Skip to main content
มหาศึกสงครามเทพบรรพกาล

มหาศึกสงครามแดนเทพบรรพกาล ตอน 3

By 20/04/2021No Comments

ทันทีที่ศิลาได้ยินเสียงที่ดังก้อง สิ่งหนึ่งที่ตัวศิลาเองมั่นใจอย่างแน่ชัดนั้นก็คือสภาวะรับรู้ของตัวเขานั้นยังแจ่มชัด สติของเขายังแจ่มใส และนี่ก็ไม่ใช่ความฝันอย่างแน่นอน

ทันทีที่ศิลาลืมตาขึ้นเขาก็ต้องแปลกใจ นั้นเพราะ ณ ตอนนี้ร่างกายของเขานั้นราวกับว่ากำลังล่องลอยอยู่ในมหาจักรวาล ไม่มีจุดเริ่มต้นและไม่มีที่สิ้นสุด แสงแห่งดวงดาว และเหล่าทางช้างเผือกมากมายส่องแสงเป็นภาพที่แสนตระการตาและน่าอัศจรรย์

ศิลามองจ้องไปยังร่างกายของเขาพบว่ามันมีสภาวะราวกับเป็นร่างอนูวิญญาณที่มีแสงสว่างในตัวเอง เขามองสำรวจโดยรอบอย่างรวดเร็ว เพื่อรับรู้ว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ความฝัน ไม่ช้าก็ร่างมังกรยักษ์ที่ยิ่งใหญ่ปรากฏตรงหน้าเขา

ร่างกายของมังกรยักษ์นี้มันใหญ่มากกว่าดวงดาวซะอีก มันปรากฏในรูปอนูวิญญาณไม่ต่างกับตัวของศิลา หากแต่ศิลาก็สัมผัสได้ในทันทีว่ามังกรยักษ์นี้ยิ่งใหญ่ขนาดไหน เพียงแค่มันมองจ้องมายังตัวศิลา เขาก็สัมผัสได้ถึงอำนาจกดข่มอันยิ่งใหญ่ แม้อำนาจนั้นจะมากยิ่งหากแต่จิตใจของศิลาเองก็ไม่ได้เกรงกลัว

นั่นเพราะความตายสำหรับศิลาชายหนุ่มที่ผ่านโลกมานานปี เป็นเพียงแค่ธุลี ก่อนที่เขาจะเป็นหนึ่ง เพื่อร่วมแผ่นดินและประเทศทั้งหลายบนโลกให้สำเร็จ เรื่องราวยากเย็นมากมายเขาผ่านมาไม่น้อย อุปสักต่างๆ นั้นหล่อหลอมเขาให้ไม่มีความเกรงกลัวใดๆ อีกต่อไป แม้สิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์เกินจิตนาการเช่นนี้ก็ตาม มันคือหัวใจของผู้เป็นผู้นำผู้ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง

ในความเงียบงันไม่ช้ามังกรยักษ์ก็เปล่งเสียงที่ราวกับจะกลืนกินโลกหรือมหาจักรวาลนี้

“โปรดช่วยข้า บุรุษวัยเยาว์ผู้มีหัวใจอันกล้าแข็ง”

ศิลาหน้านิ่ง เขาขบคิด สิ่งที่เกิดขึ้นเขาคืออะไร หากแต่ตอนนี้เขาก็ยังไม่สามารถหาข้อสรุปใดจากคำพูดไม่กี่คำของมังกรยักษ์ตัวนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงตะโกนถามมังกรยักษ์ตัวนั้นว่าเขาต้องการอะไร

“ท่านพูดกับข้าเหรอ ท่านต้องการให้ข้าช่วยอะไรท่าน”

“กอบกู้…” มังกรยักษ์พูดเพียงเท่านี้

ไม่ช้าก็มีเสียงอีกเสียงหนึ่งที่ยิ่งใหญ่ปรากฏ พร้อมกับร่างที่ดูเหมือนกับงูยัก หากแต่ที่หัวของมันกับดูคล้ายมังกร หากแต่ดูดุร้ายมากกว่า ร่างสีดำม่วงของมันยิ่งใหญ่ราวกับทางจักรวาล มันม้วนวนเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว ดูจากความยิ่งใหญ่ของมัน หาสิ่งนี้มีชีวิตจริง แค่ร่างของมันก็สามารถร้อยรัดรอบดวงอาทิตย์ได้แน่ๆ ดวงดาวเล็กๆ อาจจะไม่ใหญ่ไปกว่าปากที่มันอ้ากว้าง

“ไยเจ้าจึงชักช้าเช่นนี้ไอ้มังกรชรา พลังของพวกเรากำลังจะหมดในไม่ช้านี้แล้ว จะไม่ควรเสียเวลาพูดจาใดๆ อีก ส่งไอ้เด็กน้อยนี้ไปเลย ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ ให้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับลิขิตของสวรรค์เถอะ”

มังกรยักษ์ที่เป็นอนูวิญญาณมองจ้องมันที่อสูรร้ายในร่างงูยักษ์ที่สามารถกลืนกินดวงดาวได้ ก็จะพยักหน้ารับคำ เพราะเขาก็รู้ตัวดีว่าพลังอำนาจของตัวเขาใกล้หมดเต็มทีแล้ว

ไม่ช้าแสงสว่างจ้าก็ปรากฏที่ร่างอนูวิญญาณของมังกรยัก เช่นเดี่ยวกับอสูรร้ายในร่างงูยักษ์กระเปล่างแสงสีดำม่วงปกคลุมไปอีกครึ่งจักรวาล ไม่ช้าแสงทั้งสองก็ราวกับว่าโพยพุ่งเข้าสู่ร่างวิญญาณของศิลา แสงสว่างสีทองพุ่งเข้าสู่มือด้านซ้าย แสงสีดำม่วงของอสูรร้ายในร่างงูยักษ์ที่เป็นอนูวิญญาณพุ่งเข้ามือด้านขวา

“อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา”

ศิลาตะโกนดังลั่น ร่างกายของเขากำลังเหมือนกับว่ากำลังจะแตกออก แขนซ้ายกำลังเป็นสีแดงโดยมีรอยแตกเป็นทางยาว เช่นเดี่ยวกัน แขนขวาของเขาก็แตกร้าวไม่ต่างกันหากแต่สิ่งที่แตกต่างรอยแตกร้าวของมันเป็นสีม่วงดำส่องสว่าง

จากแขนทั้งสองข้าง ไม่ช้ารอยแตกร้าวทั้งสองก็ค่อยๆ ลามไปทั่วร่างกาย

มันเป็นเหมือนกับรากของต้นไม้ที่ชอนไชไปทั่ว จนกระทั่งมันมาหยุดที่สองจุด

หนึ่งคือกลางอก ราวกับว่าตรงจุดนี้คือหัวใจของดวงวิญญาณ ทันทีที่รอยแตกราวได้ลุกไล่และแทงทะลุไปทั่วร่างวิญญาณ สุดท้ายมันก็เข้าสู่หัวใจวิญญาณ มันแทงทะลุเข้าตรงใจกลาง หากแต่ว่าตรงดวงจิตของร่างวิญญาณนั้นราวกับว่ามันไม่มีที่สิ้นสุด แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น มันก็สร้างความเจ็บปวดอันสุดแสนจะต้านทานต่อศิลาอย่างต่อเนื่อง

นอกจากใจกลางดวงจิต หัวใจของร่างวิญญาณ อีกหนึ่งที่เหล่ารอยแตกราวได้ลุกไล่ แทงทะลุเข้าไป มันคืออีกหนึ่งจุดศูนย์กลางกาย เหนือจุดสะดือมาสองนิ้ว มันคือจุดศูนย์กลางแห่งพลังชีวิตรากแห่งรอยแตกร้าวและพลังของหนึ่งมังกรยักษ์และอสูรร้ายในร่างงูกำลังทิ่มแทงมันไม่หยุด

ศิลาราวกับได้รับพลังอันเป็นนิรันดร์

เขาสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ หากแต่มันก็มาพร้อมกับความเจ็บปวดอันยากจะจินตนาการ ร่างของศิลาสั่นเทาอย่างไม่อาจจะห้ามได้ เขาพยายามประคองสติกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาไม่รู้ว่าทำไม ตัวเขาถึงต้องมารับความทุกข์ทรมาณแบบนี้

หรือนี้คือนรก ศิลาได้แต่คิดกับตัวเอง

มีชีวิตคนมากมายที่ต้องตายด้วยฝีมือของเขา หากนี้คือนรกและการชดใช้กรรม หากเป็นเช่นนั้นตัวเขาก็ยอมรับ เขาไม่ได้อาลัยต่อชีวิตหรือจิตวิญญาณของเขาเลย ต่อให้มันต้องดับสูญไปตลอดกาลก็ตาม

นั่นเพราะเขาไม่เคยอาลัยในสิ่งที่เขากระทำ แม้บางอย่างจะดูเลวทรามในสายตาของคนอื่น หากแต่เขาก็ไม่กลัวที่จะแบกรับ

ในหนึ่งคนที่เขาฆ่าสังหาร จะมีคนอีกนับพันนับล้านได้มีโอกาสใช้ชีวิตที่มีความสุข

ไม่รู้ว่าวันเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่

แม้ความเจ็บปวดจะค่อยๆ น้อยลง หากแต่สติของเขาก็ค่อยๆ เลือนลางเช่นกัน

.
.
.

ก่อนที่ศิลาจะสิ้นสติ เสียงอันยิ่งใหญ่ที่เขาเคยได้ยินก่อนหน้าก็ดังก้องกังวาลในห้วงจิตของเขา เสียงหนึ่งเต็มไปด้วยความอาลัยอาวรและเมตตาต่อโลกและมหาจักรวาลอย่างยิ่ง ศิลาจำได้ว่าเสียงนี้คือของมังกรยักษ์ มันกล่าวว่า “ผู้คน สรรพชีวิตและจิตวิญญาณทั้งหลายในห้วงมหามิติของข้า ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว… ช่วยพวกเขามหาบุรุษ”

จากนั้นก็มีอีกเสียงดังขึ้นมันเป็นของอสูรร้ายในร่างงูยักษ์ที่ใหญ่ราวกับจักรวาล “ถ้ามันหน้าเบื่อเจ้าจะทำลายพวกมันทิ้งก็ได้นะ คิคิ น่าเสียดายข้าไม่มีโอกาสได้อยู่ดูมันแล้ว เช่นกันไอ้เด็กน้อยข้าก็ขอฝากเจ้าเช่นกัน แต่ไม่ใช่การช่วยเหลือพวกมัน หากแต่เป็นการลงทัฑณ์ คิคิ”

ไม่ช้าสติของศิลาก็หมดไป

โลก ดวงดาวและภาพจักรวาลที่งดงามที่อยู่ด้านหน้าของเขากำลังค่อยๆ มืดมิด

ไม่รู้ว่าวันเวลาผ่านไปเท่าใด

.
.
.

“พ่อมาดูตรงนี้สิ มีร่างคนลอยมา” หญิงสาวผิวออกสีน้ำผึงกล่าว ดวงตาของเธอมีสีทองสดใสดูดีทีเดี่ยว ทันทีที่เธอพูดจบ ไม่ช้าก็มีชายหนุ่มวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่และเต็มไปด้วยมัดกล้าปรากฏตัว

เขากระโดดลงไปกลางแม่น้ำกว้างใหญ่ ที่มีกระแสเชี่ยวกรากในทันที เขารีบว่ายไปหาร่างคนที่ลอยน้ำมา แม้กระแสน้ำนั้นจะเชี่ยวกรากมาก แต่ถึงอย่างนั้นคนผู้นี้ก็สามารถว่ายผ่านมันไปได้ แสดงให้เห็นว่าคนผู้นี้มีพละกำลังที่เหนือมนุษย์ทั่วไปอยู่มากทีเดี่ยว

ไม่ช้าเขาก็อุ้มร่างคนผู้นั้นคือมาได้

ทันทีที่เขาว่างร่างนั้นลง ก็พบว่าคนที่เขาช่วยนั้นเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่น่าจะมีอายุประมาณเพียง 11 – 13 ปีเท่านั้น

เด็กน้อยคนนี้มีผิวขาวเหลืองเพียงแค่มองผ่านๆ ก็ให้ความรู้สึกได้ทันทีว่าเป็นชนชั้นสูง นอกจากผิวพรรณที่ดูดี หากแต่ใบหน้าของเขาก็ดูดีอยู่ไม่น้อย มันดูหล่อเหลาและน่ารักในแบบที่เด็กหนุ่มควรจะมี เส้นผมของเด็กหนุ่มผู้นี้เป็นสีเงิน มันดูต่างจากชาวบ้านพื้นเมืองระแวกนี้เป็นอย่างมากที่มักมีเส้นผมสีน้ำตาล แดงหรือดำ

ทันทีที่ชายร่างใหญ่ช่วยเด็กน้อยขึ้นมาเขาก็รู้ได้ทันทีว่าเด็กน้อยผู้นี้เป็นคนต่างถิ่น

“พ่อเขาตายรึยัง” หญิงสาวกล่าวถามด้วยความเป็นกังวล

ชายร่างยักษ์จับชีพจร บริเวณลำคอและพบว่าเด็กน้อยนี้ยังมีชีวิตอยู่ เมื่อหญิงสาวรู้เธอก็รู้สึกดีใจที่เด็กน้อยยังไม่ตาย

ไม่ช้าทั้งสองก็นำร่างของเด็กน้อยขึ้นไปบนหลังของสัตว์ประหลาด มันดูเหมือนไดโนเสาร์ดึกดำบันที่เป็นสัตว์กินพืช ตรงด้านหน้าของมันมีเขาคล้ายแรด หากแต่ดวงตาของมันกลับสุกใสกลม ดูไปดูมามันก็น่ารักอยู่ไม่น้อยเลยทีเดี่ยว ร่างของมันใหญ่กว่ามนุษย์เกือบสองเท่าช่วงลำตัวของมันไม่รวมห่างยาวเกือบ 10 เมตร

และที่นี่คือที่ไหนกันจึงมีตัวประหลาดแบบนี้ได้นะ

Leave a Reply