Skip to main content

หากแต่เรื่องดีๆ ก็มีอยู่บ้าง นั่นเพราะไข่มุกของแมงมุมดื่มพิษนั้นนับว่าเป็นของวิเศษยิ่ง แม้แมงมุมดื่มพิษตัวนี้จะนับว่าเป็นระดับต่ำที่สุดก็ตาม หากแต่ไข่มุกนี้ก็สามารถรักษาพิษต่างๆ จากร่างกายของผู้คน ที่มีระดับตั้งแต่ภูตสวรรค์ลงมาได้ทั้งสิ้น เฉียวเฟิงที่แต่เก่าก่อนมีพิษร้ายซึมลึกในเส้นชีพจรทั่วร่างกายมาโดยตลอด แต่เมื่อได้ไข่มุกนี้มา ณ ตอนนี้พิษร้ายได้ค่อยๆ สลายสิ้นไปจากร่างกายจนเกือบหมดแล้ว

หากแต่รอยแผลเป็นบนร่างของมันนั้น ก็ไม่อาจจะรักษาได้โดยเร็ว นั่นเพราะมันเป็นแผลเป็นไปเกือบทั้งหมดแล้ว หากเฉียวเฟิงต้องการให้แผลเป็นเหล่านี้หายไปจากร่างกาย มีเพียงการก้าวข้ามระดับชั้น จากจ้าวยุทธภพสู่ระดับภูติสวรรค์ที่ถือว่าเป็นขีดขั้นเริ่มต้นของเศษเสี้ยวเทวะเท่านั้น ที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายราวกับว่ามีชีวิตใหม่ ผู้ก้าวข้ามในระดับนี้นั้นแม้จะมีอายุ 100 ปี ใบหน้าแก่ชรา หากแต่เมื่อได้รับความเป็นเศษเสี้ยวเทวะแล้ว ตัวมันนั้นจะเป็นดังเช่นบุรุษหนุ่มและสตรีสาววัยเยาว์อีกครั้ง อายุขั้นต่ำคือ 5000 ปี

หรือไม่ก็จำต้องหายอดหมอเทวะชำระร่างก่อนเนื้อเยื่อผิวหนังขึ้นมาใหม่ทั้งหมด

หลีกัง พานลี่ ที่ร่วมกันนั่งหยุดพัก ทั้งสองยังอยู่ในสภาพที่ดีกว่าเฉียวเฟิงมากนัก นั่นเพราะเฉียวเฟิงได้เก็บกวาดเหล่าสัตว์อสูรทั้งหลายที่เป็นภัยจนสิ้นก่อนถึงมือทั้งสอง

หากวันนี้เฉียวเฟิงและเด็กน้อยรอดกลับไปได้คราครั้งนี้ ก็ถือว่าได้รับวาสนาไม่น้อย ซากร่างแห่งแมงมุมดื่มพิษไม่ใช่ของธรรมดา มันนำมาผลิตเป็นเกราะแข็งอาวุธแกร่งได้มากมายยิ่ง นอกจากนั้นยังมีเหล่าแก่นธาตุพลังจากสัตว์อสูรระดับสูงอื่นๆ อีกมากมาย ที่แทบจะหาไม่ได้จากบนโลกที่ทั้งสามอาศัยอยู่… เพียงแค่นี้ก็ไม่ต้องพูดแล้ว ว่าเพียงการมาที่มิติลูกเต๋าสวรรค์ในช่วงสั้นๆ ทั้งสามได้เก็บเกี่ยวไปมากเพียงไร เพียงแต่ ณ ตอนนี้ สิ่งที่จำเป็นที่สุดคือ ทั้งสามต้องเอาชีวิตให้รอดจากที่แห่งนี้ไปได้เสียก่อน

“ท่านพี่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง 2 ชั่วยามแล้วที่ท่านพี่แทบไม่ได้พักเลย” พานลี่สตรีตัวน้อยตอนนี้นางมีสีหน้าเป็นกังวลยิ่ง นางไม่เคยเห็นเฉียวเฟิงเหนื่อยหอบจนแทบหมดแรงเช่นนี้มาก่อน ซากสัตว์อสูรนับร้อยตัวถูกเก็บอยู่ในแหวนมิติระดับทองคำของนางมากมายยิ่ง ภาพที่ท่านพี่เอาร่างบังสัตว์ร้ายให้นาง ทำพานลี่ประทับใจไม่รู้ลืม

เฉียวเฟิงที่เห็นสายตาที่เป็นห่วงเป็นไยของพานลี่มันเอามือลูบศีรษะนางเบาๆ ก่อนทอดสายตาออกไปนอกถ้ำ ที่ภายนอกวางค่ายกลเล็กปกปิดกลิ่นอายของทั้งสามไว้

“ไม่ต้องเป็นห่วงพานลี่ ท่านพี่ของเจ้าได้พักสักครู่คงไม่มีอะไรน่ากังวล เจ้าอย่าได้เป็นห่วงไปเลย” แม้เฉียวเฟิงจะพูดแบบนี้ หากแต่เฉียวเฟิงก็ไม่ได้บอกสิ่งหนึ่งกับพานลี่และหลีกัง นั่นคือ ในนี้ต้องไม่มีสัตว์ประหลาดระดับแมงมุมดื่มพิษปรากฏตัวอีก ไม่เช่นนั้นแม้แต่ตัวมันก็ไม่มั่นใจว่าจะเอาชีวิตรอดได้

การใช้เคล็ดวิชาระดับตำนานพร้อมกันสองเคล็ดวิชา ทำให้ร่างกาย พลังลมปราณและพลังวิญญาณของเฉียวเฟิงมันแทบหมดสิ้น ที่ก้าวเดินได้ตอนนี้ส่วนหนึ่งคือความแข็งแกร่งของกำลังใจของตัวมันเองล้วนๆ เฉียวเฟิงไม่อยากพูดเรื่องนี้กับสองเด็กน้อยของตัวเองเลย มันได้แต่หวังลึกๆ ภายในใจของตัวเอง ว่าจะไม่โชคร้ายไปมากกว่านี้

เฉียวเฟิงตอนนี้มันต้องการโชคดีอย่างยิ่ง…

เมื่อเวลาภายในห้วงมิติลูกเต๋าสวรรค์ของเฉียวเฟิงและกลุ่มเด็กน้อยผ่านไปครบ 6 ชั่วยาม มิติที่เฉียวเฟิง พานลี่และหลีกังอยู่ก็เปลี่ยนไป

จากแดนรกร้างที่เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายระดับสูง ตอนนี้กลายเป็นทะเลทรายโล่งสุดลูกหูลูกตาอีกครั้ง เดินไปครู่ใหญ่ก็กลายเป็นหิมะ ไม่นานนักก็มีพายุ มีสายฟ้าฟาดใส่ร่างเฉียวเฟิงอยู่ 40 ถึง 50 ครั้ง หากแต่สิ่งหนึ่งที่น่าแปลกใจ พานลี่และหลีกังไม่มีใครโดนสายฟ้าฟาดหนักหน่วงเช่นมันเลย

โชคลาภอย่างเดียวที่มีของเฉียวเฟิง ณ ตอนนี้ก็คือไข่มุกจากแมงมุมดื่มพิษ และเหล่าซากศพของเหล่าสัตว์ร้ายต่างๆ หากแต่หลังจากผ่านช่วงเวลานั้นมา นิก็ผ่านไปเกือบ 6 ชั่วยามแล้ว ที่ทั้งสามไม่ได้รับสิ่งใดที่มีคุณค่าเลย แถมตัวเฉียวเฟิงก็เริ่มเหนื่อยล้าแทบจะหมดแรงอีกด้วย สายฟ้าที่ฟาดใส่ร่างมันนั้นช่างโหดร้ายไม่น้อย หากมันไม่มีเคล็ดวิชาป้องกันธาตุอัสนีลดความรุนแรงมันไปได้หลายส่วน ตอนนี้เฉียวเฟิงคงตายไปแล้วนับสิบครั้ง ในใจมันได้แต่ครุ่นคิด ที่แห่งนี้ช่างเป็นนรกบนดินจริงๆ

หากแต่ ณ ตอนนี้ ดูเหมือนว่าความโชคร้ายมันยังไม่ได้หมดสิ้น มันมองเห็นทูตแห่งลูกเต๋าสวรรค์อีกครา ตอนนี้ทูตมันมองเห็นเฉียวเฟิงพร้อมกวักมือเรียกหาแล้ว…

เฉียวเฟิงมองเห็นมัน ในใจก็ได้แต่โศกเศร้า 12 ชั่วยามแล้ว มันได้พักเพียงเล็กน้อยร่างกายก็ทรุดโทรมอยู่มาก หากมันได้นอนหลับพักฟื้นสักช่วงให้พลังปราณและพลังวิญญาณกลับมา มันคงมั่นใจในความปลอดภัยต่อเหล่าเด็กน้อยทั้งสองที่ติดตามมันมากกว่านี้ หากแต่ตอนนี้ยังไม่มีที่ใดที่มันจะหยุดพักได้เลย มันกลับต้องมาเล่นโยนลูกเต๋าอีกแล้วรึ…

เฉียวเฟิง พานลี่และหลีกังเดินอย่างช้าๆ ไปที่ๆ ทูตแห่งลูกเต๋าสวรรค์ยืนอยู่ ครั้งนี้มันไม่ใด้มีใบหน้าเป็นแพะ หากแต่กลายเป็นลาแก่สีน้ำตาลแทน

“สวรรค์ช่างมอบโชคให้แก่พวกเจ้าจริงๆ ที่รอดจากที่แห่งนี้จนมาพบข้าได้ ข้าไม่คิดเลยจะมีคนผ่านทุ่งหมื่นสายฟ้านั้นและมีชีวิตได้นะ หิหิ”

เฉียวเฟิงมองหน้ามันในใจก็ลอบด่า มันไม่ได้ใช้โชคดีในการก้าวผ่านทุ่งหมื่นสายฟ้าแม้แต่น้อย สายฟ้าฟาดใส่มันเกือบจะ 50 ครั้ง ที่มันมาอยู่ตรงนี้ได้มีเพียงเหตุผลเดียว นั่นเพราะมันแข็งแกร่ง และเพราะมันหมั่นเพียรตลอดหลายปีในการฝึกฝนเคล็ดวิชามากมายของจ้าวหมื่นมาร

มันจึงมีเคล็ดวิชามากมายที่ลดการโจมตีจากธาตุธรรมชาติต่างๆ เฉียวเฟิงแทบจะขุดมันมาใช้จดหมดสิ้น… หากแต่เมื่อมันมองไปยังพานลี่และหลีกัง หนึ่งสตรีน้อยและบุรุษร่างใหญ่ เฉียวเฟิงมีสายตาอิจฉาเล็กน้อย หลีกังโดนสายฟ้าฟาดเพียง 2 ครั้ง หากแต่พานลี่นางไม่ได้รับอันตรายใดๆ เลย นางช่างเป็นสตรีมีโชคโดยแท้จริง…

ตอนนี้ทั้งสามหยุดร่าง ทูตลาก็พูดเข้าเรื่องในทันที

“เอาละข้าไม่อยากมากความ เช่นนั้นเราก็มาเริ่มกันเถอะ ใครจะเป็นผู้ร่วมสนุกกับข้า”

เฉียวเฟิงมือสั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน 9 ใน 10 ครั้ง ที่มันทอยเต๋ามันจะเป็นคนที่แพ้เสมอ มันไม่อยากจะทอยเต๋าพวกนี้อีกต่อไป หากแต่ถ้าคนอื่นทอย เฉียวเฟิงก็กลัวเภทภัยจะตกสู่เด็กๆ ทั้งสองของตัวเอง เฉียวเฟิงยืนนิ่งจ้องลูกเต๋าในมือบุรุษที่มีหัวเป็นลา เวลาผ่านไปสักครู่ เสียงสดใสกระจ่างของสตรีก็ดังขึ้น

“ท่านพี่ให้พานลี่เป็นผู้ทอยลูกเต๋าได้หรือไม่เจ้าคะ ตัวข้านั้นแต่เด็กเล็กก็นับว่าเป็นคนโชคดีอยู่บ้าง ที่แห่งนี้แปลกประหลาดยิ่ง แปรเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา ข้าก็ร้อนกายและเหนื่อยไม่น้อย อยากหาที่พักผ่อนอาบน้ำขัดคราบเหงื่อไคลออกจากร่างกายยิ่ง หากข้าทอยเต๋าชนะมันผู้นี้ เราอาจจะได้ไปอยู่ยังสถานที่ดีๆ บ้างก็ได้นะ”

เฉียวเฟิงแม้จะไม่เชื่อเรื่องโชคลาภ หากแต่เมื่อมาถึงตอนนี้มันก็ต้องการไอ้สิ่งที่เรียกว่า “โชค” เป็นอย่างยิ่ง ตัวมันโดนสายฟ้าฟาด 50 ครั้ง หากแต่พานลี่ไม่โดนแม้แต่น้อย นางอาจจะเป็นนางสวรรค์แห่งโชคลาภก็เป็นได้ นั่นเพราะเฉียวเฟิงเมื่อใช้พลังแห่งเนตรวิญญาณมองค่าสถานะของพานลี่ มันก็พบความสามารถพิเศษหนึ่งของนางตั้งแต่ยังเด็ก หากแต่มันก็ไม่รู้ว่ามันคือสิ่งใด หากแต่มันมั่นใจแล้วว่ามันเป็นสิ่งที่ดียิ่งในที่แห่งนี้ หลังจากการเดินผ่านทุ่งหมื่นสายฟ้า ที่พานลี่ไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อย

สถานะพิเศษ [ธิดาแห่งโชคลาภ] ของพานลี่คงมีผลเช่นนี้นี่เอง นอกจากนั้นสิ่งหนึ่งที่น่าแปลกใจและเฉียวเฟิงไม่รู้เลยว่า มันมีคุณสมบัติอะไร นั่นก็คือ ค่าสถานะโชคชะตา เพราะมันเป็นอะไรที่แม้แต่ในโลกแห่งจินตนาการของจ้าวหมื่นมารก็ไม่มีผู้ใดรู้ได้ ว่ามันเอาไว้ใช้ทำอะไร หากแต่ตอนนี้เฉียวเฟิงก็พอรู้แล้ว หากแต่มันยังไม่มั่นใจนัก มันจำเป็นต้องให้พานลี่เป็นตัวทดสอบ นั่นเพราะนางมีค่าสถานะแห่งโชคชะตามากกว่าสองล้านห้าแสนหน่วย

————————————————

ชื่อ : พาน ลี่ [อายุ 15 ปี]

ระดับ : [5] จอมคนขั้น 5 จาก 9 ขั้น

สภาวะร่างกาย : [33540/33540]

พลังกาย [4120] โจมตี [2240] ป้องกัน [1202] ว่องไว [6620] สิติปัญญา [101080] โชคชะตา [2507405]

พลังปราณ : [7622]

พลังวิญญาณ : [10102]

ธาตุพลัง : [ดิน 1140] : [น้ำ 5350] : [ลม 3400] : [ไฟ 1065] : [ทอง เหล็ก 980] : [สายฟ้า 2425]

สถานะพิเศษ : [ธิดาแห่งโชคลาภ]

————————————————