจัดการ อานุภาพที่ฮุ่นตุ้นน้อยสะสมจึงมากมายสุดหยั่ง และมันก็มอกพอที่จะ….

.
.
.

ในห้วงเวลาหนึ่งมหาดาราฉายอาบด้วยความมืดมิด สรรพชีวิตอันมากยิ่งร่างกายที่ตกตายไปแล้ว ก่อนรูปอย่างรวด ไม่ช้าดวงจิตก็ถูกดึงจากห้วงวัฏฏะสงสารกับคืนสู่กายเนื้อที่ก่อร่างใหม่ เสียงแม่ลูกเด็กร้อยไห้เสียงดัง พ่อแม่ลูกที่จากได้พบหน้า หญิงรักบุรุษมีใจได้พบกันอีกครั้ง

ในตระกูลใหญ่น้อยผู้นำตระกูลที่พึงได้เห็นเหล่าบริวารลูกเล็กที่สืบเชื้อสายแห่งตน ต้องตายต่อหน้าด้วยสภาพอนาท หากแต่ตอนนี้ ในที่ที่พวกเขาตกตาย หากแต่ร่างกายกับกลับคืน

ชาวมนุษย์บำเพ็ญมากมายในทั่วแดนตอนนี้ต่างสับสนนี่มันคือเรื่องอะไร

แต่ไม่ว่านี่มันจะเกิดขึ้นเพราะอะไรหรือปาฏิหาริย์แห่งสวรรค์

ปวงชนนับหมื่นล้านตอนนี้ก็ต่างโผเข้ากอดกัน มีความสุขใจอย่างมากล้น พ่อแม่ได้พร้อมหน้า

ลูกน้อยยังมีชีวิต จะมีอะไรดีกว่านี้อีก

.
.
.

มหาดารากลับคืนสู่สามัญร่างผู้ชราขาวซีดร่างสั่นเทา ร่างที่แก่ชราอยู่แล้วดูแก่ใกล้เข้าโลงกว่าเดิมอีกหลายเท่า

จูเม่าหวาตอนนี้โผเข้าประคองอาจารย์ปู่แห่งมันอย่างรีบเร่งแล้ว พร้อมน้ำตาไหลนองหน้าตะโกนร้องเรียกท่านปู่ ท่านปู่ไม่หยุดปาก

ตอนนี้เหล่าสรรพชีวิตผู้ยิ่งใหญ่ตรงหน้าคล้ายเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น ปากต่างพึมพำขยับแทบจะเหมือนๆ กันว่า

“!!!ไม่จริง เป็นไปไม่ได้เรื่องแบบนี้… / !!!นี่มันคือออำนาจอะไรกัน ทำไมถึง… / !!!ก่อร่างสร้างกายเนื้อ ดึงวิญญาณจากห้วงวัฏฏะกลับคืน นี่คืออำนาจแห่งจักรพรรดิสวรรค์งั้นรึ”

ตอนนี้อย่างว่าแต่เหล่าราชันย์สวรรค์ที่ตกใจ

แม้แต่เยว่เหว่ยไท่ก็ยังร่างสั่นสะท้าน ไม่ใช่ว่ามันทำสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ มันก็ทำได้เช่นกัน หากแต่ขอบเขตช่างจำกัดอย่างมากมาย

เช่นในหนึ่งวันดึงดวงวิญญาณจากวัฏฏะกลับมาได้ไม่เกิน 10 ดวง และในดวงจิตเหล่านี้ก็จะต้องมีจิตตานุภาพต่ำกว่ามันอีก

นอกจากนั้นการใช้มหาฤทธิ์ก่อสร้างร่างจากความว่าเปล่า แม้เยว่เหว่ยไท่มหาเทวะปรมัตถ์ห้าชั้นฟ้าจะพยายามอย่างดีที่สุด ก็มอบร่างที่ครองพลังได้เพียงเศษเสี้ยวเทวะเท่านั้น ไม่สามารถก่อร่างที่ดีกว่านี้ได้อีก

และจำนวนที่สร้างได้ ต่อให้เป็นเยว่เหว่ยไท่มันก็มั่นใจ อย่างมากที่สุดก็สร้างร่างจากความว่าเปล่าได้ไม่เกิน 1000 ร่าง แต่ถ้าเป็นร่างที่ครองพลังระดับสูงอย่างเศษเสี้ยวเทวะด้วยแล้ว 10 ร่างต่อวันก็นับว่าเก่งแล้ว หากแต่ทำจริงเกรงว่าจะไม่ถึง

ในกรณีที่ต้องใช้อิทธิฤทธิ์ดึงดวงวิญญาณกลับคืนวัฏฏะด้วย และต้องสร้างร่างใหม่ในวันเดียวกันด้วย เกรงว่าเยว่เหว่ยไท่ผู้นี้ก็ทำได้อย่างมาก 3 ถึง 4 ร่างต่อวันเท่านั้น

หากแต่ตอนนี้

.
.
.

เหล่าเทวะอัศจรรย์และราชันย์สวรรค์จำนวนมาก ต่างรับรู้ถึงดวงจิตและพลังชีวิตมากมายในมหาดาราแห่งนี้

นี่องค์จักรพรริสวรรค์คืนชีพให้ผู้คนระดับหมื่นล้านชีวิตได้รึ นอกจากนั้นไม่เพียงเหล่ามนุษย์ หากแต่พวกมันยังสัมผัสสัญญาญชีพของเหล่าแมกไม้ สัตว์อสูรต่างๆ ไม่ว่าจะเล็กใหญ่ที่ตกตาย คืนกลับมาทั้งหมด

ตอนนี้ทวยเทวะชาวบำเพ็ญทั้งหลายตกตะลึงแล้ว

พร้อมหันมองเป็นจุดเดียวกัน คล้ายกับว่าต้องการคำยืนยันอะไรบางอย่าง

ไอมิจฉาชีพเห็นเช่นนี้ก็รู้ตัวแล้วว่าตัวเองถึงจุดที่ต้องขยี้ใจผู้คน ได้เวลาเก็บเกี่ยวแล้ว

“สรรพชีวิตได้แย้มยิ้มหน้าใสกันแล้วใช่ไหม…” มันพูดพลางเอามือตบหลังมือจูเม่าหวาเบาๆ “เม่าหวาตรวจสอบให้ปู่ทีสิ สรรพชีวิตตอนนี้เป็นเช่นไร…”

ตอนนี้จูเม่าหวาน้ำตานองหน้า เห็นความเสียสละของท่านปู่ชราอีกแล้ว ตอนนี้ในใจได้แต่คิดนึก เหตุใดท่านจึงไม่รักตัวเองเลย ทำไมต้องใช้มหาฤทธิ์เพื่อผู้อื่นมากมายขนาดนี้

แม้ตัวจูเม่าหวาพึงเป็นมหาเทวะปรมัตถ์ครองอำนาจเหนือกฏเกณฑ์ มันก็รู้ดีว่าสิ่งนี้สิ้นเปลืองพลังมากมายเท่าไร ต่อให้มีสมบัติวิเศษช่วย แต่… แต่ท่านอาจารย์ปู่ต้องสูญเสียอะไรบ้างเพื่อทำสิ่งนี้

และเพราะแบบนี้มันจึงได้แต่ร่ำไห้ พูดกล่าวปากสั่น

“ท่าน… ปู่ สรรพชีวิต… เป็นสุขดีขอรับ ด้วยความเสียสละขอท่านเม่าหวา เห็นสรรพดวงจิตแห่งสรรพได้มากมาย ไม่เพียงแค่มนุษย์ หากแต่สรรพชีวิตทั้งมวลแห่งมหาดาราได้รับโอกาสจากท่านปู่แล้ว”

.
.
.

ไม่ช้าได้ยินคำนี้ไอ้มิจฉาชีพก็แอบอื้ออึง นิฮุ่นตุ้นน้อยของมันช่วยคนแบบไม่เลือกจริงๆ แถมยังช่วยไปยังหมู หมา กา ไก่ ด้วยรึ ไอ้ฉิบหาย บิดาสะสมพลังในหม้อฮุ่นตุ้นน้อย บิดาต้องเก็บเอาไว้ใช้เพื่อตัวเอง เพื่อทำสิ่งที่มีประโยชน์สิวะ ช่วยหมูหมากาไก่บิดาจะได้อะไร ตอนนี้ความขุนเคืองใจเล็กๆ ของไอ้มิจฉาชีพปรากฏ

หากแต่ไม่อาจจะแสดงออกทางสีหน้าได้ ได้แต่ส่งเสียงจิตถามฮุ่นตุ้นว่า เด็กดีพลังของเอ็งเหลือกี่ส่วน

ฮุ่นตุ้นน้อยส่งเสียงจิตสดใสตอบกับนายท่านทันที

“นายท่าน นายท่านฮุ่นตุ้นน้อยเก่ง ฮุ่นตุ้นน้อยเก่ง ช่วยได้ทุกคนเลย แต่พลังตอนนี้หมดแล้วขอรับ หากจะชุบชีวิตผู้คนอีกเกรงว่าทำไม่ได้แล้ว เพราะใช้ไปจนหมดไม่มีเหลือจริงๆ ขอรับ นายท่านฮุ่นตุ้นน้อยทำดีไหม ฮุ่นตุ้นน้อยเก่งไหม”

ตอนนี้ไอ้มิจฉาชีพนิ่งเงียบไม่รู้จะพูดอย่างไรดี ฮุ่นตุ้นน้อยทำเกินหน้าที่ไปเยอะเกินไป

และนี่มันจะหาโอกาสดูดซับร่างพวกจิตมารระดับสูงแบบนี้ได้อีกเมื่อไหร่

ตอนนี้ไอ้มิจฉาชีพเจ็บปวดใจ เพราะมันไม่อาจจะเป็นนักรบอมตะได้อีกแล้วสินะ

ในความเจ็บปวดไอ้มิจฉาชีพไม่อาจจะจมอยู่ในห้วงอารมย์นี้ได้

เพราะทอดสายตาออกไป ที่นาที่มันหวานกล้าลงไป ตอนนี้เมล็ดข้าวออกรวงสวยงามแล้ว

.
.
.

ไอ้มิจฉาชีพใช้แต้มบุญทำการขยายเสียงของมันให้เหล่าราชันย์สวรรค์และเทวะอัศจรรย์ตรงหน้าได้ยินอย่างชัดเจน

ที่มันไม่ใช้พลังของตนขยายเสียง ส่วนหนึ่งเพราะเกรงเหล่าเทวะจะจับผิดคลื่นพลังระดับต่ำของมันได้

“ในเมื่อมหาดาราสุขสงบแล้ว ผู้ชราก็เบาใจ…” กล่าวถึงตรงนี้ก็มองรอบทวยเทวะ

“แต่ในไม่ช้ามหาศึกจะมาถึง สรรพชีวิตจะต้องพจนกับเภทภัย ไม่รู้ว่าโชคดีจะเกิดขึ้นได้อีกเช่นนี้หรือไม่ แม้แต่ผู้เร้นกายเช่นเราตอนนี้ก็ถึงเวลาต้องมาออกหน้าแล้ว”

เมื่อเหล่าทวยเทวะชาวบำเพ็ญได้ยินคำว่าเร้นกายก็ต่างนึกถึงสิ่งสิ่งเดียวกัน

“!!!เทวะเร้นกาย”

ฉินเทียนตอนนี้ไม่กล่าวอะไรมากความ ไม่ช้ามันก็แงนมองจักรวาลกว้าง ไม่พูดกล่าวอะไร และก็ไม่ปฏิเสธความคิดนึกของผู้คน

“วัยเยาว์ผู้กล้าแกร่งทั้งหลาย ในที่นี่มีผู้ใดหมายทำเพื่อสรรพชีวิต พร้อมเสียสละเพื่อผู้คนบ้าง หากมีผู้มีปณิธานเช่นนี้…”

.
.
.

“!!!ก็ขอจงมาเป็นศิษย์แห่งเราผู้ชราเถอะ”

.
.
.

เมื่อผู้ชรากล่าวจบโลกหล้าก็เงียบงั้น ผู้คนทวยเทวะต่างอื้ออึง เพราะต่างคิด

นี่มันโอกาสฟ้าประทานชัดๆ

.
.
.

หากแต่ในใจผู้ชรา ผู้เป็นมิจฉาชีพในตำนานเล่าคิดเช่นไร

‘หุหุ พวกเอ็งเสร็จบิดา’