Skip to main content
ตำนานผู้วิเศษ

[MageLegend] ตอน 7 : ระบบทำงาน

By 23/02/2023มีนาคม 8th, 2023No Comments

 

“นายช่างเจีย” เสียงผู้หญิงแว่วดังมาแต่ไกล

นายช่างใหญ่เจียตัวใหญ่แต่หน้าแดงเขินอาย ส่วนเซี่ยซีหานได้แต่ยิ้มเยาะในใจ นายช่างเจียตัวช่างไร้ประสบการณ์เรื่องผู้หญิง แต่พอคิดดูดีๆ ตัวเองก็เหมือนกัน

ตรงหน้าเซี่ยซีหานคือหญิงสาววัยผลิบานโดยแท้ นางอายุ 22 ชื่อ ‘หวาเหวิน’ นางเป็นผู้หญิงพูดน้อย กิริยาดีและมีความรู้ สิ่งที่โดดเด่นของนางไม่ใช่หน้าตา แต่เป็นรูปร่างที่ได้สัดส่วนและความรู้ การที่นางดูไม่ได้สวยเหมือนคนอื่นๆ นั้น ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะนางไม่รู้จักแต่ตัวและการแต่งหน้า

นางเป็นโสเภณีคนหนึ่ง แต่การเป็นโสเภณีของนางต่างกับผู้หญิงคนอื่นๆ ในป้อมปราการแห่งนี้ ที่ต้องการแค่เงินเพื่อหาเลี้ยงตัวเอง

แต่หวาเหวินนางต้องหาเลี้ยงครอบครัว นางมาเป็นโสเภณีเพราะภาษีส่วยอันโหดร้าย พ่อของนางตาย แม่ของนางไม่อาจจะหาเงินได้มากพอสำหรับจ่ายส่วยภาษีน้องๆ ของนางอีกสองคน ให้เพียงพอที่จะได้อยู่ในหมู่บ้าน หวาเหวินจึงต้องมาเป็นโสเภณีในช่วงท้ายปี เป้าหมายเพื่อหาเงินให้น้องๆ มีเงินจ่ายส่วยภาษีของอาณาจักร

การถูกไล่ไปอยู่นอกเมืองโหดร้ายเกินไปสำหรับคนธรรมดาในดินแดนแห่งนี้

เจียตัวชอบนาง สำหรับเซี่ยซีหานเจียตัวเป็นผู้ชายอ้วนโง่คนหนึ่ง มันซื้อตัวนางมาทุกคืน เพื่อให้นางมารินเหล้า ทำอาหาร ทำความสะอาดบ้านและจากไป

เจียตัวไม่ได้อึ๊บนาง

“นายช่างเจีย ซีหานขอตัวไปศึกษารูนก่อนนะขอรับ”

‘ไอ้เด็กนี่ช่างรู้ความ’ เจียตัวคิดก่อนยิ้ม มันไม่จำเป็นต้องไล่เด็ก แต่เด็กรู้งานดีจริงๆ

เสียงหวาเหวินดัง เรียกซีหาน ทำซีหานต้องหยุดหัน นางเดินมาหามันและนำขนมแข็ง ขนมพื้นมือของดินแดนนี้ยัดใส่มือมัน หวาเหวินเป็นผู้หญิงที่ใจดี

“กินให้อร่อย” หวาเหวินยิ้ม

สำหรับเซี่ยซีหานลึกๆ มันสงสารชะตาของหวาเหวิน บางครั้งนายช่างเจียตัวต้องหลอมยุทธภัณฑ์กลางดึก มันจึงมีโอกาสนั่งคุยกับนาง อาจจะเพราะเซี่ยซีหานยังเด็ก นางจึงรู้สึกปลอดภัย และการคุยกับเซี่ยซีหานทำให้นางรู้สึกเหมือนอยู่กับครอบครัว ในป้อมปราการยุทธภัณฑ์ขาวแห่งนี้ เซี่ยซีหานนั่งฟังเรื่องราวของนางบ่อยครั้ง ความสนิทจึงเพิ่มขึ้นกับนางไม่รู้ตัว

หวาเหวินนางจะอยู่ที่นี่เพียงสามเดือนที่หนาวที่สุดเพื่อหาเงินที่ป้อม จากนั้นก็กลับหมู่บ้านไปใช้ชีวิตเยี่ยงผู้หญิงธรรมดา

เซี่ยซีหานพูดขอบคุณพี่สาวด้วยรอยยิ้มสดใส

หวาเหวินนางจึงได้ยิ้มตอบ ก่อนนางจะสบสายตานายช่างเจียตัวที่หน้าแดง หวาเหวินอายเล็กน้อย นางโค้งตัวให้เจียตัวและเข้าไปในบ้าน

เซี่ยซีหานไม่รู้ว่านางจะหน้าแดงไปทำไม มันเคยแอบดู แต่สุดท้ายก็พบว่า ภายในบ้านไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย เจียตัวมันช่างโง่จริงๆ

ด้านหลังบ้านที่หิมะโปรยปราย ที่นี่สูงมากมันอยู่บนยอดเขา

นั่นเพราะป้อมปราการยุทธภัณฑ์ขาวนั้น ตั้งอยู่เชิงเขาขนาดใหญ่ รายล้อมด้วยกำแพงหิน มันไม่ได้ใหญ่โตมาก แต่ก็มีระยะกำแพงเกือบๆ 2 กิโลเมตร ภายในมีปราสาทหลังใหญ่ที่สร้างติดกับภูเขาทั้งลูก ด้านล่างรอบกำแพงมีบ้านของผู้คนอยู่

ปราสาทไม่ได้ใหญ่มากนัก ภายนอกดูสวย แต่จริงๆ มันสวยแต่รูป เพราะมันสร้างไว้เพื่อเป็นทางเข้าไปสู่เหมืองใต้ดิน ที่มีคนงานนับร้อยผลัดเปลี่ยนกันทำงานอยู่ตลอด

ถางอี้คือเจ้านายของป้อมปราการ ส่วนที่ดีที่สุดในป้อมปราการย่อมเป็นที่ปราสาท

แต่ส่วนที่ดีรองลงมาจากนั้นคือ บ้านของเหล่านายช่างใหญ่ ที่มันสร้างบนแง่งหิน ที่จะมีลานบ้านและที่ส่วนตัว พื้นที่ด้านล่างรอบกำแพงนั้นไม่ดีเท่าไหร่ แม้จะมีร้านค้ามาก แต่มันก็เป็นของพวกคนงานและครอบครัวมันวุ่นวายและหากความสงบได้ยาก

สู้บ้านบนยอดเขาของเหล่านายช่างไม่ได้

นายช่างหลอมยุทธภัณฑ์ ณ ปัจจุบันไม่ได้มีจำนวนมาก ดังนั้น ทุกคนจึงได้รับจัดสรรที่ดินบนภูเขาอย่างดี นางช่างเจียตัวก็เป็นคนหนึ่ง บ้านส่วนตัวของนายช่างเจียอยู่บนทำเลที่ดีที่สุดของเขาเหมืองเหล็กแห่งนี้

ข้อเสียเพียงอย่างเดียวของที่นี่คือ มันลมแรงและหนาวมาก

“เชี้ยนี่มันจะหนาวไปไหน” เซี่ยซีหานบ่นไปพร้อมกัดฟันเดินไป จริงๆ มันไม่ได้อยากออกมาจากบ้านเลย การตระหนักรู้ทักษะจากรูนทำที่ไหนก็ได้ จริงๆ มันตั้งใจจะตระหนักรู้ทักษะรูนที่บ้านของนายช่างเจียตัวที่อุ่นไปด้วยเตาพิง

แต่น่าเสียดายพี่สาวหวานเหวินกับมาเสียก่อน เซี่ยซีหานไม่อยากขัดความรักของเจียตัว เพราะมันดูรักนางคนนั้นจริงๆ ผิดก็แค่ไม่รู้วิธีแสดงออก

เซี่ยซีหานเคยพยายามเกริ่นๆ วิธีจีบสาวของชายหนุ่มศตวรรษที่ 22 ให้เจียตัวฟัง แต่น่าเสียดายเจียตัวเอาแต่หัวเราะ และคิดว่ามันเป็นวิธีของเด็ก

“ช่างแมร่ง! คิดว่านี่เป็นการฝึกร่างกายก็แล้วกัน”

เชิงเขาสูงตรงนี้ เซี่ยซีหานมองไป มันพบว่าบรรยากาศตรงนี้ดีเหลือเกิน เสียก็แค่หนาวจนแม้มีเสื้อคลุมหนังสัตว์ ลมหนาวก็ยังทำให้ร่างสั่นได้

บรรยากาศแบบนี้ทำเซี่ยซีหานนึกถึงตัวเองตอนฝึกทหารครั้งหนุ่มๆ ที่ต้องถอดเสื้อวิ่งลุยหิมะ

พ่อของเซี่ยซีหานก็เป็นทหารเช่นกัน แต่พอเซี่ยซีหานนึกถึงวันนั้น ในขณะที่มันเป็นทหารหนุ่มที่จำเป็นต้องวิ่งลุยหิมะ เซี่ยซีหานก็พูดกับตัวเองทั้งชีวิตจะไม่คิดเป็นทหารแน่นอน ทำไมคนดีๆ แบบมันต้องมาทรมานตัวเองด้วยการวิ่งบนหิมะด้วยล่ะ จริงไหม

เซี่ยซีหานมองหามุมสงบ และที่ที่ไม่มีลมแรงมาถึงมากนัก มันมองเห็นโคดหินใหญ่ จึงเลือกเดินไปนั่งตรงมุมนั้น หลบลมแรงด้านหลังโขดหิน ก่อนเอาหนังสือเก่าเก็บของ ‘นักวิจัย’ เคอซวนมาเปิดอ่านก่อน

มันไม่เริ่มการตระหนักรู้รูนที่ได้มาในทันที นี่คือนิสัยที่ติดตัวของเซี่ยซีหาน จะทำอะไรต้องรอบคอบเพื่อลดความผิดพลาดให้มากที่สุด

ระหว่างอ่านเซี่ยซีหานก็ค่อยๆ เข้าใจเรื่องราวของผู้วิเศษและการฝึกฝนมากขึ้น

ตอนนี้นอกจากสามระดับแรกของผู้วิเศษฝึกหัด มันยังได้รู้เกี่ยวกับ ‘อาณาจักรของผู้วิเศษ’ ที่เป็นระดับต่อจากนักวิจัย

มันถูกเรียกในชื่อ ‘อาณาจักรแห่งสัมผัส’ ‘อาณาจักรแห่งวิญญาณ’ และสุดท้ายคือ ‘อาณาจักรแห่งดารา’ โดยอาณาจักรดาราคือสิ่งที่ผู้วิเศษทุกคนปรารถนา นอกจากการได้มีอายุถึง 500 ปี แต่ผู้วิเศษเหล่านั้นจะถูกยกย่องในนามของปราชญ์

‘ปราชญ์’ คือคำพูดให้เกียรติอย่างยิ่งของคนในโลกใบนี้

เมื่อคุณได้เป็นปราชญ์ คุณจะมีศักยภาพที่ท่องไปในโลกใบนี้ได้อย่างเสรี ในหนังสือของเคอซวนนักวิจัยมีบรรยายความสามารถของปราชญ์เอาไว้เล็กน้อย ด้วยคำว่า ‘เหนือมนุษย์’ ‘อัศจรรย์’ และสุดท้าย ‘บิน’ ใช่แล้วปราชญ์บินได้

นัยน์ตาเซี่ยซีหานตอนนี้ส่องประกาย การบินได้นี่เป็นอะไรที่ยอดเยี่ยม สำหรับคนข้ามมิติ การเป็นปราชญ์ได้ไม่ต่างกับเป็นซูเปอร์ฮีโร่ในหนัง

นอกจากนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือปราชญ์มีอายุได้ถึง 500 ปี!!!

เซี่ยซีหานตอนนี้ดีใจมาก แค่คิดว่าตัวมันสามารถนอนเป็นตัวมอดในบ้านได้อย่างมีความสุขถึงห้าร้อยปี มันจะมีความสุขขนาดไหนกัน ถ้าโลกนี้มีนิยายและหนังสือการ์ตูนให้อ่านด้วยก็จะสุดยอดไปเลย เซี่ยซีหานทำเรื่องพวกนี้ได้อย่างไม่มีเบื่อ

อ่านหนังสือผู้วิเศษยังไม่ทันได้จบเล่มดี มันก็อ่านถึงการใช้รูนคร่าวๆ ก่อน ตอนนี้ไฟในใจเซี่ยซีหานมันลุกโหม อยากเป็นผู้วิเศษเต็มแก่แล้ว

ฟึบ!

เสื้อคลุมถูกเปิด เซี่ยซีหานเอารูนที่เป็นหินสีเหลืองออกมาจากถุงผ้าที่หลังของตัวเอง นัยน์ตามันฉายแววเจ้าเล่ห์ หัวเราะกระซิกกระซิกไม่หยุด คิดฝันถึงความยิ่งใหญ่ของตัวเองไปแล้วในจินตนาการ

มันลืมไปแล้วหรือว่า รูนธรรมธาตุบริสุทธิ์นั้นเป็นประเภทที่หาง่ายแต่ฝึกและเข้าใจยากสุด

แต่อาจจะเพราะหลงมัวเมาในเรื่องของปราชญ์อยู่ งั้นก็คงต้องช่างมันไปเถอะ

เซี่ยซีหานหลับตาส่งจิตแตะสัมผัสรูนในมือ สิ่งนี้ไม่ได้ทำยาก มันก็แค่การหลับตาและพยายามคิดว่า ตัวเราเองนั้นเข้าไปในรูนก็เท่านั้น และในไม่ช้ารูนก็จะเป็นคนดึงจิตเราเข้าไปในนั้นเอง

แต่แน่นอน…คำบรรยายกับชีวิตจริงย่อมไม่เหมือนกัน

เซี่ยซีหานรู้สึกราวกับดวงวิญญาณของตัวเบาหวิวก่อนจะถูกกระชากออกไป!!!

เวลาล่วงผ่านไม่รู้ว่านานเท่าไหร่

‘มารดาเอ็งเถอะ นี่มันอะไร!!!’ เซี่ยซีหานกรีดร้องในใจ

มันรู้สึกว่า แขนขาตัวเองหายไป ตัวเบามาก นอกจากนั้นมันพยายามลืมตาตื่น แต่พบว่าไม่สามารถทำได้ โลกทั้งหมดทำไมมันดำมืดแบบนี้ไปหมด!!!

รูน รูนทำอะไรกับมัน

แต่ในขณะที่เซี่ยซีหานสับสนในโลกอันมืดมิดนั้นเอง!!!ตึ้ง เสียงระบบดัง

ด้านหน้าปรากฏภาพโฮโลแกรม