“ไอ้เด็กน้อยตื่นได้แล้ว” เสียงเคอซวนดัง พร้อมใช้คฑาไม้เขกใส่หัวของเซี่ยซีหาน
ป๊อก ป๊อก
“ง่าาา กำลังหลับสบายเลย ขอนอนต่ออีกนิดได้ไหม” เสียงของเซี่ยซีหานงัวเงียมาก
“นอนต่อ นอนต่ออะไรไอ้เด็กบัดซบ เจ้านอนมาสามวันสามคืนแล้ว” ครั้งนี้เคอซวนไม่พูดเปล่า มือข้างหนึ่งของเคอซวนปรากฏวงเวทย์ มวลน้ำกลั่นตัวรอบร่างของเซี่ยซีหาน ก่อนมันจะกลืนร่างเขาทั้งหมดลอยขึ้น
“งำงำ !ข้า !ข้ากำลังจมน้ำ ช่วยด้วย ข้ากำลังจมน้ำ” เสียงของเซี่ยซีหานดังน่าสมเพช เขาดิ้นทุรนทุรายมากเหมือนคนจมน้ำจริงๆ แต่ปัญหาคือตัวเขาเป็นทั้งผู้วิเศษและผู้ฝึกปราณระดับสูง เขาจะมาตายด้วยพลังเวทย์ธาตุน้ำอันแสนธรรมดาของเคอซวนได้อย่างไร
อยู่ๆ เซี่ยซีหานคล้ายได้สติ ก่อนเขาจะหันมองเคอซวน พลางเอามือเกาหัว เขาระลึกได้แล้วว่า เขาจะไม่ตายด้วยน้ำโง่ๆ แบบนี้ แม้เขาจะแช่อยู่เป็นชั่วโมงโดยไม่ใช้พลังวิเศษช่วยก็ตาม
แต่นี่คือปฏิกิริยาของนิสัยเดิมแท้ของเซี่ยซีหาน ความขี้ขลาด
ร่างเซี่ยซีหานม้วนตัวในมวลน้ำ ก่อนเขาจะโบกมือ ดึงมวลน้ำทั้งหมดออกไปทางหน้าต่างกระโจม เขารีบนั่งที่ขอบเตียงด้วยใบหน้าเก๊กหล่อ
“ท่านผู้อาวุโส ผู้วิเศษผู้ยิ่งใหญ่เคอซวน ท่านมาหาข้ามีเรื่องอะไรหรือขอรับ” เซี่ยซีหานไม่ลืมชื่นชมเคอซวน
พอได้ยินคำดีๆ เคอซวนใบหน้าก็พอมีรอยยิ้มได้บ้าง
เขานั่งลง
“จากการที่ข้าช่วยเจ้าเรื่อง ‘ชาวใต้สมุทร’ นั้น ทำให้ข้าเสียเวลาไปมาก ข้าได้ไปที่ ‘เกาะปราการสีขาว’ …”
***เกาะปราการสีขาว คือชื่อใหม่ของ ‘เกาะแห่งหายนะ’ เกาะที่เคอซวนและถางเทียนเจี๋ยไปสำรวจ โดยเกาะนี้ถูกเปลี่ยนชื่อเรียกเป็นเกาะปราการสีขาวหลังจากที่ทุกคนประชุมกัน ทุกคนตัดสินใจแล้วว่าจะไปตั้งรกรากใหม่ที่นั่น พวกเขาจึงมอบชื่อใหม่ให้มัน
“ข้าได้ทำการทดลองที่ใต้ผืนน้ำและข้าก็พบว่า ลึกลงไปใต้มหาสมุทรรัศมีรอบเกาะห้ากิโลเมตร จะมีดวงวิญญาณอาฆาตปรากฏไม่ต่างกับด้านบนของเกาะ และดวงวิญญาณอาฆาตนั้นก็มีพฤติกรรมการฆ่า ‘ชาวสมุทร’ ไม่ต่างจากมนุษย์เรา คนที่มือเปื้อนเลือดจะไม่ได้รับการละเว้นจากดวงวิญญาณอาฆาต ส่วนคนที่ยังไม่เคยมือเปื้อนเลือด พวกเขาไม่ถูกดวงวิญญาณอาฆาตทำร้าย ซึ่งนี่แสดงว่าหากเจ้าต้องการให้พี่น้องชาวสมุทรของเจ้าตั้งรกรากรอบเกาะของพวกเรา มันก็พอเป็นไปได้ เพียงแต่พวกเขาต้องรู้จักระมัดระวัง และข้าจะต้องไปตั้งวงเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ให้กับพวกเขา แต่เซี่ยซีหาน…” น้ำเสียงช่วงท้ายเคอซวนดูเน้นย้ำอะไรบางอย่าง
“ข้าต้องพูดกับเจ้าตรงๆ เจ้าไม่สามารถพูดความลับทั้งหมดที่พวกเรารู้ให้กับคนพวกนั้นรู้ได้ แม้ในอนาคตมันจะไม่ใช่ความลับ หรือถูกล่วงรู้ แต่การที่เกาะแห่งนั้นมีดวงวิญญาณอาฆาต มันเป็นทั้งโอกาสและหายนะซ่อนเร้นที่พวกเราต้องระวัง เมื่อไปถึงที่นั่นพวกเรายังต้องหาต้นต่อของมันอีกครั้ง แต่ตอนนี้พวกเราสามารถใช้ดวงวิญญาณอาฆาตเหล่านี้เป็นเกาะป้องกันพวกเราได้ในบางโอกาส”
“เจ้าเด็กตัวแสบเจ้าเข้าใจที่ข้าพูดใช่ไหม”
เซี่ยซีหานหรี่ตาคล้ายคิดอะไรครู่สั้น ก่อนเขาจะพยักหน้า
เซี่ยซีหานรู้ว่าเคอซวนคิดอะไร จากที่เคอซวนและพี่ชายถางเทียนเจี๋ยเคยเล่าเรื่องเกาะแห่งนี้ให้เซี่ยซีหานฟัง ทำให้เซี่ยซีหานรับรู้ว่าดวงวิญญาณอาฆาต ณ เกาะแห่งนี้แข็งแกร่งมาก และมันอาจจะสามารถฆ่าได้แม้แต่ ปราชญ์ หรือ ปรมาจารย์ยุทธ์ ซึ่งนั่น หมายความว่า หากพวกเขาไปตั้งรกรากที่นั่น พวกเขาอาจจะใช้ประโยชน์จากดวงวิญญาณอาฆาตเหล่านี้ เป็นเกาะป้องกันหรืออาวุธลับทางธรรมชาติในการเล่นงานศัตรูที่ไม่รู้ได้
แต่ปัญหาตอนนี้ก็คือ หากมีคนรู้ความลับและวิธีการป้องกันของเกาะแห่งนี้มากเกินไป มันอาจจะไม่ใช่อาวุธลับสำหรับพวกเราอีกต่อไป
“ข้าจะให้พวกเขาสาบาน ว่าพวกเขาจะไม่พูดเรื่องนี้ออกไป”
“ก็ดี” เคอซวนพยักหน้าพอใจ
เซี่ยซีหานเห็นแบบนี้เขาก็ยิ้ม ก่อนจะถามเคอซวนว่า มีเรื่องสำคัญอะไรที่เขาต้องรู้อีกไหม
เคอซวนบอกกับเซี่ยซีหานว่า พ่อเจียตัวของเขาจะออกเดินทางในสามวันข้างหน้า เซี่ยซีหานตกใจ แต่นั่นก็เพียงครู่เดียว จากนั้นใบหน้าของเซี่ยซีหานมีเพียงรอยยิ้มจางๆ
เคอซวนสังเกตสีหน้าของเซี่ยซีหาน และเคอซวนพอใจ เขารับรู้ว่าเซี่ยซีหานโตพอที่จะตัดสินใจเรื่องสำคัญได้แล้ว เขาไม่ใช่เด็กที่จะมาร้องไห้ฟูมฟายเมื่อรู้ว่าพ่อของตัวเองจะต้องจากเขาไปนาน
“จากนี้เจ้าจะทำอะไร” เคอซวนถามเซี่ยซีหาน
เซี่ยซีหานตอนนี้บิดตัว ในหัวของเขาคิดเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นาน มันมีสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเขามากมาย และเขารู้ว่าตัวเขาอ่อนแอมากเกินไป และเมื่อเขาเห็นบิดาของตัวเองแข็งแกร่งและรับรู้ว่า ลึกๆ เจียตัวพ่อของเขานั้นก็มีความลับอะไรบางอย่างกับตัวเขา
ซึ่งเซี่ยซีหานรู้ดีว่าเจียตัวมีนิสัยเช่นไร
เขาจะไม่มีความลับกับเซี่ยซีหานเด็ดขาด หาก ‘ปัญหา’ ของเขาสามารถแก้ไขได้ด้วยพลังและหมัดของตัวเขา
แต่อะไรที่ทำให้เจียตัวไม่สามารถเล่าเรื่องของตัวเองให้เซี่ยซีหานฟังได้
เซี่ยซีหานรับรู้ว่าปัญหาของเจียตัวนั้นใหญ่มาก มันใหญ่จนตัวตนของปรมาจารย์ยุทธ์ขั้นสูงสุดที่ใกล้จะเป็นเทวทูตไม่สามารถแก้ไขได้?
ดังนั้นสิ่งที่เซี่ยซีหานต้องทำเพื่อพ่อของเขาคือ
“ข้าจะต้องแข็งแกร่งมากกว่านี้”
พูดจบเซี่ยซีหานรีบบิดกาย ก่อนจะรีบแต่งตัว และเขาพูดว่าข้าจะไปหาลูกจ๋า และหญิงงามที่จะมาเป็นภรรยาสาวของเขา
พอเซี่ยซีหานพูดถึงหญิงงามที่จะมาเป็นภรรยาสาว สายตาของเคอซวนที่มองเซี่ยซีหานดูเหมือนจะถมถุยน้ำลายใส่หน้าเซี่ยซีหาน
เรื่องราวการจีบสาวที่น่าสมเพชของเซี่ยซีหานเป็นที่เลื่องลือในค่ายอพยพแห่งนี้จนเกินไป
ก่อนจากเคอซวนพูดกับเซี่ยซีหานว่า เขาจะออกเดินทางกับถางเทียนเจี๋ยเพื่อนำคนไปสร้างที่พักอาศัย ณ เกาะปราการสีขาว ซึ่งน่าจะใช้เวลาราวสามเดือนเป็นอย่างน้อย และจากนั้นทุกคนคงจะได้อพยพครั้งใหญ่ ซึ่งในนั้นรวมถึงชาวสมุทรด้วย
พอพูดถึงตรงนี้ช่วงท้าย เคอซวนเน้นย้ำว่า ค่าใช้จ่ายทั้งหมดเจ้าต้องเป็นคนจ่าย ไอ้เด็กเปรตเซี่ยซีหาน
พอพูดถึงค่าใช้จ่ายเซี่ยซีหานเริ่มหน้าเศร้า การสร้างเมืองด้วยผู้วิเศษระดับสูงไม่ใช่ถูกๆ เลย แต่ก็ช่วยไม่ได้ หากไม่ใช่ผู้วิเศษมาช่วยสร้าง การสร้างเมืองใหม่ก็จะกินเวลานาน อาจจะนับปี หรือสิบปีเลยก็ได้ สำหรับบ้านและที่พักของคนนับหมื่น
เซี่ยซีหานกัดฟัน ก่อนจะพูด ‘ตกลง’ เสียงดัง
เคอซวนหัวเราะเมื่อเห็นใบหน้าเศร้าของเซี่ยซีหาน
“เวรล่ะ ตอนนี้ข้าไม่มีเวลามาเที่ยวเล่นแล้ว ข้าต้องรีบหาเงิน หาเงินและหาเงิน” เซี่ยซีหานดูยากจนทันที เมื่อเคอซวนพูดถึงจำนวนเงินที่ต้องใช้ถึง 200 ล้านบูลนี่ มันมากกว่าที่เซี่ยซีหานคิดมากเกินไป ข้อดีอย่างเดียวคือ มันจะถูกค่อยๆ จ่ายในเวลาหลายปี
ซึ่งที่มันมากถึงขนาดนี้ทั้งหมดเกิดจาก ‘วงเวทย์บรรพกาล’ ที่จะถูกสร้างเพื่อป้องกันเมืองรอบเกาะ
โดยวงเวทย์นี้ นอกจากข้อดีในการป้องกันดวงวิญญาณอาฆาตแล้ว อีกจุดที่ทำให้เคอซวนเร่งที่จะสร้างมันก็คือ มันสามารถดึงพลังธรรมชาติและพลังวิญญาณจำนวนมาก มารวมไว้ในที่เดียวกัน ซึ่งมันจะเป็นประโยชน์อย่างมาก สำหรับผู้ฝึกปราณและผู้วิเศษ
เคอซวนต้องการมันเพื่อใช้ฝึกฝนพลังวิเศษของตัวเอง นี่แหละเหตุผลสำคัญที่สุดที่เขาต้องการมัน
นอกจากนั้นเขายังมีความสุขมากที่ได้รู้ว่าคนจ่ายเงินคือเซี่ยซีหาน
…
ค่ำคืน ณ ค่ายอพยพ ค่ำคืนนี้ ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ดนตรี และความสนุกสนาน เซี่ยซีหานนั่งหน้ากองไฟ เขาย่างเนื้อและกินมันแข่งกับพ่อของเขา
…
แต่มาถึงช่วงเช้าตรู่ดวงอาทิตย์ยังไม่ทันขึ้นสูง เคอซวนและถางเทียนเจี๋ยนำคนล่องเรือออกไปที่เกาะปราการสีขาว พวกเขาเร่งที่จะไปสร้างเมืองที่นั่น หลังจากปัญหาต่างคลี่คลาย โดยพวกเขาไม่รอที่จะได้ส่งเจียตัวจากไป
…
ฟึบ ฟึบ ฟึบ
กงไฉผู้วิเศษอาภรณ์ทองคำขี่มังกรบินกลับมายังปราสาทของเขา ซึ่งค่ายพักของเซี่ยซีหานตั้งอยู่ไม่ไกล
เมื่อเขามาถึงเขาสัมผัสถึงบางสิ่งที่ดูแปลกประหลาด หากมองผ่านๆ เขาจะไม่สามารถสังเกตหรือมองเห็นได้ แต่กงไฉคือผู้วิเศษที่แข็งแกร่ง และเขาก้าวมาถึงจุดนี้ได้ด้วยพรสวรรค์และความรอบคอบของตัวเอง เขามองเห็นบางอย่างที่ผิดปกติได้ในทันที
“การไหวตัวของผืนน้ำมีระลอกคลื่นที่ดูประหลาด นอกจากนั้นที่ตรงจุดนั้น ข้าได้ทำการมอบพื้นที่ให้ครอบครัวของถางเทียนเจี๋ยไปนิ แต่ทำไมมันถึง… กลายเป็นป่าทึบได้”
คิดแบบนี้กงไฉผู้วิเศษอาภรณ์ทองคำ พลิกมือ เมื่อวงเวทย์ปรากฏ อสูรตัวเล็กสี่ขาที่ด้านหลังมีปีกก็บินออกจากวงเวทย์หลายสิบตัว
พวกมันแยกย้ายกันบินเรียดต่ำ บางส่วนพุ่งไปสำรวจผืนน้ำ บางส่วนพุ่งตัวบินไปสำรวจผืนป่า
และเมื่อมันบินไปถึงจุดๆ หนึ่ง ร่างมันก็หายไปทันที
แต่ด้วยความเชื่อมโยงด้านวิญญาณ จากพลังวิเศษของตัวเอง กงไฉผู้วิเศษอาภรณ์ทองคำรู้ว่าพวกมันไม่ได้ตาย
“การปิดซ่อนพื้นที่งั้นรึ…”