ปัง!
ณ บ้านเรือนที่ดูโบราณ กำแผงแดงทอดยาว ประตูหลังบ้านถูกเปิดเสียงดัง เพราะชายผู้หนึ่งถีบประตูแรง ด้านหลังเขามีกลุ่มชายสวมใส่ชุดราวกับอยู่ในยุคโบราณหลายคน เสื้อผ้าดูหลวมแต่มีสีสันอันเป็นเอกลักษณ์ ราวกับเป็นเสื้อผ้าของชาวแผ่นดินใหญ่เมื่อหลายร้อยปีก่อน
“ไอ้ขยะโง่เง่าเอ๊ย! โง่ขนาดคิดไม่เป็นจะตายก็สมควร” เสียงคำรามของบุรุษผู้หนึ่งดัง เขาโยนร่างเด็กหนุ่มผู้หนึ่งพ้นตัวบ้านด้วยแรงเหวี่ยงสุดตัว โดยไม่สนใจว่าเด็กหนุ่มผู้นี้จะมีสภาพอย่างไร
ร่างเด็กหนุ่มที่วัยราว 12 ถึง 13 ปี ที่เต็มไปด้วยแผลและชุดฉีกขาดกลิ้งคลุมโคลนตม ก่อนร่างหยุดนิ่งไม่ไหวติง ณ พื้นที่เฉอะแฉะเจิงน้ำโคลนเล็กน้อย ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาเป็นหรือตาย
แต่อย่างน้อยเขาก็โชคดีอยู่บ้าง เมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อนฝนได้ตกหนัก พื้นดินจึงชุ่มน้ำมาก ดินไม่แข็ง ร่างเด็กหนุ่มที่ดูบอบบางจึงไม่บอบช้ำจากการถูกโยนที่ดูคล้ายเป็นการโยนจากผู้มีเรี่ยวแรงเหนือมนุษย์
ใช้แล้วการถูกบุรุษที่แต่งตัวโบราณโยนนั้น เขาโยนร่างเด็กหนุ่มได้สูงเกือบจั้ง แรงดีแบบนี้ไม่ใช่แรงของมนุษย์ปกติแน่นอน
นี่มันโลกอะไรกัน…
【ติง! ท่านรับการติดตั้ง “ระบบบำเพ็ญอย่างมีชั้นเชิง”】
‘นี่มัน… เสียงอะไรกัน’【หวังอี้】 ชายหนุ่มจากแผ่นดินใหญ่พูดกับตัวเอง นี่เขาเรียนหนักจนเบลอ หรือมีสติฟั่นเฟือนงั้นเหรอ เขาถึงได้ยินเสียงประหลาดแบบนี้ ‘อะไรนะข้าได้รับการติดตั้งระบบบำเพ็ญอย่างมีชั้นเชิง บ้าเอ๊ยใครมาหลอกขายของบิดากัน ไม่ใช่ว่าตอนนี้บิดา…’ เมื่ออยู่ๆ คิดมาถึงตรงนี้หวังอี้ใจสั่นเพราะเขาลำดับเหตุการณ์สุดท้ายของตัวเองก่อนสิ้นสติได้
มณฑลกว่างตงเกิดน้ำท่วมใหญ่ในรอบร้อยปีซึ่งมาพร้อมพายุประหลาดที่ไม่มีใครคาดคิด
น้ำท่วมหลาก ลมแรงจนทำให้เม็ดฝนเห็นเป็นเส้นเข็ม หวังอี้เห็นคู่เด็กชายหญิงติดอยู่ในบ้าน ทั้งสองร่ำไห้ตามน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ในบ้านสองชั้นของเด็กชายหญิงเหมือนไม่มีผู้ใหญ่อยู่
หากคู่เด็กชายหญิงอยู่บนตึกสูงเช่นหวังอี้พวกเราจะปลอดภัยแน่นอน
หวังอี้ไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนดี แต่เขาก็ไม่สามารถปล่อยให้ชีวิตเด็กชายหญิงคู่พี่น้องเป็นอันตรายได้ อาศัยสติปัญหาและเรี่ยวแรงของชายหนุ่มวัย 21 ปี หวังอี้หาเชือก ผ้าและเส้นลวดสลิงหมัดเป็นแนวเชือกยาว หวังอี้ตัดสินใจว่ายน้ำเพื่อไปช่วยเด็กหญิงคู่พี่น้องที่ร่ำไห้ ด้านหนึ่งหมัดปลายเชือกแน่นไว้กับเสาด้านตึก
จากนั้นกระโดดลงน้ำพร้อมสายเชือกประดิษฐ์ยาวที่ตัวเองสร้างขึ้น
คนทั้งตึกมองหวังอี้ด้วยสายตาลุ้นระทึก พร้อมเป็นกำลังใจให้หวังอี้
หวังอี้ทำสำเร็จ เขาว่ายน้ำไปถึงบ้านคู่พี่น้องชายหญิงได้แม้เหนื่อยสายตัวแทบขาด
หวังอี้รีบมัดเชือกที่ตัวเองเตรียมมาเข้าขอบมุมหน้าต่าง ที่เขาใช้เตียงใหญ่ร่วมขัดมุม มั่นใจว่าแม้กระแสงน้ำแรง แต่จุดยึดจะไม่พังแน่นอน
กำลังของหวังอี้มีจำกัด เขาช่วยเด็กชายหญิงได้ทีละคน
ครั้งแรกที่ว่ายน้ำมาพร้อมเชือกย่อมยากที่สุด แต่เมื่อมีเชือกสลิงที่หมัดกันอย่างผสมผสานเป็นที่เกาะแล้ว การไปกลับบ้านเด็กกับตึกที่พักของเขาไม่ยากจนเกินไป
แต่อนิจจาชีวิตคนไม่แน่นอน หวังอี้ช่วยเด็กชายได้หนึ่งคนแล้ว
แต่เชือกยาวที่เชื่อมโยงกันด้วยการมัดกันอย่างหยาบๆ ระหว่าง ‘เชือก’ ‘ผ้า’ และ ‘ลวดสลิง’ ขาดเมื่อตัวหวังอี้ว่ายน้ำพาพี่สาวของเด็กชายไปส่งได้ครึ่งทางพอดี
ตอนนั้นหวังอี้จำเสียงตื่นตระหนกของผู้คนได้ เสียงกรีดร้องชายหญิงดังสนั่นยิ่งกว่าเสียงฟ้าผ่าเสียอีก
วินาทีที่เชือกขาดกลาง ตอนนั้นหวังอี้ตัดสินใจด้วยชีวิต จะเป็นตายก็ต้องพาเด็กหญิงไปส่ง ณ ที่ปลอดภัยให้ได้
ราวกับผีนักว่ายโอลิมปิกเข้าสิงหวังอี้ แม้หวังอี้รู้สึกว่าตัวเองเหมือนจะตายทุกลมหายใจ แต่สองแขนเขากลับว่ายน้ำจ้ำเร็ว ในใจคิดว่าอีกนิด อีกนิด ด้านหลังหวังอี้เด็กหญิงกอดคอแน่น
และในที่สุดหวังอี้ก็ทำได้ เขาว่ายทวนกระแสน้ำที่เชี่ยวกราด ไปถึงตึกที่พักของตัวเอง
มือหนึ่งเกาะขอบชายระเบียงได้สำเร็จ
วินาทีนั้นมีชายทั้งหนุ่มแก่ที่อาศัยร่วมตึกที่พักของหวังอี้รีบมาช่วยหวังอี้รับร่างเด็กหญิง
พวกเขาพูดน้ำเสียงสรรเสริญหวังอี้ว่าทำได้ดีมาก นายทำได้ดีมากพ่อหนุ่ม
ตลอดชีวิตหวังอี้ คนที่ไร้ญาติมิตร เขาไม่เคยมีความรู้สึกมีความสุขและภาคภูมิใจเท่าวันนี้มาก่อน
ชายร่วมตึกกล้ามแน่น เมื่อเขาดึงร่างเด็กหญิงขึ้น และอุ้มไปนั่งที่ปลอดภัยได้แล้ว เขารีบกลับมาและต้องการเอื้อมมือให้หวังอี้จับมัน
หวังอี้ยิ้มมีความสุข เขายกมือชูจะไปจับมือของชายผู้นั้น
แต่ฟ้าดินราวกับกลั้นแกล้งคนดี
เปรี้ยง! สายฟ้าสีม่วงประหลาดฟาดลงมาจากท้องฟ้า ผู้คนตกใจ
และไอ้ชายกล้ามแน่นนั้น ไม่รู้ทำไมขี้ตกใจขนาดนี้ มันหดมือกลับ ย่อตัวร่างสั่น
ส่วนหวังอี้ เขาราวกับตัวละครในเกมที่อยู่ในช่วงค่าพลังชีวิตติดลบ แขนขาหล้า แรงสุดท้ายที่ใช้ต้านกระแสน้ำหมดลงไปแล้ว
ในหัวหวังอี้พูดกับตัวเองเพียงแค่สองคำ ‘ฉิบหาย’
ว่ากันว่าคนใกล้ตายมักปรากฏภาพในอดีต แต่ชีวิตหวังอี้โดดเดียว โตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของรัฐบาล สิ่งหนึ่งที่เขาดีใจ อย่างน้อยวันสุดท้ายของชีวิตก็ไม่ได้แย่จนเกินไป
เขาต่อชีวิตให้เด็กชายหญิงสองคน
อย่างน้อยๆ เขาก็ได้กลายเป็นวิระบุรุษในใจของเด็กๆ ทั้งสองแน่นอน
ร่างของหวังอี้ไหลไปกับกระแสน้ำหลาก ไม่ช้าก็เริ่มจม
ไม่รู้เขาคิดไปเองรึเปล่า ในกระแสน้ำเข้าเห็นบางสิ่งบางอย่างเป็นแสงสีม่วง เลื้อยขดขนาดใหญ่
ด้วยความใกล้ตายจึงไม่คิดอะไรมาก
เพียงแต่ทันทีที่แสงสีม่วงคล้ายเข้ามาหาตัวเองใกล้ขึ้นใกล้ขึ้น จนทุกอย่างชัดเจนและมันรวดเร็วมาก
หวังอี้เห็นมังกรม่วงร่างยักษ์!!!
มันอ้าปากพร้อมกำลังจะแดกตัวเขา
จมน้ำกลั้นหายใจได้สามสิบสี่สิบวิแล้ว ความจริงหวังอี้ควรมีสติได้มากกว่านี้ และมีชีวิตอยู่ได้อีกหนึ่งหรือสองนาที
แต่เพราะตกใจกับภาพมังกรยักษ์
คนไม่เคยเห็นย่อมไม่กลัว แต่เมื่อหวังอี้ได้เห็นของจริง เขาหวาดกลัวร่างสั่น สลักน้ำ
โลกรอบตัวหวังอี้มืดดำ
และเขาสิ้นสติ
และจากนั้น… เขาก็พบว่า
‘นี่ข้าได้ย้อนเวลาหรือข้ามมิติกัน’ หวังอี้พูดกับตัวเองน้ำเสียงตื่นเต้น เขาไม่ใหม่กับนิยายต่างโลก แต่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ของตัวเองเท่าไหร่