“อริยะ” ตำนานผู้พิชิตสามโลก
เรื่องย่อย
อริยะชายหนุ่มที่แสนรอบคอบและปรารถนาชีวิตที่แสนธรรมดา แต่ดัดเป็นคนดวงซวยในระดับน่าตกใจ
แน่นอนในวัยเด็กเขาก็เหมือนกับเพื่อนๆ ในโลกใบนี้ ที่ต้องการจะเป็น ‘ผู้วิเศษ’ และกลายเป็นผู้พิชิตดินแดนที่ไม่อาจจะก้าวข้าม
แต่เมื่อเขาเติบโตขึ้นเขาก็ตัดใจซะแล้วละ… เพราะเขากลัวว่าความโชคร้ายของตัวเองจะทำให้เขายังไม่ทันได้พิชิตดินแดนไหนๆ แต่ก็ต้องตายเสียก่อน
แต่แล้วเมื่อปี 1044 เขตปลอดภัยเกิดการบุกของกองทัพสัตว์อสูรข้ามมิติ ผู้ชายทุกคนที่อายุ 18 ปี จะต้องถูกเกณฑ์เป็นทหาร
และความซวยของอริยะก็แผลงฤทธิ์อีกครั้ง โดยทั่วไปการเกณฑ์ทหารนั้นจะตัดอายุการเกณฑ์กันที่วันที่ 01 เดือน 1 ของทุกปี
แต่ในปีนี้เดือนกับถูกขยับเป็นเดือนที่ 2
อริยะที่เกิดวันที่ 31 เดือน 1 จึงจำต้องไปเกณฑ์ทหาร แต่ถึงอย่างนั้นความซวยซ้ำซ้อนของเขาก็ยังไม่จบลง เมื่อทหารเกณฑ์มาใหม่ทั่วไปจะต้องถูกฝึกอย่างน้อยๆ 30 วัน ก่อนถูกส่งเข้าภาคสนาม
แต่เมื่ออริยะไปถึงเขาก็พบว่าหน่วยฝึกทหารเกณฑ์ของเขาเกิดปัญหา เขาถูกส่งตัวไปภาคสนามทันที แต่อริยะก็ยังพอเบาใจ ที่หน่วยที่เขาถูกส่งไปคือหน่วยแพทย์ แน่นอนมันควรเป็นแค่การดูแลคนป่วย
เพียงแต่ว่าทันทีที่เขาไปถึงกองทัพแมลงอสูรก็บุกตีมาถึงหน่วยรักษา อริยะรอดชีวิตราวปาฏิหาริย์ ก่อนจะได้รับเกียรติจากการช่วยผู้รอดชีวิต
เขาถูกเลื่อนตำแหน่งจากพลทหารเป็นนายสิบและถูกย้ายไปยังพลลำเลียง ไม่น่าเชื่ออีกเช่นกัน เมื่อเขาไปถึงพลลำเลียงเหล่านายทหารต่างๆ ก็อยู่ในสภาพหน้าซีดและสิ้นหวัง นั่นเพราะว่า หน่วยแนวหน้าได้ขอกำลังคนจากหน่วยเสบียง และแน่นอนว่าผู้โชคดีที่จะถูกส่งไปแนวหน้าจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากอริยะที่ยังแทบไม่เคยจับปืนสนามแม่เหล็ก นอกจากนั้นยังไม่เคยฝึกยุทธวิธีและการขี่หุ่นรบ
อริยะได้ไปสู่แนวหน้าแล้ว
และทันทีที่อริยะก้าวเท้าไปถึงแนวหน้าก้นของตัวมันยังไม่ทันร้อน กองทัพแมลงอสูรมากกว่าล้านตัวก็ได้บุกป้อมแนวหน้า เสียงระเบิดและห่ากระสุนดังไม่หยุด อริยะแทบไม่มีเวลาจะได้รายงานตัวกับหัวหน้าเลยว่าตัวมันเองนั้นยังไม่เคยจับปืน ไม่เคยขี่หุ่นรบ แม้แต่ชุดเกราะเหล็กของทหารก็ยังไม่เคยใส่ แต่ก็นั่นแหละไม่มีใครฟังอริยะเลยสักคน อริยะถูกจับบรรจุเข้าหน่วยป้อมปืน
และเป็นอีกครั้งที่อริยะยังไม่ทันได้จับปืน แมลงอสูรได้ยิงคลื่นแสงจากปากของมันมาที่ป้อมปืน แรงระเบิดดังสนั่น อริยะที่ยังไม่ทันขึ้นไปที่ป้อมปืนดี ถูกเศษหินอาคารถล่มปิดทาง เลือดของเพื่อนทหารชุ่มร่างของมัน 7 วันผ่านไปที่นี่ไม่มีใครเหลือรอดสักคน นอกจากอริยะที่อยู่ใต้ซากหิน วันที่ 7 ด้วยความหิวอริยะตัดสินใจคลานออกมากจากเศษซาก ไม่ใช่เพราะใจกล้าหรือต้องการไปท้าทายเหล่าแมลงอสูร หากแต่เพราะท้องหิวและไม่ได้กินอะไรเลยมาเกือบ 7 วัน
อริยะรู้ตัวมันไม่ใช่ผู้วิเศษ ดังนั้นหากไม่หาอะไรกินเกรงว่าหน้าพ่อหน้าแม่คงไม่ได้เห็นอีกแล้ว และเมื่ออริยะคลานออกมาจากเศษซากได้สำเร็จ มันก็พบว่ารอบป้อมปราการเหลือแต่เศษซาก ทั้งแมลงอสูรและเหล่าพี่น้องทหาร ทุกคนตายกันจนหมด บ้างตายทั้งๆ ที่อยู่ในป้อมปืนและรถถัง บางร่างขาดครึ่ง สภาพโดยรอบราวกับฉากหนังวันสิ้นโลก
อริยะเหนื่อยอ่อนและมันต้องการนั่งพัก หากแต่ในขณะนั้นเอง ตอนที่อริยะเลือกจะปีนไปบนซากแมลงยักษ์เพื่อนั่งพักและมองสำรวจว่ามีอะไรที่มันจะกินได้รึเปล่า เสียงเครื่องบินพลังงานพลาสม่าก็ดังก้องบนท้องฟ้า
และในเวลานั้นเองคล้ายมีแสงไฟฉายมาที่มัน แฉะๆๆๆ เสียงกดชัตเตอร์และแฟลชดังรัว อริยะมึนงง
แต่ด้วยการเป็นผู้เหลือรอดคนเดียวขอป้อมเหล็กที่แนวหน้า และด้วยสภาพเลือดชุ่มกาย อริยะราวกับกลายเป็นวีรบุรุษ
เด็กหนุ่มเช่นมันต้องการชี้แจงและพูดความจริง… แต่กลับไม่มีใครฟังมัน 3 วันต่อมาอริยะถูกเลื่อนยศเป็นร้อยตรีพร้อมถูกส่งไปเป็นทหารประจำหน่วยนักรบเหล็กที่ 89 มันคือหน่วยรบของเหล่านายทหารที่มากประสบการณ์ เป็นนักรบแนวหน้าอย่างแท้จริง
อริยะไม่ดีใจเลยซักนิด วันต่อมามันก็ได้เข้ามาประจำการที่หน่วยนักรบเหล็ก
ที่นี่ทุกคนคือผู้มีประสบการณ์ ทุกคนพูดน้อย และใช้เวลาส่วนใหญ่เพื่อการเตรียมตัวเข้าสู่สนามรบ เพียงแค่สบตาอริยะก็รับรู้ได้ว่าที่ตรงนี้แมร่งมีแต่พวกฆาตกร
อริยะที่เป็นทหารหนุ่มไร้ประสบการณ์แม้แต่การใช้ปืนสนามแม่เหล็ก ตอนนี้มันต้องการใครสักคนสอนมันโดยด่วน
แต่ไม่น่าเชื่อที่แนวหน้านี้ไม่มีใครคิดจะสอนมันเลย ตี 1 ทุกคนเอาแต่ตรวจเช็คและขัดถูกอุปกรณ์รบของตัวเอง นั่นเพราะทุกคนคือมืออาชีพ ไม่มีใครสนใจใคร อริยะเด็กหนุ่มต้องการคำแนะนำอย่างรุนแรง
หน่วยนักรบเหล็กที่ 89 หลังจากที่อริยะมาถึงได้เพียง 8 ชั่วโมง มันยังไม่ทันได้นอนหลับเต็มอิ่ม หน่วย 89 ได้ถูกแจ้งเตือนพร้อมสั่งให้ไปทำภารกิจด่วนที่มีระดับความอันตราย B30 ( 30 หลังอักษร B คือการคาดการผู้เสียชีวิตที่ 30% ของการทำภาระกิจ )
อริยะถูกเรียกรวมพลมันได้สวมเกราะเหล็กครั้งแรกในชีวิต พร้อมขึ้นสู่เฮลิคอปเตอร์ นายทหารหน่วย 89 คนแล้วคนเล่ากระโดดลงจากเฮลิคอปเตอร์ ก่อนจะเปิดใช้เครื่องพ่นพลาสม่า ชะลอการตกสู่พื้น ตลอดการโรยตัวสู่พื้นเหล่านายทหารหน่วย 89 ต้องยิงถล่มเหล่าแมลงอสูรบัดซบด้านล่างไปพร้อมๆ กัน
ตอนนั้นอริยะกรีดร้อง มันไม่ต้องการกระโดดลงจากเฮลิคอปเตอร์เด็ดขาด นั่นเพราะนอกจากความกลัวตายแล้ว มันไม่มีความรู้ในการใช้เกราะเหล็ก และแน่นอนด้วยความที่สวมเกราะเหล็กครั้งแรก มันใช้งานระบบพลาสม่าที่ใช้ช่วยในการโรยตัวไม่เป็น ไม่มีใครคิดจะฟังสิ่งที่อริยะพูด
อริยะถูกปล่อยตัวจากเฮลิคอปเตอร์ ด้วยความที่มันใช้ระบบพลาสม่าไม่เป็น ร่างมันกำลังทิ้งดิ่ง แต่ในขณะนั้นเอง ใต้พื้นดิน อสูรแมลงยักษ์ที่ใหญ่เทียบเท่าตึก 10 ชั้นก็โผล่ออกมาจากพื้นดินจำนวนมาก พวกมันกรีดร้องอ้าปากกว้าง ร่างของอริยะลอยตัวเข้าไปในปากมันทันที
สิ่งเดียวที่ทำให้อริยะรู้สึกว่าตัวเองโชคดีคือมันไม่ตายด้วยการทิ้งดิ่ง แต่กำลังจะตายด้วยการถูกย่อยด้วยน้ำย่อยแทน
ในโลกอันมืดมิดอริยะราวกับอยู่ในรถไฟเหาะ ในกระเพาะของแมลงอสูร
โดยที่อริยะไม่รู้ตัวแนวรบของมันตอนนี้ถูกยกระดับความอันตรายจาก B30 เข้าสู่ระดับ A90 ทันที และด้วยการส่งระดับผู้ทำภารกิจไม่สมดุลกับความยาก เหล่านายพลต่างตัดสินใจว่าภารกิจนี้ไม่มีใครรอดชีวิต
การกวาดล้างด้วยระเบิดนิวเคลียร์บริสุทธิ์จึงถูกใช้
และเมื่อการจุดระเบิดเริ่มต้นขึ้น อริยะในร่างแมลงอสูรก็ร้อนผ่าว โชคดีชุดเกราะรบสมัยใหม่มีระบบช่วยระบายความร้อนและรักษาความเย็นในชุดเกราะเหล็ก
และนอกจากนั้นด้วยร่างกายที่หนาผิดปกติของแมลงอสูรอริยะรอดยังกับปาฏิหาริย์อีกครั้ง เกราะ เนื้อและเลือดของแมลงเป็นตัวช่วยที่ทำให้อริยะรอดชีวิต
3 วันผ่านไปหน่วยเก็บซากมาถึง และเมื่อพวกเขามาถึงก็พบว่ามีสัญญาณชีพของนายทหารคนหนึ่งที่เหลือรอด ผ่านการส่งสัญญาณจากเกราะเหล็กที่ทันสมัย
อริยะรอดตายอีกครั้ง และในไม่ช้าสงครามระหว่างมนุษย์และเหล่าแมลงอสูรก็จบลง อริยะด้วยความที่เป็นผู้เหลือรอดคนเดียวของหน่วยนักรบเหล็กที่ 89 เขาได้เลื่อนยศอีกครั้งถึง 2 ขั้นกลายเป็นร้อยเอก ของกองทัพรักษาทวีปเซลเดีย
และด้วยความที่เขาอายุยังน้อย นอกจากนั้นก็อยู่ในวัยศึกษาเขาจึงได้ถูกเสนอชื่อให้เข้าสู่สถาบันผู้วิเศษอันดับหนึ่งของทวีปเซลเดีย ‘กราสนิสตรัช’ หรือที่รู้จักกันในนามวิทยาลัยผู้พิทักษ์สีชาด
อริยะได้รับโอกาสในการเป็นผู้วิเศษอย่างไม่คาดฝันและด้วยการมาที่นี่เขาจึงสามารถได้รับพลังวิเศษ 3 อย่างทันที โดยที่ไม่ต้องใช้เงินของตัวเอง อริยะดีใจและคิดว่านี่คือวาสนาของตัวเอง
แต่สิ่งหนึ่งที่อริยะไม่รู้ ณ ที่แห่งนี้มีคนไม่ชอบใจตัวมันตั้งแต่แรกเจอ เพราะในหน่วยนักรบเหล็กที่ 89 มีหญิงสาวที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและเกียรติยศ เธอมีพี่ชายอยู่ที่นั่น และเขาไม่ได้กลับมา แต่กลับเป็นไอ้โง่คนหนึ่งที่รอดชีวิต เธอไม่พอใจและด้วยความที่แฟนหนุ่มของเธอเป็นคนพิเศษที่วิทยาลัยผู้วิเศษกราสนิสตรัช
เธอจึงได้กลั่นแกล้งอริยะโดยการเลือกพลังวิเศษที่ไม่มีใครเอามานับร้อยปีให้อริยะ
.
.
.
“อะไรนะความสามารถแรกของผมคือขโมยงั้นเหรอ งั้นก็เยี่ยมเลยสิ อย่างน้อยๆ เวลาเจอกับศัตรู อย่างน้อยผมก็ปลดอาวุธมันได้อย่างน้อยหนึ่งชิ้นสินะ” อริยะพูดด้วยความดีใจ มันคุ้นเคยความสามารถขโมยของผู้วิเศษคนอื่นๆ อยู่บ้างจากการอ่านสารนุกลม
“ขอโทษนะพ่อหนุ่ม ความสามารถของเธอคือขโมยก็จริง แต่ว่ามันเป็นความสามารถขโมยที่ประหลาดซักหน่อย”
อริยะมึนงงเล็กน้อย
“จะให้พูดยังไงดีละมันเป็นความสามารถแบบติดตัวที่จะถูกใช้โดยสุ่ม ไม่มีใครรู้เลยว่าความสามารถนี้จะถูกใช้เมื่อไหร่หรือว่าตอนไหน นอกจากนั้นก็ไม่มีทางรู้เช่นกันว่ามันจะขโมยอะไร”
“…” อริยะเงียบกริบกับความสามารถแรกของตัวเอง
.
.
.
โชคดีที่ในผู้เริ่มต้นเป็นผู้วิเศษสามารถมีพลังวิเศษได้ถึง 3 อย่าง อริยะปลอบใจตัวเอง อันหนึ่งอาจจะแย่ไปหน่อยแต่ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยๆ ก็ได้มันมาฟรี อริยะปลอบใจตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะถามท่านอาจารย์ผู้วิเศษถึงความสามารถที่สองของตัวเอง
“พ่อหนุ่มความสามารถพิเศษที่ 2 ของเธอคือการหลับ”
ตอนนี้สายตาของอริยะเป็นประกายอีกแล้ว มันรู้สึกว่าได้รับความสามารถที่หายากมากๆ เพราะการทำให้ศัตรูหลับนับว่าเป็นอาวุธชั้นยอด แม้แต่การหลับแม้เพียง 1 วินาทีก็สามารถทำให้มันสามารถใช้ปืนสนามแม่เหล็กยิงอีกฝ่ายที่ไม่เคลื่อนไหวได้อย่างแม่นยำ นอกจากนั้นว่ากันว่าความสามารถหลับนี้เป็นที่นิยมของผู้วิเศษระดับปรมาจารย์หลายๆ ท่านอีกด้วย
แต่ในขณะที่ดวงตาของอริยะส่องประกายด้วยความคิดเกี่ยวกับความสามารถของตัวเองอยู่นั้น ท่านอาจารย์ผู้วิเศษก็พูดอะไรบางอย่าง โลกของอริยะกลายเป็นเงียบงันและอึมครึมยิ่งกว่าเดิม
“เอ่อคือว่านะพ่อหนุ่ม ความสามารถในการหลับของเจ้านั้นใช้ได้แค่กับตัวเองเท่านั้น มันใช้กับคนอื่นไม่ได้”
“…”
โลกของอริยะเงียบกริบ หัวใจของอริยะคล้ายกำลังจะแตกร้าวเป็นเสี่ยงๆ ปกติมันก็เป็นคนนอนหลับง่ายอยู่แล้ว แล้วมันจะเอาความสามารถในการนอนหลับมาทำไม มีผู้วิเศษคนไหนในโลกนี้กล้าบอกว่าความสามารถของตัวเองคือการนอนหลับอย่างสนิทบ้าง… อริยะสุดทนได้แต่สบถคำหยาบกับตัวเองในใจ มันกำหมัดแน่นมองจ้องท่านอาจารย์ผู้วิเศษ พร้อมอยากจะด่าพ่อล่อแม่คนที่เลือกพลังวิเศษให้มันจริงๆ
แต่สุดท้ายมันก็ได้แต่ถอนหายใจ การเป็นผู้วิเศษไม่ใช่เรื่องง่าย คนยากจนไร้พรสวรรค์เช่นมันได้พลังวิเศษมาก็นับว่าปาฏิหาริย์แล้ว มันปลอบใจตัวเองอีกครั้ง
พร้อมกับคาดหวังกับพลังวิเศษสุดท้ายของมันจริงๆ อย่างน้อยๆ ความสามารถที่ 3 ก็ควรเป็นความสามารถที่จะช่วยชีวิตหรือเอาตัวรอดได้เป็นอย่างน้อย
ว่ากันว่าในสถาบันระดับสูง ไม่ต้องพูดถึงสถาบันอันดับหนึ่งของทวีป การมอบความสามารถพิเศษ 3 อย่างแก่ผู้เริ่มต้นมักมีการเลือกให้อย่างสมดุล
– [หนึ่ง.โจมตี] – – [สอง.ป้องกัน] – – [สาม.หลบหนี หรือ ความสามารถพิเศษ] – นี่คือพื้นฐานของการเลือกพลังวิเศษ 3 อย่างแรกของผู้วิเศษทั่วไป ส่วนของอริยะตอนนี้ 2 ใน 3 ดูเหมือนมีแต่พวกความสามารถพิเศษ ไม่มีการโจมตี ป้องกันและหลบหนีเลยแม้แต่อันเดียว ดังนั้นอันที่สามนี้คือสิ่งที่มันคาดหวังที่สุด
อาจจะเพราะสายตาที่จริงจังและดูน่าเวทนา ท่านอาจารย์ผู้วิเศษจึงทำคล้ายจะชวนอริยะคุย
“เอ่อ… เอ่อคือว่าพ่อหนุ่ม เจ้าปกติเลือกกินหรือเปล่า”
อริยะรีบส่ายหน้าเวลาแบบนี้ทำไมท่านอาจารย์ถึงมาพูดอะไรแบบนี้ หรือต้องการจะปลอบใจมันและชวนกินข้าวกลางวัน แต่ช่างเถอะนี่มันไม่ใช่เวลาจะสนใจเรื่องกินสักหน่อย มันจึงตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“ปกติผมเป็นคนไม่เลือกกินครับท่านอาจารย์ แต่ท่านอาจารย์ความสามารถพิเศษอย่างสุดท้ายของผมคืออะไรกันช่วยรีบบอกผมที ได้โปรด…”
“กินอะไรก็อร่อย และกินมากกว่าปกติ 3 เท่า มันคือความสามารถพิเศษของเจ้า ‘ชอบกิน’ หนะพ่อหนุ่ม เจ้าโชคดีจริงๆ ได้พลังวิเศษแต่ละอย่างที่ไม่เหมือนใครนับว่าเป็นพลังวิเศษแบบยูนีคจริงๆ อาจารย์เชื่อแน่นว่าไม่มีผู้วิเศษคนใดในวิทยาลัยผู้วิเศษแห่งนี้ หรืออาจจะทั้งโลกที่จัดพลังวิเศษ 3 พลังแรกแบบเจ้าแน่นอน”
พูดจบท่านอาจารย์ผู้วิเศษก็ขอตัวทิ้งอริยะให้ยืนอึ้งตัวแข็งอยู่คนเดียว
ขโมย นอน กิน คือ 3 ความสามารถพิเศษของอริยะ… ผู้ได้ก้าวเท้าก้าวแรกสู่โลกแห่งผู้วิเศษ