“เฉียวเฟิงเจ้าเป็นอะไร เจ้าเป็นอะไรรึ…” พานลี่กล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงและกังวลเป็นอย่างยิ่ง นางไม่เคยเห็นศิษย์พี่ตัวน้อยของนางเป็นแบบนี้เลย พอเห็นร่างทรุดลงของเฉียวเฟิง ในใจของพานลี่จึงคล้ายร้อนรนและเป็นห่วงยิ่ง เพราะในความคิดของนาง ศิษย์พี่ผู้เยาว์วัยผู้นี้ ราวกับเป็นตัวแทนของท่านเทพก็มิปาน
เฉียวเฟิงตอนนี้น้ำตาไหลอาบแก้ม ในห้วงจิตเวลาผ่านไปนาน หากแต่ในโลกแห่งความเป็นจริงกับผ่านไปแค่ไม่กี่ช่วงอึดใจ
“ทำไมเจ้าถึงต้องร้องไห้ลูกแม่” มารดาของเฉียวเฟิงตอนนี้นางเป็นห่วงลูกน้อยนัก นางเอามือรีบปาดเช็ดน้ำตาของเฉียวเฟิงด้วยความเป็นห่วง
เฉียวเฟิงมองทั้งสองก่อนรีบกล่าวคำเพื่อทำให้ทั้งสองคลายกังวล… “แค่โรคเก่ากำเริบนะขอรับ… ท่านแม่ พานลี่ ทั้งสองไม่ต้องเป็นห่วง”
พร้อมพลางคิดในใจ นึกถึงเรื่องราวและประสบการณ์ที่พึงประสบ ในใจเย้ยหยันตัวเองยิ่ง… ‘แม้เป็นข้าก็มิอาจทนรับอารมณ์เช่นนี้ไหวรึ จ้าวหมื่นมารสิ่งที่ท่านพบเจอมันช่าง… เกินที่ผู้ใดจะแบกรับไหว’
ไม่ช้าเฉียวเฟิงก็ยิ้มบางเบา มันส่งรอยยิ้มให้สองสตรีและกล่าวพูดคำคลายกังวลแก่ทั้งสองที่จดจ้องมองมันอย่างเป็นห่วง “ข้าไม่เป็นไรแล้วจริงๆ ขอรับท่านแม่ พานลี่ บางทีสิ่งนี้ก็เกิดขึ้นกับข้าในบางครั้ง ทั้งสองโปรดอย่าเป็นห่วง” ก่อนรีบกุมมือมารดา ตบหลังมือนางเบาๆ เพื่อมิให้ท่านแม่เป็นห่วงอีก ก่อนจะมองไปโดยรอบ… เพื่อค้นหาใครบางคน…
.
.
.
แต่ก็ไม่พบเห็นผู้ใด
.
.
.
พานลี่ยิ้มเยาะก่อนกระซิบข้างหู “ท่านก็เป็นเช่นนี้ได้รึศิษย์พี่ แต่เช่นนี้ก็ดี ท่านจะได้มีพื้นที่ให้พานลี่น้องหญิงผู้นี้ดูแล ท่านว่าจริงไหม”
เฉียวเฟิงไม่ว่าอะไรก่อนเอามือจับศีรษะนางเบาๆ และยิ้มตอบ…
และในตอนนั้นเองเสียงมารน้อยก็ดังก้องในห้วงจิตของเฉียวเฟิงอีกครั้ง
‘นิเฉียวเฟิงเศษพลังของศิลาผนึกเทพในตัวเจ้าถูกปลดผนึกเพิ่มอีกส่วนแล้ว ลองใช้เนตรวิญญาณของเจ้าสิ’
เมื่อเฉียวเฟิงได้ยินดังนั้นก็รีบใช้ทันที และพบว่าเนตรวิญญาณของตัวมันนั้น ทำงานเสมือนภาพแทนของระบบเกม ในโลกแห่งเกมสังหารเทพอนันต์ภพเลย
ไม่ว่ามองไปที่ผู้ใดก็เห็นข้อมูลของคนเหล่านั้น
ไม่ช้าเฉียวเฟิงก็จ้องมองไปที่พานลี่
————————————————
ชื่อ : พาน ลี่ [อายุ 10 ปี]
ระดับ : [3] พลังขั้นสูงขั้น 1 จาก 9 ขั้น
สภาวะร่างกาย : [540/540]
พลังกาย [420] โจมตี [240] ป้องกัน [202] ว่องไว [620] สติปัญญา [1080] โชคชะตา [25405]
พลังปราณ : [622]
พลังวิญญาณ : [102]
ธาตุพลัง : [ดิน 140] : [น้ำ 350] : [ลม 400] : [ไฟ 65] : [ทอง เหล็ก 80] : [สายฟ้า 425]
วิชาที่มี : [ระดับเบื้องต้น 242] : [ระดับต่ำ 122]
สถานะพิเศษ : [ธิดาแห่งโชคลาภ]
————————————————
เมื่อเห็นดังนี้เฉียวเฟิงจึงกระซิบข้างหูพานลี่ “เจ้าเข้าสู่เขตพลังระดับสูงแล้วใช่หรือไม่”
พานลี่ตกใจ “ศิษย์พี่ท่านรู้ได้อย่างไร”
…เฉียวเฟิงไม่พูดอะไรต่อก่อนจับมือประคองมารดาแล้วเดินต่อไป ทิ้งไว้เพียงความสงสัยให้เด็กหญิง… นางไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใคร แม้แต่ท่านพ่อของตัวนาง โดยนางปรารถนาจะเก็บเรื่องนี้ไว้ และทำให้ทุกคนตกใจทีหลังตอนสอบเข้าสำนักใหญ่…
เพราะระดับการฝึกฝนเช่นนี้หาได้ยากยิ่งที่เด็กน้อยอายุต่ำกว่า 12 ขวบจะมีพลังถึงระดับขั้นสูงได้
ปกติแม้จะเป็นเด็กอัจฉริยะช่วงเวลาแห่งการเติบโตก็มักจะอยู่ที่หลัง 15 ปีไปแล้ว นั่นก็เพราะร่างกายเริ่มเติบโตเต็มที่ ฐานพลังปราณจึงสามารถก้าวกระโดดได้ช่วงใหญ่
แต่ถึงอย่างนั้นก็มีเพียงเด็กจำนวน 1 ในล้านเท่านั้น ที่จะก้าวสู่ระดับขั้นสูงได้ก่อนเวลา เด็กๆ เล่านี้คือผู้มีพรสวรรค์ยิ่งในการฝึกฝน พานลี่จึงนับเป็นอัจฉริยะน้อยตัวจริงผู้หนึ่ง
ตอนนี้นางยังไม่หยุดสงสัย
นางรีบเดินมาเกาะแขนของเฉียวเฟิงน้อย แล้วถามอย่างสงสัยในตัวศิษย์พี่ยิ่ง
“ศิษย์พี่เจ้าคะ ตอนนี้ท่านอยู่ระดับพลังอะไรแล้ว”
เฉียวเฟิงมองนางและกระซิบข้างหู “ระดับนักรบขั้นที่ 2”
หัวใจนางพองโตไม่หยุด แอบนึกน้อยใจเล็กน้อยศิษย์พี่อายุมากกว่านางแค่ 2 ปี แต่ท่านกลับก้าวหน้ากว่านางมากมายนัก
หากนางถูกนับว่าเป็นอัจฉริยะเหนืออัจฉริยะ และศิษย์พี่นางละจะเรียกว่าอะไร
จากนั้นนางก็เหม่อมองขึ้นท้องฟ้า พลันรู้สึกดีเมื่อนางนึกถึงท่านเทพ ‘ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านช่างสมกับเป็นศิษย์คนแรกของท่านเทพ ใช่สินะ ตัวข้าไม่ควรเอาตัวไปเปรียบเทียบกับศิษย์พี่ ท่านเทพไม่ใช่คนธรรมดาแบบเรา คนที่ท่านเทพเลือก โดยเฉพาะศิษย์คนแรกก็ต้องพิเศษอยู่แล้ว คิกคิก อย่างน้อยตอนนี้ข้าก็เป็นอันดับที่ 2 ฮาฮาๆๆๆ ’
พานลี่คิดเช่นนี้ในใจนางก็เริ่มมีความสุขได้ หัวเราะในใจไม่หยุด ส่วนใบหน้านางในตอนนี้มีแต่รอยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ปรากฏแล้ว
— สำนักแพทย์ยิ่งใหญ่ —
— เมืองหางมังกรสะบัดน้ำ —
“ที่นี้ผู้คนมากมายกว่าที่แม่คิดไว้เสียอีก” มารดาของเฉียวเฟิงพูดพร้อมจ้องมองไปทั่ว
สำนักแพทย์ยิ่งใหญ่ช่างโออ่า มันนับเป็นสถานที่พิเศษแห่งหนึ่งของอาณาจักรเก้ามังกร
เพราะการมีหนึ่งในหมอที่ถือว่าเก่งที่สุดในทวีปอยู่ย่อมไม่ใช่เรื่องธรรมดา นอกจากเรื่องการรักษาโรคแล้ว โอสถพลังปราณของที่นี่ก็นับว่าเรื่องชื่อ
เพราะมันมีไม่กี่แห่งในโลกใบนี้ที่มีผู้สามารถหลอมโอสถระดับกลางออกมาได้
ส่วนโอสถระดับสูงนั้นมีเพียงระดับหมอเทวดาที่ถูกเรียกในแผ่นดินนี้เท่านั้นที่หลอมได้
โดยที่ทั่วทั้งแผ่นดินนี้มีเพียงแค่ 3 คนเท่านั้นที่ถูกเรียกว่าหมอเทวดา
และเพราะแบบนี้โอสถระดับกลางจึงถือว่าล้ำค่ามากจริงๆ สำหรับเหล่าผู้คนผู้ฝึกปราณ
โดยราคาจำหน่ายของโอสถระดับกลางนั้นนับว่าสูงมากจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโอสถที่มีความบริสุทธิ์สูง ราคาของโอสถก็จะยิ่งแพงไปอีก
โดยความบริสุทธิ์ของโอสถเสริมพลังทุกประเภทถูกแบ่งเป็น 3 ระดับ 9 ขั้น
ระดับปฐพีต้น – พอใช้งานดึงคุณภาพโอสถ 10 – 15%
ระดับปฐพีกลาง – พอใช้งานดึงคุณภาพโอสถ 15 – 25%
ระดับปฐพีสูง – พอใช้งานดึงคุณภาพโอสถ 25 – 40%
ระดับฟ้าต้น – พอใช้งานดึงคุณภาพโอสถ 40 – 60%
ระดับฟ้ากลาง – พอใช้งานดึงคุณภาพโอสถ 60 – 80%
ระดับฟ้าสูง – พอใช้งานดึงคุณภาพโอสถ 80 – 100%
ระดับสวรรค์ต้น – พอใช้งานดึงคุณภาพโอสถ 100 – 150%
ระดับสวรรค์กลาง – พอใช้งานดึงคุณภาพโอสถ 150 – 300%
ระดับสวรรค์สูง – พอใช้งานดึงคุณภาพโอสถ 300 – 500%
ว่ากันว่าโอสถระดับสวรรค์นั้นมีแต่เทพโอสถเท่านั้นที่จะหลอมได้ เพราะโอสถแบบนี้ต้องได้รับไอพลังจากฟ้าดินส่วนหนึ่ง
นอกจากนั้นวิธีการหลอมโอสถแบบนี้ทั่วโลกใบนี้อาจจะมีไม่ถึง 10 คนเท่านั้นที่รู้
และหนึ่งในผู้ที่รู้นั้นคือหมอเทวดาอันดับหนึ่งของแผ่นดินนี้ ซึ่งเป็นอาจารย์โดยตรงของเจ้าสำนักแพทย์ยิ่งใหญ่
ทำให้ที่แห่งนี้นอกจากเรื่องการรักษาโรคแล้ว คุณภาพโอสถก็ถือว่าเป็นอันดับหนึ่งในทวีปแห่งนี้ เพราะมีโอสถระดับฟ้า ถูกหลอมออกมาขายอยู่เป็นระยะๆ ในตลาดทั่วไปมีแต่ระดับปฐพีเท่านั้น…