Skip to main content
ศาลเทพสวรรค์

ศาลเทพสวรรค์ ตอนที่ 306 : ชื่อท่าเท่ๆ

By 28/06/2022มิถุนายน 29th, 2022No Comments

‘ฉินไท่ชอบเด็กตัวเล็กๆ น่ารักน่ารักเหมือนบิดามันนี่เอง…’ ฉินเทียนยิ้มมีความสุขเมื่อพบว่าบุตรชายแม้จะไม่ได้มีส่วนได้หน้าตาคล้ายบิดาคนนี้เลยสักนิด หากแต่ก็อาจจะนะอาจจะ มีนิสัยบางอย่างเหมือนตัวมันทำให้ฉินเทียนคล้ายปลื้มใจ เพราะในบรรดาลูกน้อยทุกคนฉินไท่นับว่าห่างเหินกับบิดาคนนี้มากที่สุด

ราวกับว่าอยู่กับบุตรชายที่อายุวัย 40 ปี ที่ผ่านวัยสดใส หากแต่ก็เป็นประเภทมองตารู้ใจ ฉินไท่เด็กน้อยมีความกตัญญูต่อบิดา หากแต่การแสดงออกกับเป็นไปแบบแข็งถึบไม่อบอุ่นสดใสเหมือนลูกน้อยคนอื่นๆ ของมัน

สิ่งนี้ทำให้ฉินเทียนเป็นห่วงฉินไท่เสมอ หากแต่ตอนนี้พอรู้ว่าฉินไท่มีมุมที่ชอบเด็กตัวเล็กๆ แบบนี้ ฉินเทียนคิดว่าต่อไปน่าจะหาโอกาสให้ฉินไท่มีเพื่อนๆ เป็นเด็กเล็กมากอีกเสียหน่อย อย่างน้อยๆ แม้ภายนอกฉินไท่จะคล้ายเด็กหนุ่มวัย 13 14 ปีแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ยังนับว่าถือกำเนิดได้ไม่ถึงขวบปีดี ช่างน่าสงสาร

.

.

.

“เทพมารนิรันดร์…” สิ้นคำนี้ของมหาเทวะปรมัตถ์มารร่างกายของฉินไท่ก็ขยาย มันคือร่างเทวะสำแดงปรากฏเป็นบุรุษรูปงามเหนือโลกนัยน์ตาราวกับมีดาราพร่างพราวหาที่สิ้นสุดไม่ได้ ด้านหลังบุรุษผู้นี้คล้ายปรากฏหัตถ์วิญญาณสีทมิฬอยู่ด้านหลัง 4 หัตถ์ โดยที่แต่ละหัตถ์นั้นคล้ายมี ดวงแก้วสีต่างกันอยู่ในมือ อัdขระอันลึกลับรายล้อม คล้ายบ่งบอกว่านี่คืออำนาจเหนือกฏที่มีเฉพาะเทพมารนิรันดร์เท่านั้นที่ครอบครองอยู่

และในไม่ช้าคังสื่อหวางมหาเทวะปรมัตถ์มารก็หัวเราะเสียงดัง แม้จะอยู่ในความตกใจในครู่สั้น นั่นเพราะตราสัญลักษณ์วิญญาณแห่งเทพมารนิรันดร์นั้น ยังอยู่ในขอบเขตที่… ออกจะต่ำทรามเกินไป

ว่ากันว่า หากเทพมารนิรันดร์ตื่นขึ้นราชันย์สวรรค์ย่อมไม่สามารถต่อต้าน มหาฤทธิ์แห่งมันเทียบเท่ามหาเทวะปรมัตถ์โดยกำเนิด แม้จะครองตบะแห่งราชันย์สวรรค์ หากแต่ตอนนี้เทพมารนิรันดร์ตรงหน้ากับเป็นเพียงเทวะอัศจรรย์ สิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร

มันย่อมหมายความว่าคังสื่อหวางตัวมันมีโอกาสครอบครองในสิ่งที่ผู้ใดไม่เคยได้รับ ไม่ว่าจะโลหิต แก่นวิญญาณ หรือแม้แต่เส้นชีพจรวิญญาณของเทพมารนิรันดร์

ไม่ต้องคิดนึกว่าจะเยี่ยมยอดเพียงไหน แม้เมื่อได้ร่างแห่งเทพมารนิรันดร์ตัวน้อยมาแล้วใช้พิธีกรรมเชื่อมโยงกับกายวิญญาณของตัวเองอาจจะได้ผลเพียงส่วนน้อย

หากแต่คังสื่อหวางมหาเทวะปรมัตถ์มารมันก็มั่นใจว่า ด้วยเลือกเนื้อของไอ้เด็กน้อยเส้นทางบำเพ็ญสู่จักรพรรดิสวรรค์ของมันในไม่ช้าย่อม…

“ในที่สุด ในที่สุดไม่น่าเชื่อ เส้นทางแห่งจักรพรรดิสวรรค์ที่ข้าตามหามาเนิ่นนานไม่น่าเชื่อว่าจะอยู่ที่นี่ ไอ้เด็กน้อย ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเกิดมาได้อย่างไร หากแต่เลือดเนื้อ แก่นวิญญาณและเส้นชีพจรของเจ้าคือสิ่งที่ข้าปรารถนาเหลือเกิน ดูท่าร่างวิญญาณดอกบัวจะไม่จำอีกอีกต่อไปหากข้ามีเจ้า ถ้าตอนนี้เจ้าคือราชันย์สวรรค์ ข้าอาจจะเกรงกลัวอยู่บ้าง หากแต่ตอนนี้เจ้ากลับ… หึหึ”

คังสื่อหวางมันสำแดงร่างมหาเทวะมารแห่งตน ร่างมารที่ผอมแห้ง นัยน์ตากลวงโบ๋ แต่คล้ายมีดวงธาตุสีเขียวส่องสว่างอยู่ภายใน รอบกายมีเหล่าวิญญาณโหยล้อมกายคล้ายแพรพัน หากผู้สามัญที่เป็นเทวะระดับต่ำเห็นคงต้องเสียวสันหลังสั่นสะท้านไม่น้อย

นอกจากนั้นตอนนี้ดูเหมือนว่า มหาเทวะปรมัตถ์มารผู้นี้จะเอาจริงแล้ว ด้านหลังแห่งมันปรากฏสมบัติสวรรค์ ออกมาถึงสี่ชิ้นในทันที

องค์ชายอสูรเห็นแบบนี้ถึงกับตกตะลึงนั่นเพราะสมบัติวิเศษเหล่านี้ ต่างเป็นสมบัติสวรรค์ที่มีชื่อ ที่ถูกบันทึกไว้ในธรรมเนียมยอดสมบัติสวรรค์

“นี่มัน… สมบัติสวรรค์มีชื่อทั้งหมดเลยรึ… กระพรวนเทพคร่าวิญญาณ ร่มเทพมารลืมทุกข์ เกราะอสูรหน้าผี ม้วนภาพสามภพ…”

ซ่งไหลไหลเห็นองค์ชายอสูรพูดเช่นนี้นางก็หันเหลียวพร้อมอดกล่าวถามไม่ได้

“เทียนไป๋ที่เจ้าพูดมันหมายความว่าอย่าง”

“เจ้าพูดกับข้าแล้วรึ” หวังเทียนไป๋มันยิ้ม ทำหน้าสตรีของซ่งไหลไหลเขินอายแล้ว หากแต่ไม่ช้านางก็จำต้องรีบพูดกล่าว เพราะนิมันใช่เวลารึ ที่จะมาทำอะไรแบบนี้

ไม่ช้าหวังเทียนไป๋ก็กล่าววาจาอย่างรีบเร่งแล้ว

“กระพรวนเทพคร่าวิญญาณ แต่เดิมคือกระพรวนเทพสั่ง เป็นสมบัติสวรรค์ที่สร้างขึ้นเพื่อปลอมขวัญเหล่าดวงวิญญาณจากร้อยภพภูมิที่โศกเศร้า และชี้นำให้ไปสู่สุคติ มันถือกำเนิดจากมหาเทวะผู้ถือคุณธรรม หากแต่เมื่อกาลเวลาล่วงผ่าน ด้วยอำนาจกฎอันยิ่งใหญ่ที่มันสามารถบัญชาได้แม้แต่ดวงจิตแห่งมหาเทวะปรมัตถ์ ทำให้ในยุคบรรพกาลมีผู้นำมันไปใช้ในทางไม่ควร เพราะเอาไปเก็บเกี่ยวดวงวิญญาณ เปลี่ยนผู้วายชนม์เป็นคล้ายอาวุธสังหาร หรือนำเป็นเครื่องคุมวิญญาณไปบูชาในการสร้างคำสาปหรือประกอบพิธีที่เกี่ยวกับเหล่าดวงวิญญาณ ยิ่งต้องการดวงวิญญาณแห่งเหล่าผู้บำเพ็ญระดับสูง ของสิ่งนี้นับว่าจำเป็นยิ่งในการใช้ควบคุมเหล่าดวงวิญญาณ ว่ากันว่าดวงจิตมหาเทวะปรมัตถ์เมื่ออยู่ภายใต้อำนาจกระพรวนคร่าวิญญาณก็ไม่ต่างจากสัตว์เลี้ยงเอาไว้ใช้งาน”

“ส่วนร่มเทพมารลืมทุกข์นั้น มีอำนาจในการกดข่มตบะและระดับบำเพ็ญอย่างสูงยิ่ง ในมหาศึกใดๆ หากปรากฏผู้ใช้ร่มลืมทุกข์ฝั่งนั้นย่อมมีเปรียบหลายเท่านัก เพราะลดตบะบำเพ็ญฝั่งตรงข้ามได้ 1 ถึง 2 ใน 10 ทันที นอกจากนั้นร่มลืมทุกข์ยังมีอำนาจกัดกร่อนจิตใจให้อยู่ให้ห้วงเพ้อฝัน หากจิตใจผู้ใดไม่กล้าแข็งก็จะล่องลอยอยู่ในโลกไร้ทุกข์ อันเป็นโลกกึ่งฝัน ที่ทำให้แม้ตายและด้วยวิญญาณสลาย ก็ยังไม่รู้ตัวว่าเป็นผู้วายชนม์ นอกจากนั้นเกราะอสูรหน้าผีนี้ก็แสนน่ากลัว เพราะหากมีเกราะนี้อยู่พร้อมพลังวิญญาณเพียงพอ พลังฤทธิ์ของผู้ครอบครองก็คล้ายไร้ที่สิ้นสุด หาก ณ ที่แห่งนั้นมีดวงวิญญาณอันกล้าแข็งจำนวนมาก มันเปลี่ยนดวงวิญญาณของทุกคนให้กลายเป็นตบะแห่งนายของมัน พร้อมทำให้ร่างเนื้อและร่างวิญญาณแห่งผู้เป็นนายก่อกำเนิดใหม่ได้อย่างไร้ที่สิ้นสุด นอกจากนั้นสิ่งที่น่าหวาดกลัวที่สุดก็คือ หลังจากเกราะอสูรหน้าผีกลืนดวงจิตใดๆ เข้าไป แม้มันพวกนั้นจะตายและกายแตกดับ หากแต่ตราบใดที่สมบัติชิ้นนี้ไม่แตกสลาย หรือผู้เป็นนายไม่ปลดปล่อยดวงวิญญาณภายในก็จะตกอยู่ในบัญชาแห่งผู้เป็นนายของเกราะอสูรหน้าผีนี้ตลอดกาล”

“ส่วนม้วนภาพสามภพนี่ยิ่งน่ากลัวเป็นที่สุด นั่นเพราะ มันสามารถหยิบยืมพลังของตัวตนที่เหนือยิ่งกว่าตัวเจ้าของออกมาได้พร้อมควบคุม หากคนผู้นั้นได้หยดเลือดหรือทำพันธสัญญากับม้วนภาพ ว่ากันว่าเคยมีผู้ดึงร่างเทพอสูรจากบรรพกาลที่มีขอบเขตอำนาจแห่งจักรพรรดิสวรรค์ออกมาจากม้วนภาพนี้ได้ด้วย ทำเอาผู้คนตกตะลึง จนจัดมันอยู่ในธรรมเนียม 1 ใน 1000 ยอดเทวะสมบัติสูงสุด”

สีหน้าของสตรีแซ่ซ่งตอนนี้ดูไม่ดีแล้ว

“เทียนไป๋หากเป็นเช่นนี้พวกเรา…”

“หากมหาเทวะมารตนนี้มันดึงเทวะบรรพกาลออกจากม้วนภาพสำเร็จ เกรงว่าพวกเราจะมีชะตาที่แม้ตายยังดีเสียกว่าอยู่ หากแต่การจะดึงสิ่งใดออกจากม้วนภาพสามภพได้จำเป็นต้องมีการสังเวยดวงวิญญาณเสียก่อน ดังนั้น…”

“!!!ดังนั้นอะไรเทียนไป๋”

“โอกาสของพวกเรามีเพียงแค่ต้องลงมือจัดการมันก่อนที่มันจะทำสำเร็จเท่านั้น”

คังสื่อหวางได้ยินเสียงสองตัวตนเล็กจ๋อยมันก็หัวเราะไม่หยุด พร้อมทำมือม้วนปลดปล่อยดวงวิญญาณที่สะสมอยู่รอบร่าง บัญชาให้พวกมันไหลเข้าสู่ม้วนภาพสามภพอย่างรวดเร็ว

“ฮะฮาฮา ไอ้เด็กน้อย นับว่าเจ้ามีความรู้ ใช่แล้ว ใช่แล้ว หากข้าดึงตัวตนแห่งบรรพกาลออกมาได้ ณ ที่นี้ก็ไม่มีใครต้านข้าได้ ฮะฮาฮา ตอนแรกข้าก็ไม่คิดจะใช้สิ่งนี้ แต่ช่วยไม่ได้ ตรงหน้าข้าคือเทพมารผู้ครองสายโลหิตเทพมารนิรันดร์ อันเป็นตำนานแห่งยุคสมัย แม้ข้าจะเหนือล้ำกว่ามัน และก็มั่นใจยิ่ง แต่ข้าก็ไม่คิดประมาท เพราะด้วยเจ้าเทพมารนิรันดร์ที่เยาว์วัยตนนี้ มันจะทำให้ข้าได้กลายเป็นจักรพรรดิสวรรค์ผู้หนึ่งได้สำเร็จ และเพราะแบบนี้ ข้าก็พร้อมจะทุ่มเททุกสิ่งเพื่อเจ้า ตอนนี้สำหรับข้า กล่องเก้ากลับตาลปัตรนับว่าไม่มีค่าอันใดอีกแล้ว”

ฉินไท่ตอนนี้แอบสีหน้าเคร่งเครียดไม่น้อย มันกับดาบฉยงฉีตวัดฟันครั้งแล้วครั้งเล่า

ในขณะที่คังสื่อหวางดึงมวลเหล่าดวงวิญญาณเข้าสู่ภาพวาดสามภพ

หากแต่คลื่นดาบที่ตัดได้แม้แต่ห้วงมิติและกาลเวลาของฉินไท่ตอนนี้กลับกลายเป็นภาพพร่ามัว ก่อนถึงตัวของคังสื่อหวาง นั่นเพราะก่อนคลื่นดาบจะถึงตัวเกราะอสูรหน้าผีมันก็กรีดร้อง ห้วงมิติก็คล้ายบิดเบี้ยวไปมา พลังฤทธาแห่งดาบของฉินไท่ที่มีอำนาจแห่งมิติก็คล้ายบิดเบี้ยวก่อนจะดับสลายไป ราวกับไม่มีอะไรเกินขึ้น

จากนั้นในไม่ช้า หัตถ์วิญญาณแห่งร่างมารของฉินไท่ ก็คล้ายจะระเบิดออก พวกมันทอแสงแห่งอำนาจ คล้ายเป็นรอยแตกร้าวไปทั่วแขน จากนั้นก็บรรจบร่วมกัน ปรากฏเป็นคลื่นมหาฤทธิ์ที่มีอานุภาพดับห้วงจักรวาลได้

คังสื่อหวางเห็นเช่นนี้ก็ยิ้ม “ไม่เลวเจ้าทำได้ดีกว่าที่ข้าคิดจริงๆ” คลื่นพลังทำลายล้างร่างเทวะมารสำแดงของคังสื่อหวางขนาดล้านล้านจั้ง เกิดไปรูกลวงโบ๋ หากแต่มันกลับ… ไม่สามารถสังหารคังสื่อหวางได้อย่างแท้จริง

ร่างเทวะสำแดงแห่งคังสื่อหวางค่อยๆ แจ่มชัดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเสียงหัวเราะ

“กร๊ากๆ ไอ้หนุ่มน้อย หากเจ้าคือราชันย์สวรรค์ตอนนี้อาจจะเป็นข้าผู้นี้ที่แตกดับ หากแต่น่าเสียดาย แม้อานุภาพมหาฤทธิ์แห่งเจ้าจะยิ่งใหญ่ หากแต่มันยังไม่เพียงพอ เด็กน้อย รออีกเพียงไม่กี่สิบอึดใจต่อจากนี้ เจ้าก็จะตกเป็นของข้า รอก่อนไอ้สวะน้อย อีกนิด อีกเพียงนิดเดียว ข้าก็จะอัญเชิญบรรพกาลออกมาร่วมผนึกเจ้า เพื่อรีดเนื้อหนังและกายวิญญาณ ทุกสิ่งอย่างในตัวเจ้าล้วนคือของล้ำค่า หากตอนนี้ข้าฝืนลงมือด้วยตัวเอง แม้จะสยบเจ้าได้ เกรงว่าจะได้ตัวเจ้าอย่างสภาพไม่สมบูรณ์ เพราะเช่นนั้นข้าจึงพร้อมทุ่มหมดหน้าตัก แม้จจะต้องใช้เหล่าดวงวิญญาณที่สะสมมานับล้านปีไปจนหมดก็ตาม คิกคิก”

ฉินไท่ตอนนี้กัดฟัน มันไม่พอใจที่ไม่อาจจะเอาชนะได้ อารมณ์เด็กน้อยคล้ายยังมีอยู่

ตัวฉินไท่มันมั่นใจหาสู้กันโดยไม่ใช่อาวุธ แม้จะไม่เต็ม 10 ส่วน แต่อย่างน้อย 2 ถึง 3 ส่วนมันมั่นใจว่าจะเอาชนะคังสื่อหวางได้

หากแต่ในสภาพที่อีกฝ่ายมีสมบัติสวรรค์ 4 ชิ้น

และหนึ่งในนั้นมีอำนาจคืนกายและดวงวิญญาณกลายไปผู้ไม่ตาย ฉินไท่ก็รับรู้ว่ามันเสียเปรียบและไม่สามารถเอาชนะมันผู้นี้ในไม่กี่สิบอึดใจแน่

ตอนนี้ในใจลึกๆ เด็กน้อยเป็นห่วงเพียงบิดาและพี่หญิงตัวน้อยของมัน

หากแต่ขณะที่มันจะหันไปร้องตะโกนบอกบิดาและพี่หญิงตัวน้อยให้รีบหนี ตัวมันจะใช้ดาบและมหาฤทธิ์ของตนหันมิตินี้ให้ขาดและให้พวกบิดาหนีไป โดยมันยอมเป็นผู้เสียสละนั้น

ภาพที่เด็กน้อยไม่คิดก็เกิดขึ้น

ร่างเทวะต้านทัพอันแข็งแกร่งเกินจินตนาการกำลังส่องประกายอยู่ด้านหลังมัน นอกจากนั้นกลางหน้าผากแห่งร่างเทวะนี้ก็ยังสำแดงอำนาจแห่งมหาเทวะปรมัตถ์ 5 ชั้นฟ้า

คังสื่อหวางแอบขมวดคิ้ว มันแปลกใจ หากแต่ไม่ช้าก็กล่าววาจาเย้ยหยัน

“ไม่คิดนึกจะมีผู้ชำนาญศาสตร์สัประยุทธ์กลศึกถึงขั้นใช้บทก่อกำเนิดร่างเทวะต้านทัพได้ที่นี่เลย นอกจากนั้นยังร่วมจิตและกายเนื้อกับเหล่าแมลงหวี่แมลงวันได้จำนวนมากยิ่ง หากแต่ ไอ้เด็กน้อย เจ้าคิดว่าสิ่งนี้จะทำอะไรข้าได้รึ นอกจากข้าจะเป็นมหาเทวะปรมัตถ์นอกจากนั้นตอนนี้ข้าก็ยังมีสมบัติสวรรค์ถึง…”

หากแต่ในไม่ช้าคังสื่อหวางยังไม่ทันได้กล่าววาจาอะไรจบ

ร่างเทวะต้านทัพที่ก่อกำเนิดจากเหล่ามนุษย์มารที่อยู่ในโลกใบเล็กจำนวนครึ่งล้าน ตอนนี้อยู่ๆ ก็คล้ายปรากฏเพลิงลุกไหม้สีทมิฬ นอกจากนั้นในไม่ช้ากลิ่นอายแห่งมังกรนรกทมิฬก็ปรากฏ เหล่าดวงวิญญาณทั้งหลายต่างสั่นไหว จนแม้แต่สมบัติสวรรค์ระดับสูงยังไม่อาจจะควบคุมมันได้อย่างสมบูรณ์

แม้แต่ร่างแห่งคังสื่อหวางก็ยังไม่อาจจะแข็งขืน และจากนั้นในไม่ช้า เพียงชั่วอึดใจ

หมัดสีทมิฬขนาดยักษ์ที่รวดเร็วราวกับจุดกะพริบไหวของแสง ทลายกฏแห่งการไหลผ่านของเวลาพร้อมพุ่งเข้าไปชนร่างของคังสื่อหวางอย่างรวดเร็ว มันกลืนร่างของคังสื่อหวางหายไปในพริบตา

.

.

.

ไม่ช้าห้วงมิติที่เกิดจากสมบัติวิเศษก็คล้ายเป็นรูแตกร้าว หมัดสีทมิฬนี้พุ่งผ่านมิติ

ก่อนที่อยู่ๆ จะปรากฏเหนือท้องนภาของมหาดาราร้อยจันทราเป็นเส้นแสงสีทมิฬ ที่ไม่ว่าเส้นแสงนี้พาดผ่านไปที่ใด ดาราก็ดับ หลุมดำยังบิดเบี้ยวก่อนจะขาดสะบั้นอย่างไม่อาจจะคงรูป พุ่งผ่านดวงอาทิตย์ฉาย ดวงอาทิตย์ก็ดับสลาย

รอบมหาดาราร้อยจันทรา ตอนนี้ผู้คนมองเส้นแสงนี้กันอย่างงงงันแล้วว่าปรากฏได้เช่นไร

.

.

.

ในเสี้ยววินาที ฉินเทียนใช้พระราชวังสวรรค์เทาเที่ยปิดซ่อนห้วงมิตินี้ต่อไป

ก่อนจะกล่าวบ่นกับตัวเองในใจ

โดยไม่สนสายตาอื้ออึง ของเหล่าเด็กน้อย และสองหนุ่มสาว

.

.

.

‘จริงๆ แล้วตัวบิดาควรตระโกนชื่อท่าเท่ๆ ก่อนรึเปล่านะ’

ต่อจากนั้นมันก็แอบกล่าวบ่นคังสื่อหวางมหาเทวะปรมัตถ์เล็กน้อย เพราะเล่นมีสมบัติสวรรค์ตั้ง 4 ชิ้น ในชั่วพริบตามันถล่มบิดาตั้งแต่เริ่มต้น ตัวไอ้มิจฉาชีพมันก็คงจะปวดหัวมากกว่านี้ แต่แน่ละ พอฉินเทียนรับรู้ว่าตัวเองมีเนตรมองอนาคตที่จะถูกใช้เมื่อมีอันตรายแบบอัตโนมัติแบบนี้ มันก็ขบคิดในใจ

ต่อให้คังสื่อหวางมันถล่มแบบรวดเร็ว สุดท้ายตัวมันก็รับมือได้อยู่ดี อย่างมากก็แค่ตกใจเรียกกองทัพราชันย์สวรรค์สัตว์อสูรออกมาก็เท่านั้น

อ่านบทต่อไป →