ในสถานการณ์วุ่นวายช่วงแรกที่ฉินเทียนได้ปะทะกับมารบรรพกาลนั้น ในช่วงเวลาสั้นๆ มันก็ได้ฉวยโอกาสช่วยสตรีงามเหอหลัวแล้ว โดยการใช้กระต๊อบเทาเที่ยดึงนางเข้าสู่ห้วงมิติแห่งกระต๊อบหลังน้อย
ดังนั้นเมื่อสถานการณ์กลับมาเป็นปกติแล้วฉินเทียนก็เห็นควรนำนางออกจากห้วงมิติแห่งเทาเที่ยเสียที อย่างน้อยๆ ก็ทำให้บุรุษโง่งมตรงหน้ามันได้สบายใจขึ้น
ร่างฉินเทียนกะพริบไหว จากนั้นก็ถอยห่างติงกังไปราว 5 จั้ง
“ติงกังเจ้าไม่ต้องห่วงในเวลาที่เจ้าไร้สตินั้นข้าได้ช่วยนางเอาไว้นานแล้ว”
เมื่อฉินเทียนกล่าวจบมันรียกกระต๊อบเทาเที่ยออกมา!!!ตึง เสียงแน่นทึบจากการร่วงหล่นของก้อนศิลาดังขึ้น ฝุ่นควันฟุ้งโดยรอบอย่างรวดเร็ว และเมื่อฝุ่นควันตรงหน้าติงกังเริ่มจางหาย มันก็คล้ายหน้าแดงก่ำนัก
สตรีงามเหอหลัวก็ไม่ต่างกัน นั่นเพราะตอนนี้อกตั้งเต้าคู่งามของนางที่มีรอยแดงเล็กจากการถูกปลายเล็บแห่งมารบรรพกาลจิ้มปักนั้น กำลังตั้งชูช่ออยู่ตรงหน้าติงกังอย่างไร้การปกปิด แม้สตรีเหอหลัวจะอายและปรารถนาจะปกปิดมันนางก็มิอาจจะทำได้ นั่นเพราะสองแขนสองขาของนางถูกผนึกสิ้น
“…คุณชาย” เหอหลัวพูดกล่าวน้ำเสียงเอียงอายเรือนกายสตรีนางได้เปิดเผยต่อบุรุษแล้ว ติงกังตอนนี้จ้องมองมันอย่างคนไร้สติ งงงันและสับสนเป็นที่สุด หากแต่ในไม่ช้าเมื่อได้ยินเสียงพูดกล่าวที่ดังมาจาก ด้านหลังแห่งศิลา แม้ร่างกายจะปวดร้าวนัก ติงกังก็รีบถอดเสื้อคลุมตัวนอกของมันออกอย่างรวดเร็วและดึงมันไปปกปิดซาลาเปางามแห่งสตรีเหอหลัวในทันที
“ไงหายเป็นห่วงแล้วซินะ” ฉินเทียนพูดพลางลอยตัวมาด้านหน้าอย่างช้าๆ จากนั้นก็คล้ายเห็นภาพแปลกตา ทำให้มันต้องขบคิด ‘เหตุใดผู้บำเพ็ญรุ่นเยาว์จึงช่างใจร้อนกันขนาดนี้ ถึงจะชอบพอกันขนาดไหน แต่นี่มันกลางวันแสกๆ เลยนะ เหตุใดจึงมากอดโอบกันเช่นนี้ มิใช่ว่าเจ้าควรปลดผนึกร่างนางก่อนรึ’ แน่นอนไอ้มิจฉาชีพไม่เข้าใจสิ่งที่ติงกังทำ เพราะในเวลานั้นมันเร่งรีบช่วยเหลือมิได้มาสนใจสภาพแห่งสตรีเหอหลัวแม้แต่น้อย และเพราะเช่นนั้นมันจึงไม่เข้าใจในสิ่งที่ติงกังกระทำ
ฉินเทียนร่ายฤทธาเล็กน้อยไม่ช้าก้อนศิลาก็แตกออก มันพูดกล่าวสองสามประโยคก่อนจะดึงร่างทั้งสองเข้าสู้ห้วงมิติแห่งกระต๊อบเทาเที่ย
“ติงกังเจ้าดูแลเหอหลัวศิษย์ข้าให้ดีละร่างกายของนางตอนนี้อ่อนแอไม่น้อย รับโอสถจากข้าไปและไปนั่งพักในสมบัติวิเศษแห่งข้า เดี๋ยวข้าจะพาพวกเจ้ากลับไปรวมกลุ่มกันผู้อื่น”
ไม่ช้าทั้งสองก็เข้าสู่มิติแห่งเทาเที่ย
.
.
.
ในบ้านหลังน้อย ห้วงมิติแห่งเทาเที่ย
บุรุษสตรีเขินอาย พูดกล่าวอะไรก็ไม่สะดวกปากนัก
สตรีเหอหลัวพูดกล่าวขอให้คุณชายติงหันหลังให้นางเสียสักครู่ เสื้อผ้าชุดสตรีไม่เรียบร้อยน่าละอายต่อคุณชายเหลือเกิน ไม่ช้านางก็ดึงชุดสตรีทั้งชั้นนอกชั้นในมาปรับเปลี่ยน
ติงกังนั้นแม้ไม่กล้าเหลียวมอง หากแต่ภาพจำในหัวตอนนี้ไม่ลืมแล้วว่าซาลาเปาคู่งามมีลักษณะเช่นไร แม้ไม่ต้องหันมองหากแต่จินตนาการในหัวมันช่างแจ่มชัดนัก
ใบหน้าติงกังมันแดงก่ำเขินอายเป็นที่สุด ก่อนที่จะ!!!เพี้ยะ มันเอามือตบหน้าตัวเองก่อนด่าว่าจิตชั่วร้ายแห่งมันอย่างลืมตัว
“เดรัจฉานติงกังเจ้ามันเป็นบุรุษชั่วช้า เหตุใดในหัวของเจ้าจึงมีแต่เรื่องเช่นนี้”
ด้วยการพูดกล่าวอย่างลืมตัว ไม่ช้าสตรีเหอหลัวก็หันเหลียวนางได้ยินชัดว่าคุณชายติงพูดกล่าวอะไร ไม่ช้านางก็ขบขำ
เสียงหัวเราะบางเบาของสตรีทำให้ติงกังได้สติ มันหน้าแดงก่ำกว่าเดิมยิ่งไปอีก ไม่ช้าก็พูดกล่าวคำคำหนึ่งออกมาอย่างโง่งม
.
.
.
“แม่นางเหอข้าขอโทษ”
.
.
.
บุพเพสันนิวาสก็คงเป็นเช่นนี้ ไม่รู้ก่อน ไม่รู้หลัง แม้ไม่คาดฝัน หากแต่เมื่อถึงเวลาทุกอย่างช่างเรียบง่าย มันเป็นของมันไปอย่างงั้น อย่างงั้น
หนึ่งบุรุษหนึ่งสตรี หันหลังไม่มองกัน ไม่ได้พูดกล่าวอะไรมากความ ครู่ต่อมาหลังของทั้งสองก็นั่งเขยิบมาชนกัน
ไม่รู้ว่าวางมือไม้อีท่าไหน ปลายมือและเรียวนิ้วของทั้งสองก็บังเอิญต้องสัมผัสกัน
จากแตะชิดเพียงครู่ อยู่ๆ ก็กลายเป็นเกาะกุมแน่นนัก
.
.
.
ในห้วงมิติที่สาม สมบัติสวรรค์ที่มีจิตวิญญาณแห่งมหาเทวะหมื่นภพ มันสับสนเหตุใดบุรุษวัยเยาว์ผู้นั้นจึงสามารถเอาชนะดวงวิญญาณแห่งมารบรรพกาลได้ สิ่งนี้คืออะไร ยิ่งมันคิด มันก็ยิ่งไม่อาจจะค้นพบคำตอบใดๆ ได้
“วัยเยาว์ผู้นี้ มันช่างเป็นบุรุษที่พิเศษเหนือผู้ใดจริงๆ”
.
.
.
จัดการเรื่องวุ่นวายเสร็จ ฉินเทียนก็พาติงกังและสตรีเหอหลัวกลับมาถึงกลุ่มผู้บำเพ็ญวัยเยาว์ ไม่น่าเชื่อหลังหมอกแดงจางหายไป เหล่าปีศาจร้ายภายในห้วงมิติที่สองคล้ายถูกทำลายเป็นจำนวนมาก ทำให้ตอนนี้ผู้บำเพ็ญทั้งหลายบางส่วน ก็ออกไปค้นหาสมบัติแห่งอารยธรรมต่อ บางส่วนก็ไม่สนใจอะไรขอพักผ่อนให้สบายรอวันเวลาออกจากห้วงมิตินี้ดีกว่า ต้องให้พูดกล่าว ช่วงหลายวันมานี้อกสั่นขวัญแขวนเหลือเกิน ยิ่งได้เห็นภาพการสัประยุทธ์ของคุณชายฉิน แต่ละคนก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้แม้เพียงเสี้ยวเล็กๆ ของคุณชายเลย ดังนั้นจึงมีผู้บำเพ็ญวัยเยาว์จำนวนมากสนใจคำพูดของจูอิ่งห้าวนัก
แต่ละคนตอนนี้คล้ายอยากฝากตัวเป็นศิษย์แห่งมหาบรรพจารย์ย่ำฟ้าบ้างเช่นกัน แม้ไม่กล้าคาดหวังว่าจะเก่งกล้าเหมือนอย่างคุณชายฉิน หากแต่ถ้าได้ 1 ส่วน 100 หรือ 1 ส่วน 1,000 ของคุณชายก็ดูท่าจะไม่เลวเหมือนกัน
พักผ่อนกันหนึ่งวัน เหล่าผู้บำเพ็ญรุ่นเยาว์ตอนนี้คล้ายเป็นคณะเดินทางคณะใหญ่โดยมีฉินเทียนเป็นผู้นำ ออกเดินทางอยู่หลายวัน ในที่สุดก็มาถึงสุดปลายแห่งห้วงมิติที่สอง
สุดปลายแห่งห้วงมิตินี้น้ำตกสูงร้อยลี้ ผู้ที่จะเข้าสู่ห้วงมิติที่สามจำต้องปีนป่ายมันขึ้นไป
หากแต่ถ้าคิดว่าจะผ่านมันไปง่ายๆ ก็คิดผิด เพราะ ณ น้ำตกร้อยลี้นี้นอกจากกระแสน้ำจะเชี่ยวกราก มันยังมีอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ ทำให้ผู้บำเพ็ญวัยเยาว์ทั้งหลายมิอาจจะใช้ฤทธาหรือตบะบำเพ็ญใดใดได้ มีแต่ต้องปีนป่ายด้วยตัวเอง และใช้หัวใจที่กล้าแข็งในการพิชิตสายน้ำนี้
ฉินเทียนตอนนี้มองจ้องเจ้าสองตัวน้อย
มันถามว่าทั้งสองสนใจที่จะไปห้วงมิติที่สามหรือไม่ เจ้าตัวน้อยฉินผิงและฉินจวิ้นเจี๋ยก็รีบพยักหน้าทันที ฉินเทียนยิ้มให้ทั้งสองอย่างบางเบา
หากแต่ในใจมันแตกร้าวและเป็นห่วงเล็กๆ
‘ฉินผิงเจ้าตัวน้อยของบิดา ปีนน้ำตกร้อยลี้เช่นนี้ มือสตรีเช่นเจ้าจะรับไหวรึ เหตุใดบิดาต้องมาเห็นเจ้าปีนป่ายทำสิ่งที่ยากลำบากเช่นนี้ด้วย เจ้าควรเป็นสตรีตัวน้อยเรียนเย็บผ้าทำอาหารอยู่บ้านมากกว่า การบำเพ็ญควรเป็นเพียงงานอดิเรกเท่านั้น หากแต่ในฐานะบิดาข้าควรปล่อยนาง หรือจะห้ามนางดีไหมนะ’
ฉินเทียนใจร้าว เนี่ยแหละหัวใจของผู้เป็นบิดา แม้บุตรธิดาจะเป็นนางบำเพ็ญมีฤทธาแล้ว หากแต่ความห่วงใยของบิดาก็มาล้น ไม่อยากให้นางต้องพบเจอสิ่งใดลำบากในชีวิตแม้แต่น้อย
หากมีบุตรเป็นบุรุษเพศนับว่าปล่อยวางเรื่องเช่นนี้ได้ง่ายกว่า
ฉินเทียนตอนนี้หันมองไปที่ด้านบน ไม่ช้าก็พบว่ามีผู้บำเพ็ญกลุ่มหนึ่งอยู่ด้านบนนั้นแล้ว
คนกลุ่มนี้มิใช่ใครหากแต่เป็นกัวลี่ลี่บุตรธิดาแห่งปราชญ์อสูร และเส้าเฉินผู้เป็นทายาทแห่งปราชญ์วิญญาณ ทั้งสองช่างมีความอดทนปีนป่ายไปได้ไกลกว่าผู้ใดนัก
ไม่ช้ามองสำรวจไปอีก ก็พบว่าคนติดตามของทั้งสอง ตอนนี้ต่างหยุดพักและนั่งหย่อนใจอยู่จุดหนึ่งแห่งกระแสน้ำ บางส่วนเมื่อพยายามปีนต่อ ไม่ช้าก็ตกลงมา
มีเพียงแค่กัวลี่ลี่และเส้าเฉินเท่านั้นที่ปีนป่ายสูงขึ้นสูงขึ้นได้อย่างไม่เหน็ดเหนื่อยและย่อท้อ
มองจ้องอยู่ครู่ไม่ช้าฉินผิงก็จับมือจูงแขนของฉินเทียน
“พี่ใหญ่ฉินเจ้าคะพวกเราก็รีบปีนขึ้นไปบ้างกันเถอะเจ้าคะ ฉินผิงอยากเห็นแล้วว่าห้วงมิติสุดท้ายนั้นเป็นเช่นไร จะเป็นดังเช่นที่ท่านลุงราชันย์ติงฉีเล่อพูดรึเปล่าว่ามันสวยงามราวกับสวรรค์ ฉินผิงอยากเห็นนักว่าจะสวยเหมือนบ้านของฉินผิงรึเปล่า”
ฉินเทียนขำขันความคิดเจ้าตัวน้อย สุดท้ายก็ก้าวเดินไปกับนางพร้อมเจ้าบุตรล่ำบึ้ก
เมื่อเข้าสู่บึงน้ำสิ่งแรกที่ฉินเทียนรู้สึกได้ก็คือฤทธาได้หายไปสิ้นแล้ว ด้วยความที่ฉินเทียนเคยครองอำนาจแห่งราชันย์สวรรค์ ทำให้มันรับรู้ได้ทันทีว่านี่คืออำนาจที่อยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์ มันคืออำนาจแห่งขอบเขตจ้าวสวรรค์จริงๆ ห้วงมิตินี้มิใช่สามัญ หากแต่ถูกสร้างโดยผู้อยู่ในขอบเขตที่เหนือกว่าราชันย์สวรรค์อย่างแน่นอน
อำนาจกฏที่มิอาจจะฝ่าฝืนเช่นนี้… ‘มหาเทวะปรมัตถ์สินะ’ ฉินเทียนคิดกล่าวในใจ ตอนนี้มันพอรับรู้ถึงอำนาจแห่งสมบัติวิเศษที่มีดวงจิตแห่งมหาเทวะหมื่นภพสถิตอยู่ได้แล้ว มหาเทวะผู้นี้แต่ก่อนคือผู้ถือครองอำนาจแห่งมหาเทวะปรมัตถ์จริงๆ ด้วย
ไม่ช้าฉินเทียนก็เริ่มปีนป่าย
และมันก็หัวเราะขบขันในทันที
“ผิงน้อยเจ้ามิได้บอกพี่ใหญ่ฉินรึว่าเจ้าจะรีบปีนป่ายขึ้นไปเพื่อชมความงามของห้วงมิติที่สาม เหตุใดจึงมาปีนคอพี่ใหญ่ฉินผู้นี้แทนที่จะไปปีนป่ายน้ำตกเพื่อฝึกตนเล่า”
ฉินผิงเจ้าตัวน้อยนางหัวเราะใบหน้าสดใสทันที
“พี่ใหญ่ฉินท่านอาจารย์หลี่เจียอี้ท่านได้สอนผิงน้อยว่าสตรีงามต้องรู้จักใช้มารยาทำเสน่หาหลอกใช้บุรุษ ผิงน้อยน่ารักจนต้องทำให้พี่ใหญ่ฉินต้องลำบากแล้วจริงๆ คิกคิก พี่ใหญ่ฉินไปเลยเจ้าคะ ปีนขึ้นไปเลย ผิงน้อยจะเกาะคอท่านขึ้นไปอย่างนี้และเจ้าคะ คิกคิก” กล่าวจบเจ้าตัวน้อยของฉินเทียนก็เกาะกอดคอของฉินเทียนแน่นนัก
คำพูดกล่าวก็อย่างหนึ่ง จิตใจของเด็กน้อยก็อย่างหนึ่ง เพราะเวลาอยู่ใกล้พี่ใหญ่ฉิน เจ้าตัวน้อยฉินผิงรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขเหลือเกิน เช่นนั้น นางจึงขอกอดพี่ใหญ่ฉินแทนบิดาไปพลางๆ ก่อน
สำหรับนางแล้วน้ำตกร้อยลี้ช่างสามัญ ยามนางฝึกฝนกับท่านอาจารย์เพื่อความภูมิใจของบิดา นางได้ผ่านสิ่งที่ยากกว่านี้มาแล้ว แน่นอนฉินเทียนไม่เคยรู้ว่ายามเจ้าตัวน้อยฝึกฝนกับหลี่เจียอี้นั้นโหดร้ายเพียงใด
และถ้าหากมันรู้มันอาจจะไม่มีทางให้หลี่เจียอี้เป็นอาจารย์ฝึกฝนเจ้าตัวน้อยอีกเลย
หากแต่ช่วยไม่ได้มันเป็นคนมีภาระมากนักมิอาจจะอยู่เลี้ยงดูเหล่าบุตรได้ตามใจปรารถนา
ฉินเทียนปีนธารน้ำตก มันรักษาความเร็วให้เท่าๆ กับเจ้าบุตรล่ำบึ้ก จ้องมองความแข็งแกร่งของบุตรคนนี้ ในใจก็ภูมิใจนัก มันช่างกล้าแกร่งสมชาย
ตอนนี้ในใจไอ้มิจฉาชีพขบคิด
.
.
.
‘เจ้าบุตรล่ำบึ้กของบิดา ในอนาคตบิดาคงต้องฝากฝั่งเอ็งแล้ว บิดามีบุตรธิดาตั้ง 3 คนแล้วตอนนี้ บางครั้งในอนาคตบิดาอาจจะไม่อาจออกหน้าจัดการเหล่าบุรุษเพศที่มาเกาะแกะเหล่าน้องสาวของเอ็งได้ ดังนั้นจวิ้นเจี๋ยบุตรรักของบิดาเอ็งต้องเล่นกล้ามให้ใหญ่ๆ ไว้หนวดไว้เคลาให้หน้าตาดูดุดันโหดร้ายยิ่งกว่านี้ ในอนาคตบิดาอาจจะต้องพึงเอ็งในการทำงานสกปรกเพื่อปกป้องเหล่าน้องสาว เอ็งเข้าใจความรู้สึกนี้ของบิดาใช่ไหมจวิ้นเจี๋ย’
ไม่ช้าฉินจวิ้นเจี๋ยก็คล้ายรู้สึกว่ามีผู้กำลังมองจ้องมัน มันหันเหลียวก็พบว่าเป็นพี่ใหญ่ฉินนั่นเอง
ฉินจวิ้นเจี๋ยยิ้มก่อนจะรีบปีนต่อ มันอยากแสดงให้พี่ใหญ่ฉินเห็นเหลือเกินว่ามันแข็งแกร่งเพียงใด
‘พี่ใหญ่ฉินคงกำลังดูข้าอยู่สินะว่าได้พยายามเต็มที่แล้วรึยัง ไม่ได้การละข้าต้องแสดงให้พี่ใหญ่ฉินเห็นว่าข้าก็แข็งแกร่งเหมือนกัน’
ไม่ช้าหนึ่งบุรุษร่างยักษ์ก็ปีนป่ายสายน้ำว่องไวนัก ทำเอาผู้อยู่ด้านล่างอื้ออึงกันเป็นแถว
“นินิ บุรุษผู้นั้นใครกันเหตุใดจึงปีนสายน้ำได้ว่องไวเป็นลิงขนาดนี้”
“สหายเจ้านิไม่ได้ยินเรื่องเล่าจากพี่ใหญ่จูอิ่งห้าวรึ บุรุษผู้นั้นเป็นหนึ่งในสามวัยเยาว์ศิษย์แห่งมหาบรรพจารย์ย่ำฟ้าผู้ยิ่งใหญ่ เป็นศิษย์น้องแห่งคุณชายฉินที่ปะทะกับผู้เหนือโลกได้ พวกเราไปเทียบกับเขาไม่ได้หรอก”
ได้ยินเช่นนี้เหล่าผู้บำเพ็ญก็ถอนใจ
.
.
.
ใต้ธารน้ำตก ตอนนี้มี 5 สตรีงามที่ปีนป่ายสายน้ำเร็วกว่าผู้ใด
ถังชุนองค์หญิงแห่งจักรพรรดิถังเฟยคือผู้นำ มือไม้นางปีนป่ายใบหน้ามีรอยยิ้มแฝงอยู่ตลอด นางจดจ้องด้านหลังหนึ่งบุรุษ ไม่รู้ทำไมเพียงแค่ได้มองดูแผ่นหลังกำลังใจปีนป่ายก็มากล้น
ตอนนี้หัวใจขององค์หญิงถังชุนเป็นสีชมพูอีกแล้ว
“❤❤❤ ท่านอาจารย์ถังชุนมาหาท่านแล้วเจ้าคะ ❤❤❤”
และด้านล่างนางนอกจากสี่สตรีงามแล้วตอนนี้ไม่รู้ทำไม มีนางบำเพ็ญอีกนับร้อยที่มีอาการไม่ต่างกัน หากแต่ถ้าสังเกตดีๆ ยามปีนป่ายปากของพวกนางต่างพึมพำประโยคซ้ำๆ ประโยคหนึ่งไม่หยุด และเพราะคำพูดกล่าวนี้จึงทำให้พวกนางมีกำลังใจอันล้นเอ่อ เหนือเหล่าบุรุษบำเพ็ญนับพันด้านล่าง
.
.
.
“❤❤❤ สามีของข้า ท่านต้องเป็นสามีของข้า คิกคิก ❤❤❤” นางบำเพ็ญผู้หนึ่งพูดกล่าว พร้อมสองมือกำโขดหิน ปีนป่ายกระแสน้ำอย่างรวดเร็ว
.
.
.
ตอนนี้กลุ่มบุรุษบำเพ็ญด้านล่างต่างอื้ออึง บางคนก็เป็นศิษย์ร่วมสำนักกับเหล่าสตรีด้วย รู้จักพวกนางดีนัก ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นพวกนางกล้าแกร่งและทุ่มเทถึงขนาดนี้
หากแต่วันนี้พวกนางเป็นอะไรกันนะ ถึงได้บ้าคลั่งและทุ่มเทกันถึงขนาดนี้เหล่าบุรุษบำเพ็ญผู้เป็นพี่น้อง สหายหรือแม้แต่บุรุษดูใจต่างขบคิดอย่างงงงัน