‘บ้าเอ๊ยหลังจากมีชีวิตมา 30 ปี ฉันต้องตายทั้งๆ ที่ยังเป็นโสดแบบนี้งั้นเหรอ ไอ้เจ้าตัวดีกับยัยตัวแสบบอกว่าทั้งสองได้นัดหญิงนิสัยดีและน่าตาใช้ได้ให้มาดูตัวแล้วด้วยสิ การตายโดยที่ตัวเองต้องเป็นโสดนี่มันโหดร้ายที่สุด’ บ่นอยู่ครู่ใหญ่ 【ฟานซู】ลืมตาขึ้น เขาเริ่มยันร่างยกตัว เปลี่ยนจากท่านอนอ่อนแรง เป็นนั่งขาเหยียด
ดวงตาฟานซูกวาดมองรอบบริเวร
‘ที่นี่มันที่ไหนกันว่ะ’ เสียงในใจของฟานซูดังอีกครั้ง ดวงตาไม่อยากเชื่อสิ่งที่เห็น ตอนนี้เขาอ่อนแรงมากเหมือนคนแก่ใกล้ตาย ดุจเชิงเทียนไหว ที่เพียงสามลมอ่อนพัดผ่าน ไฟจากเทียนไขชีวิตก็พร้อมดับมอดในทันที
และทำไมฟานซูถึงมีสภาพแบบนี้
ก่อนที่ฟานซูจะหมดสติและตื่นขึ้นมาในสภาพใกล้ตาย เขาเป็นหัวหน้างานบริษัทขุดเจาะสำรวจเหมือง
มีตำแหน่งเป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านธรณีวิทยา ฟานซูและเพื่อนร่วมงานขุดเจาะหินไปได้ระดับหนึ่ง ถ้ำที่ขุดเกิดถล่ม และจุดที่เขายื่นกลายเป็นหลุมลึก ร่างของฟานซูตกลงไป ณ สถานที่อันอัศจรรย์ มันอร่ามเป็นด้วยหินสีทอง ถ้ำที่ควรมืดแต่มันสว่างจ้าราวกับมีหลอดไฟ พื้นเต็มไปด้วยอักขระประหลาดที่ฟานซูไม่รู้ว่ามันคืออักษรภาษาอะไร
และทันทีที่เลือดของฟานซูหยดลงกระทบพื้นจากการกระอักเลือด ซึ่งฟานซูคาดว่าเป็นเพราะร่างของเขาตกจากที่สูง ปอดจึงฉีกขาด เขาจึงกระอักเลือดแบบนั้น
ในตอนนั้นเองเรื่องอัศจรรย์เมื่อเลือดฟานซูกระทบพื้นสีทอง พื้นก็เริ่มเปล่งแสงทันที พร้อมๆ กับเลือดจากร่างของฟานซูค่อยๆ ซึมไหลออกจากผิวหนังโดยที่ฟานซูควบคุมอะไรไม่ได้เลย หยดเลือดกลั่นตัวเป็นเม็ดขนาดกลมขนาดเท่าๆ เม็ดถั่วจำนวนมาก เม็ดแล้วเม็ดเล่า
เลือดลอยตรงหน้าฟานซูคล้าย มันคล้ายอยู่ในสภาวะไร้น้ำหนัก
เมื่อเลือดซึมออกจากร่างฟานซูจำนวนมาก ผิวของฟานซูเหี่ยวแห้งอย่างมองเห็นได้ ฟานซูคิดว่าเขาต้องตายแน่ๆ โชคดีที่ฟานซูไม่ใช่คนมีภาระทางใจ
เขาได้ใช้ชีวิตอย่างกล้าหาญ มีชีวิตอย่างดีที่สุดในโลกของเขาแล้ว เลี้ยงน้องสองคนให้เติบโตโดยพ่อแม่ตายตั้งแต่เขายังเด็ก แม้ไม่กล้าพูดว่าตัวเองเป็นคนดียึดหมั่นคุณธรรม แต่ชั่วชีวิตฟานซูไม่เคยผิดต่อใคร มองฟ้าไม่อาย เดินไปที่ใดแผ่นหลังเหยียดตรง
ขณะฟานซูทำใจที่จะตาย ตรงหน้าปรากฏหนังสือสีทองลอยขึ้นมาจากพื้น มันเปล่งแสงปรากฏรัศมีอันอัศจรรย์ ราวกับเป็นดวงอาทิตย์ขนาดเล็ก ฟานซูดูอย่างไรหนังสือก็ไม่ใช่สิ่งของที่มนุษย์สร้าง
เมื่อหนังสือประหลาดปรากฏ เลือดที่กลั่นตัวเป็นหยดเล็กๆ จำนวนมากของฟานซู พวกมันลอยพุ่งเข้าไปในหนังสือเล่มนั้นหยดแล้วหยดเล่าอย่างรวดเร็ว
และไม่ช้าแผ่นดินก็สั่นไหว โลกรอบตัวฟานซุเหมือนมันแตกออกได้เป็นชิ้นๆ ถ้ำสีท้องแตกร้าว ฟานซูเหมือนลอยอยู่ในจักรวาล ร่างเขาไร้น้ำหนักช่วงเวลาหนึ่ง เพียงแต่ในไม่ช้าอีกเช่นเดียวกัน ฟานซูรู้สึกได้ว่าร่างกายของเขาพุ่งเร็ว มันเร็วจนสติของฟานซูดับไป
และฟานซูพบว่าเมื่อเขาได้สติ เขามาอยู่ ณ ที่ที่เต็มไปด้วยโขดหิน และต้นไม้สีซีดประหลาดซึ่งมันออกเทาอมเขียว ฟานซูมั่นใจ ต้นไม้ใบหญ้าโลกเก่าของเขาไม่มีสีสั่นประหลาดหม่นหมองแบบนี้แน่นอน
เมื่อสติของฟานซูแจ่มชัดมากขึ้น ในหัวของเขา แม้ฟานซูจะหลับตา
ภาพหนังสือเล่มหนึ่งแจ่มชัด มันให้ความรู้สึกคุ้นเคยกับฟานซูมาก
หากไม่ใช่เพราะเหตุการอัศจรรย์พึ่งเกิดขึ้นกับฟานซูไม่นาน เขาอาจจะไม่คิดเชื่อมโยง ‘หนังสือเล่มเก่าโทรม’ ในหัวกับ ‘หนังสือสีทองที่ราวกับเทพเซียนสร้าง’ เล่มนั้นเด็ดขาด
‘นี่มันอะไร หนังสือเล่นนี้กับหนังสือเซียนสีทองเล่มนั้นที่ข้าเห็นก่อนหมดสติ มันเป็นเล่มเดียวกันใช่ไหม แต่เอ๊ะ! เดี๋ยวก่อน… ทำไมข้าถึงอ่านมันออก มันถูกเขียนด้วยอักษรประหลาดไม่ใช่เหรอ’ ฟานซูพบว่า อักษรที่เขาไม่เข้าใจก่อนหน้าอยู่ๆ เขาอ่านมันออก
‘【คัมภีร์แปรลิขิต】 นี่คือชื่อของมัน’ และทันทีที่ฟานซูเรียกชื่อหนังสือ
พึบพับพึบพับ หน้ากระดาษของคัมภีร์แปรลิขิตพลิกเร็ว อักษรจำนวนมากสีทองลอยออกมาจากหนังสือ มันคล้ายพุ่งเข้าหาตัวฟานซู ทำให้ฟานซูตกใจ
เขาลืมตาขึ้นแต่ก็ยังเห็นอักษรเขานั้นบินพุ่งเข้าหาตัวเขาอยู่ดี ราวกับว่าหลับตาหรือลืมตาก็ไม่ต่างกัน และในไม่ช้า แม้ฟานซูไม่เคยอ่านคัมภีร์แปรลิขิต
แต่เขาก็เข้าใจความสามารถของมัน
【หนึ่ง. อ่านโชคชะตาของผู้คนได้】
【สอง. สะสม ‘กุศลผลบุญ’ และใช้มันเปลี่ยนชะตาตัวเองเสริมโชคลาภ】
【สาม. รับรางวัลจากการพิชิตชะตาอย่างเหมาะสม ในข้อที่สามนี้ฟานซูยังไม่ค่อยเข้าใจมากนัก เขาไม่แน่ใจความหมายของการพิชิตชะตาที่ปรากฏในหัวว่ามันคืออะไร เขาเดาว่ามันอาจจะเป็น ‘ภารกิจ’ หรืออะไรที่ใกล้เคียงกัน】
【สี่. นอกจากการสะสม ‘กุศลผลบุญ’ หนังสือเล่มนี้ยังมีการสะสม ‘โชคลาภ’ ด้วย】
โดยโชคลาภที่สะสมนั้นฟานซูสามารถนำมันเป็นพลังงานของคัมภีร์ในการทำสิ่งอัศจรรย์จนถึงขั้นเรียกว่า ‘ปาฏิหาริย์’ ได้ เพราะว่ามันสามารถขีดเขียนเรื่องราวต่างๆ ให้เป็นไปตามที่ฟานซูต้องการ เพียงแต่ปัญหาเล็กน้อย ไม่สิ ใหญ่มาก
นั่นคือฟานซูต้องมีโชคลาภมากพอ หากโชคลาภไม่พอ ชะตาจะย้อนกลับมาทำร้ายฟานซู จนเขาอาจจะมีจุดจบเลวร้ายยิ่งกว่าตาย นั่นคือหายไปตลอดกาล และไม่อาจจะกลับมาเวียนวัฏฏะเกิดดับได้อีกตลอดกาล พอฟานซูตระหนักรู้เรื่องนี้ในหัวเขาตอนแรกตกใจมาก
เพียงแต่ครู่สั้นเขาก็ทำใจได้
จิตใจของฟานซูค่อนข้างแข็งกว่าคนธรรมดา เพราะใช้ชีวิตยากลำบากตั้งแต่เด็กพร้อมมีสองชีวิตต้องเลี้ยงดู
ในเมื่อตายและไม่อาจหวนคืนได้ เอาเข้าจริงก็ไม่แย่สำหรับฟานซูนัก มันคงเหมือนหลับไปตลอดกาล บางทีนี่อาจจะเป็นบทสรุปที่ทุกคนใฝ่ฝันก็ได้ เพราะหากต้องเกิดใหม่และมีชะตาต้องทุกข์ใจ หรือกลายเป็นเดรัจฉานที่ปัญญาทราม สำหรับฟานซูนี่ก็แย่ไม่ต่างจากตกนรก ซึ่งมันสู้หายไปตลอดกาลไม่ได้ ทางเลือกนี้ดีกว่าเห็นๆ
เมื่อฟานซูหายตกใจคัมภีร์แปรลิขิตก็ทำงานของมันต่อ มันส่งข้อมูลต่างๆ เข้ามาในสำนึกของฟานซูไม่หยุด
และนั่นทำให้ฟานซูรู้ว่า ‘โชคลาภ’ สำคัญสำหรับการใช้คัมภีร์เล่มนี้มาก และรูปแบบการใช้งานมันยังมีนอกเหนือจากการ ‘ลิขิตชะตากรรม’ และ ‘สร้างปาฏิหาริย์’
มันสามารถทำสิ่งเล็กน้อยอื่นๆ โดยใช้ค่าโชคลาภเพียงเล็กน้อย ฟานซูเรียกสิ่งนี้ว่าการ【ดลใจ】
มันไม่ใช่การควบคุมให้คนอื่นทำตามสิ่งที่เราต้องการ แต่คล้ายการ【เป่าหู】หรือจะเรียกว่า【ส่งเสียงจิตไปในหัวของคนอื่น】ก็น่าจะใช้
เสียงที่ฟานซูส่งเข้าไปใจของ【เป้าหมาย】เป้าหมายของฟานซูจะรู้สึกเหมือนกับว่ามันเป็นเสียงของตัวเขาเอง โดยเขาจะทำตามเสียงในใจนี้หรือไม่ก็ได้ วิธีการนี้สามารถใช้กระตุ้นความคิดริเริ่มหรือเหตุการณ์บังเอิญต่างๆ ได้
สุดท้ายฟานซูพบว่าตัวเองมีหน้าที่ต่อ【คัมภีร์แปรลิขิต】เขาต้องหาร【ยกระดับ】มัน
และทุกครั้งที่ฟานซูยกระดับคัมภีร์แปรลิขิตได้ ความสามารถของคัมภีร์ก็จะสูงขึ้น
ดังนั้นตอนนี้ฟานซูจึงกำหนดประโยชน์หลักของ【คัมภีร์แปรลิขิต】เป็นห้าอย่างก่อน
【หนึ่ง.อ่านโชคชะตาของผู้คน】
【สอง.สะสม ‘กุศลผลบุญ’ และใช้มันเปลี่ยนชะตาเสริมโชคลาภ】
【สาม.ทำภารกิจแล้วได้รางวัล】
【สี่.สะสม ‘โชคลาภ’ เพื่อใช้ความสามารถพิเศษของคัมภีร์】
【ห้า.ยกระดับคัมภีร์เพื่อเพิ่มความสามารถวิเศษอื่นๆ ได้】
ความสามารถคัมภีร์แปรลิขิตที่ปรากฏในห้วงสำนึกของฟานซูมีอีกมากมาย แต่ตอนนี้เขาสรุปหน้าที่หลักเพียงห้าข้อก่อน เพราะตอนนี้เขาพบปัญหา
“ต่อให้มันมีความสามารถพิเศษมากมาย แต่ตอนนี้สภาพข้า หึหึ…” เสียงแห่บพร่าไร้เรี่ยวของฟานซูดัง ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนจะตายให้ได้ แบบนี้จะมีกะจิตกะใจจะทำอะไร ต่อให้มีของวิเศษ แต่เขาซึ่งเป็นคนใกล้ตายจะใช้มันได้เหรอ
เพียงแต่เมื่อคัมภีร์แปรลิขิตส่งความรู้พื้นฐานให้ฟานซูจบ
คัมภีร์ในห้วงสำนึกของฟานซูเปล่งแสง…