Skip to main content
ศาลเทพสวรรค์

ศาลเทพสวรรค์ ตอนที่ 239 : กลุ่มควันสีทมิฬ

By 22/04/2022เมษายน 23rd, 2022No Comments

ฉินเทียนที่อารมณ์เดือดดาล หลังจากได้ทำลายศิลาจารึกรอบผนังหมดสิ้น ตอนนี้ค่อยรู้สึกสบายตัวโทสะคล้ายดับมอดไปหลายส่วน ณ ที่แห่งนี้ไม่มีสิ่งใดที่มันต้องทำอีกแล้ว มันร่ายฤทธาสำรวจอาณาเขตดวงแสงสว่างวาบไปทั่วถ้ำครู่หนึ่ง ฉินเทียนก็ทราบทันทีแล้วว่ารอบถ้ำนี้มีอะไรบ้าง สุดท้ายก็พบว่าเป็นทางเส้นเดียว แค่เดินไปฝั่งตรงข้ามไม่ใกล้นักก็สุดทาง ตรงนั้นน่าจะเป็นทางออก

.

.

.

ใช้เวลาเพียงครู่สั้นๆ เดินทางด้วยพลังอิทธิฤทธิ์หายตัวเพียงชั่วครู่ก็มาถึงที่หมาย พบประตูบานใหญ่ลงอักษรวิญญาณตรงหน้า ครั้งนี้คือผนึกนาร ไม่ใช้อักษรจารึกเรื่องราวอะไร เดิมทีอักษรนี้ทรงอำนาจมาก หากแต่ด้วยวันเวลาหรือสาเหตุใดก็ไม่รู้ ตอนนี้จึงอ่อนโทรมยิ่ง จนตอนนี้ฉินเทียน แค่เพียงอึดใจก็ทำลายผนึกมารนี้ได้

แน่ละฉินเทียนไม่รู้ตัวที่อักษรวิญญาณทั้งหมดนี้อ่อนโทรมเกิดจากการที่มันไปคลายผนึกบนศิลามารของฉินไท่ แต่เดิมศิลามารนั้นดูดพลังธรรมชาติจากหมื่นห้วงจักรวาลมาเป็นพลัง ทำให้เทพและมารตนใดไม่มีทางคลายผนึกตรงนี้ได้

แต่ตอนนี้เมื่อไม่มีก่อนศิลามารที่ผนึกฉินไท่ส่งพลัง ตอนนี้ใครๆ จึงทำลายประตูนี้ได้อย่างง่ายดาย

!!!ตูม

เสียงระเบิดดังเพียงแค่ฉินเทียนเอามือทาบส่งคลื่นพลังวิญญาณเล็กน้อยมันก็คลายอักขระผนึกมารตรงหน้าประตูได้อย่างง่ายดาย ไม่ช้าก็เห็นโลกเหมันต์อันหนาวเหน็บ ฉินเทียนทอดสายตามอง

“ที่นี่รึแดนเทวะมาร”

ภาพที่ฉินเทียนเห็นตอนนี้มีแต่โลกที่ขาวโพลน ไม่รู้ที่ไหนเป็นที่ไหน ตอนนี้มันขบคิดแล้วว่าจะเอาอย่างไร พร้อมคิดอ่านถึงภารกิจของศาลเทพสวรรค์ การยกระดับครั้งนี้จะว่าง่ายก็ง่ายจะว่ายากก็ยาก

สิ่งสำคัญคือ หากมนุษย์มารคนแรกที่มันพบเจอมีระดับบำเพ็ญสูง เมื่อเป็นเช่นนี้ภารกิจของมันก็สำเร็จง่ายดาย อย่างมากก็ป้อนโอสถวิเศษมันเสียหลายเม็ดหน่อยก็เท่านั้น

แต่ปัญหาอย่างหนึ่งของพวกตบะบำเพ็ญสูงคือ พวกนี้มักมีความฝันยิ่งใหญ่ ความโลภอาจจะไม่รู้จักพอ หากอยู่ๆ มันไปถามพวกมันว่า เห้เจ้านะ เจ้ามีความปรารถนาอะไรจงบอกข้ามา ข้าจะทำความฝันเจ้าให้สำเร็จ พร้อมยกระดับของเจ้าสู่เศษเสี้ยวเทวะด้วย

แน่นอนสิ่งที่คุณจะได้เมื่อพูดกล่าวเช่นนี้ออกไปคือ หนึ่ง. พวกนั้นคิดว่าไอ้ฉิบหายไอ้นี่มันบ้าแล้ว สอง. แกล้งร้องขออะไรขำๆ หากแต่ไอ้ศาลเฮ้งซวยถือเป็นจริงเป็นจังและรับคำขอของมันให้เป็นภารกิจ ส่วนในข้อสาม. นั้นคล้ายจะเหมือนข้อสองต่างกันที่ไอ้พวกนั้นขออะไรง่าย แสร้งทำให้จบๆ ไปเพราะคิดว่ากำลังพูดกับคนบ้า

แน่นอนฉินเทียนหวังให้ข้อสามคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากที่สุด

แต่ในฐานะผู้มีสติปัญญา การทำอะไรที่พึงโชคชะตาเป็นสิ่งไม่ควรเด็ดขาด

ตอนนี้หลังจากพบว่าตัวเองน่าเกริ่นเกรงเป็นที่สุด นอกจากจะหล่อเหลา หากแต่ยังดูทรงอำนาจยิ่ง เห็นแบบนี้แล้วฉินเทียนก็คิด จะเอาความหล่อเท่ลากไส้นี้ไปหาประโยชน์อะไรได้บ้าง

ตอนนี้มันเอามือเท้าคาง เฝ้าเท้ากระดิกไปมาไม่หยุดขบคิดแล้ว

“เอาไงดี เอาไงดีนะ”

ไม่ช้าราวกับด้านมืดทำงาน ในฐานะมิจฉาชีพในตำนาน เมื่อมีเรือนกายดุจปีศาจพญามารเช่นนี้เหตุใดจึงไม่ใช้ประโยชน์จากมันเล่า เคยเป็นตำนานแห่งชาวบำเพ็ญก็ทำมาแล้ว เหตุใดรอบนี้จึงไม่เป็นจอมมารเสียเล่า เป้าหมายไม่ต้องมาก เน้นข่มขู่คุกคาม เรากับเป็นจิ๊กโก้ปากซอย

ไม่ว่าผู้ใดที่มันพบคนแรก ตอนนี้ฉินเทียนคิดแล้วว่าจะเล่นบทนักเลง เน้นข่มขู่แมร่งลูกเดียว ศาลเทพสวรรค์ไม่มีกฎห้ามมันข่มขู่ผู้อื่นเสียหน่อย

แน่นอนฉินเทียนรู้ว่าคงมิอาจจะไปบังคับพวกมันด้วยวาจาให้ร้องขอสิ่งใดง่ายๆ ได้ หากแต่ถ้าเป็นการส่งสายตากดข่มย่ำยี บีบบังคับให้ถึงทรวง ยามนั้นต้องเหมือนในละคร พวกลูกกระจ๊อกเมื่อเห็นมันที่เล่นบทตัวร้าย สิ่งที่มันร้องขอต้องมีอย่างเดียว

“นายท่าน… นายท่าน… ได้โปรดไว้ชีวิตข้า”

ฉินเทียนในร่างมารยื่นมือไปข้างหน้าพูดกล่าวบทร้องขอชีวิต ราวกับตัวมันเป็นผู้น่าสงสารในเรื่องราว

คิกคิกคิก จากนั้นมันก็หัวเราะกับตัวเองไม่หยุด ช่างยอดเยี่ยม ช่างยอดเยี่ยม ฉินเทียนตอนนี้มันคิดว่าตัวเองนั้นช่างฉลาดนัก คิดหาช่องโหว่ของระบบจนได้

หากผู้ใดขอร้องเพียงให้มันไว้ชีวิต แค่นี้ก็นับว่าทำความปรารถนาของมันสำเร็จแล้ว จากนั้นก็เหลือเพียงจับไอ้เวรผู้โชคร้ายนั้นยัดห่าโอสถให้มัน ให้มันสำเร็จระดับบำเพ็ญเศษเสี้ยวเทวะเร็วไว จากนั้นตัวมันก็จะได้บรรลุระดับเศษเสี้ยวเทวะเช่นกันทันที

ฉินเทียนลองคำนวณแผนการคร่าวๆ มันพบว่าหากโชคดี ครึ่งวันภารกิจก็อาจจะสำเร็จแล้ว

ตอนนี้ใบหน้าจอมารฉินมีแต่รอยยิ้มแล้ว คิกคิกคิก

ไม่ช้าไอ้มิจฉาชีพในตำนานก็พบว่าเสื้อผ้าแห่งมันนั่นช่างสามัญ ช่วยไม่ได้ปกติเน้นปลอมตัวเป็นย่ำฟ้า กับชาวบำเพ็ญสามัญ การแต่งตัวก็ไม่เน้นโดดเด่นอะไร หากแต่ตอนนี้ตั้งใจแล้วว่าจะมาเล่นบทซาดิสท์โหดร้าย เป็นเทพมารให้ผู้คนเกรงกลัว เสื้อผ้าสีเทาหม่นแบบนี้ช่างไม่เหมาะกับตัวมัน

ไม่ช้าฉินเทียนก็เปิดหน้าจอระบบแล้ว นานแล้วที่ไม่ได้มาเลือกซื้อของในระบบเพื่อตัวเอง หลังจากเลือกแบบในห้วงมิติของระบบอยู่นาน ในที่สุดก็ตัดสินใจได้เสียที จับจ่ายไประดับ 100,000 ล้านแต้มบุญกับชุดนี้ เรียกว่าดูโหดร้ายอย่างถึงที่สุด มันคือชุดบำเพ็ญระดับราชันย์สวรรค์สีดำที่แสนมืดมิด ที่ใส่ออฟชั่นกลิ่นอายทมิฬ รอบกายแห่งมันจะมีดวงวิญญาณโหยล้อมรอบกาย ยิ่งฆ่าไปมากเท่าไรชุดบำเพ็ญใหม่ของมันนี้ก็จะยิ่งทรงอานุภาพมากยิ่งขึ้น เพราะมันกักเก็บวิญญาณที่สังหารมากักขังภายในชุดได้ด้วย เป็นทั้งอาวุธอิทธิฤทธิ์และเกราะป้องกัน กันได้ทั้งพลังและคำสาป ขึ้นอยู่กับจำนวนวิญญาณที่สะสมในชุด

นอกจากนั้นยามเดินก้าวสามารถทำให้ผู้คนรอบข้างหนาวสั่นจากไอวิญญาณได้ด้วย ส่วนสุดยอดความสามารถของมัน หากฉินเทียนสะสมดวงวิญญาณได้ 10,000 มันยังสามารถเปิดประตูนรกอัญเชิญ ‘ยมทูตและดวงวิญญาณ’ ได้หนึ่งครั้ง

โดยที่การอัญเชิญยมทูตและดวงวิญญาณนั้น ยิ่งมันเอาดวงวิญญาณไปบวงสรวงมากเท่าไร และดวงวิญญาณนั้นทรงอำนาจมาเพียงไร

ยมทูตและดวงวิญญาณที่อัญเชิญได้ก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นไปเท่านั้น

ฉินเทียนเห็นเช่นนี้ก็พอใจนัก กดสั่งซื้อชุดในทันที

ร่ายฤทธิ์สร้างกระจกมองความหล่อเหล่าของตัวเองอยู่ครู่ ตอนนี้ฉินเทียนรู้สึกสบายใจนัก ราวกับโลกอยู่ในกำมือ พร้อมแล้วที่จะทำภารกิจ หากแต่ในขณะที่มันก้าวพ้นเขตประตู จู่ๆ ใต้เท้าของมันก็มีแสงสว่างวาบ

“!!!เอ๋ นิมันอะไรกันวะเนี่ย… ค่ายกลส่งตัวรึ”

ฟุ่บ

แสงสว่างฉายอาบร่างฉินเทียน ในพริบตาร่างของมันก็หายไปทันที

.

.

.

ตึง ตึง ตึง

จี้เจ๋อมนุษย์มารร่างยักษ์ ตอนนี้มันวิ่งก้าวเสียงดังแล้ว หมายจะรีบตามกลุ่มโจรไป มันวิ่งตัดผ่านกลุ่มผู้บำเพ็ญ โดยแทบจะไม่สนใจพวกมันเลย

โดยที่จี้เจ๋อไม่รู้ตัว สายตาของคนพวกนั้นช่างมองมันอย่างประหลาดนัก มันจดจ้องมองจี้เจ๋อราวกับว่าเห็นสิ่งล้ำค่า ไม่ช้าก็สบสายตาและส่งเสียงจิตหากัน

“เจ้าว่าไอ้มนุษย์มารตัวนี้ใช้ได้หรือไม่ ใบหน้ามันยังดูอ่อนวัยนัก นอกจากนั้นกลางหน้าผากของมันแสดงระดับบำเพ็ญเพียงตราสัญลักษณ์มารสีเหลืองเข้ม 3 จุดแต้ม หากพวกเราจับมันไปขายในโรงทาสน่าจะได้ราคางามอยู่ไม่น้อย เมื่อกี้พวกเราพึ่งลงมือพลาดกับไอ้กลุ่มโจรมนุษย์มาร หากมันเอาเหล้าของพวกเราไปกิน คงถูกวางยาพิษกันจนหมด หากแต่เสียวเล่อกับทำพลาดเล่นละครมากเกินไปจนเสียแผน ตอนนี้เหยื่อรายใหม่มาแล้ว เสียวเล่อครั้งนี้เจ้าไม่ต้องพูดอะไรเป็นพวกข้าพูดจากเองแล้วกัน เจ้าต้องจำไว้พวกมนุษย์มารนั้นส่วนใหญ่โง่บริสุทธิ์ทั้งนั้น อย่าไปออกอุบายกับมันเยอะ แค่เสแสร้งทำตัวเป็นคนดีหน่อยก็พอ หากมันเชื่อเรา ที่นี้พวกเราก็จูงจมูกมันอย่างง่ายดายแล้ว”

บุรุษที่ดูทีท่ามีอายุมากที่สุดในกลุ่มพูดกล่าว

“เจ้าคะ” ไม่ช้าสตรีวัยเยาว์ก็กล่าวตอบอย่างว่าง่าย ต้องให้พูดกล่าวนางก็มิใช่สตรีธรรมดา นางคือนางนกต่อมืออาชีพที่อายุมากแล้ว หากแต่ด้วยเคล็ดบำเพ็ญจึงดูเยาว์วัย นางออกปล้นล่าสังหารมาแล้วในหลายดาราเขตมนุษย์มาร แต่ก็ไม่คิดเลย ว่าที่ขอบจักรวาลเหล่ามนุษย์มารสายโลหิตโบราณกับเป็นพวกโง่บริสุทธิ์ถึงขนาดนี้ นางพบเจอครั้งแรกจึงอื้ออึง

หากพวกอื่นเจอวาจานางพูดกล่าวเข้าไป คงมีแต่หื่นกระหายจะลิ้มชิมสุราของนางแล้ว หากแต่นิอะไรโยนขวดโยนไหคืนให้นาง และเมื่อเป็นเช่นนี้ นางนกต่อมืออาชีพเช่นนางก็นับว่าเปิดหูเปิดตาแล้ว เชื่อแล้วว่าพวกมนุษย์มารสายโลหิตโบราณนั้นโง่จริงๆ

“สหายช้าก่อน” มนุษย์บำเพ็ญผู้สวมสุดราวบัณฑิตตะโกนร้อง

!!!ตึง

เสียงหยุดตัวของจี้เจ๋อดังสนั่น มันมองผู้ร้องเรียกด้วยนัยน์ตากลมใส

“เจ้าเรียกจี้เจ๋อเหรอ”

บุรุษสวมชุดบัณฑิตมันหัวเราะ ก่อนพูดกล่าวว่าใช้ข้าเอง ไม่ช้าก็กล่าวถามจี้เจ๋อว่า สหายเจ้าเร่งรีบจะไปที่ใดรึ มีอะไรให้ข้าผู้นี้ช่วยเหลือหรือไม่ บุรุษบัณฑิตพูดกล่าวทีท่าเป็นมิตรยิ่ง

จี้เจ๋อเห็นเช่นนี้ก็พยักหน้ารับอย่างเป็นมิตรเช่นกัน ก่อนพูดกล่าวเล่าเรื่องของตัวเองกับพี่หญิงและพี่รอง ที่ตอนนี้มันเร่งรีบจะไปหาโจรป่าก็เพราะต้องการจะไปขอร้องให้เหล่าโจรป่าช่วยเหลือพี่หญิงกับพามันไปแก้แค้นให้ตระกูล

ตอนนี้เมื่อกลุ่มบัณฑิตได้ยินก็เกือบหลุดขำ นิมันตัวโง่อะไรกันจะไปขอร้องโจรให้ไปช่วยตัวเอง

ไม่ช้ามันก็กล่าวถามจี้เจ๋อว่า เจ้ามีอะไรที่ทำให้กลุ่มโจรต้องยื่นมือช่วยเหลือเจ้าด้วยรึ

ตอนแรกจี้เจ๋อได้ยินก็งง เหตุใดต้องมีของอะไรด้วยรึ คนลำบากใช่เราพบเจอแล้วต้องยื่นมือช่วยเหลือ มันเป็นเรื่องสามัญที่สมควรทำมิใช่รึ จี้เจ๋อคิดนึกพี่หญิงสอนมันเช่นนี้

ตอนนี้กลุ่มบัณฑิตได้ยินคำตอบของจี้เจ๋อ ตอนนี้พวกมันก็อดหัวเราะไม่ได้แล้ว พร้อมพูดกล่าวว่า คนเราจะทำอะไรให้ผู้อื่นล้วนย่อมต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่า มิเช่นนี้ก็มีแต่คนโง่แล้วที่จะยอมช่วยเหลือ ตอนนี้เหล่าบัณฑิตหัวเราะเสียงดัง แม้แต่สตรีที่ดูวัยเยาว์ก็ไม่ต่างกัน

จี้เจ๋อตอนนี้เอานิ้วเข้าปาก พร้อมกล่าวถามเหล่าบัณฑิตอย่างสงสัยว่าจริงรึ ตอนนี้เหล่าบัณฑิตต่างรีบยืนยันเร็วไวแล้วว่าเป็นเรื่องจริง พร้อมกล่าวถามจี้เจ๋อว่าเจ้ามีของล้ำค่าอะไรในตัวหรือไม่ที่จะเอาไปแลกเปลี่ยนให้ผู้อื่นช่วยเหลือ

จี้เจ๋อตอนนี้หยิบถุงเงินของมันออกมา มันมีดวงแก้วอยู่หลายร้อยดวง นอกจากนั้นก็ชูกระบองของตัวเองขึ้น กล่าวถามเหล่าบัณฑิตว่าพอไหม

เหล่าบัณฑิตตอนนี้มองจ้องตากัน ตอนนี้มันพบแล้วว่าไอ้มนุษย์มารตัวนี้มันโง่บริสุทธิ์จริงๆ ดูท่าการจับมันไปขายคงไม่ยากอะไร

ไม่ช้าผู้ที่เป็นหัวหน้ากลุ่มบัณฑิตโจรก็ส่งสายตาเป็นนัยว่าควรแก่การลงมือแล้ว อยากได้เสียเวลาอีก เรื่องตลกควรจบได้แล้ว กลุ่มบัณฑิตโจรตอนนี้ต่างสงสัญญาณให้กันและกันแล้ว

ไม่ช้าหัวหน้าแห่งพวกมัน ก็มองจ้องจี้เจ๋อ ก่อนจะยิ้มดูเมตตาพร้อมพูดกล่าว

“สหายน้อยเอาเช่นนี้เป็นไง พวกข้าก็นับว่าเป็นผู้มีฝีมืออยู่ไม่น้อย แถมยังเป็นคนดีมีน้ำใจ ให้พวกข้าช่วยเจ้าดีหรือไม่”

และทันทีที่จี้เจ๋อได้ยินคำว่า ‘คนดี’ นัยน์ตาแห่งมันคล้ายแปรเปลี่ยน มองจ้องกลุ่มบัณฑิตอย่างกังวล ไม่ช้าก็รีบวิ่งหนี

“พวกเจ้าไม่ต้องมายุ่งกับข้า พี่หญิงสอนไว้พวกคนดีไว้ใจไม่ได้”

กลุ่มบัณฑิตโจรได้ยินคำนี้ก็อื้ออึง วันนี้มันอะไรกันเหตุใดแผนถึงพลาดกันได้ง่ายๆ แบบนี้ สุดท้ายด้วยเพราะตรงนี้มีไอ้มนุษย์มารแค่ตนเดียว หากแต่พวกมันกลับมีนับสิบ ระดับบำเพ็ญแม้ไม่ห่างกันมากนัก หากแต่ด้วยจำนวนคน

ไม่ช้าผู้เป็นหัวหน้าโจรก็ร้องตะโกน

เชือกที่เกิดจากพลังอิทธิฤทธิ์หลายเส้นก็ก่อรูปมัดแขนขาจี้เจ๋อแล้ว

“พวกเจ้าทำอะไร ปล่อยจี้เจ๋อนะ” นัยน์ตาจี้เจ๋อตอนนี้คล้ายจะร้องไห้แล้ว พวกนี้คือพวกไว้ใจไม่ได้จริงๆ ‘คนดี’ ไว้ใจไม่ได้ จี้เจ๋อขบคิด ตอนนี้มือไม้มันดึงโซ่อิทธิฤทธิ์ไปมาไม่หยุด

ไม่น่าเชื่อผู้คนนับสิบ หากแต่กลับไม่อาจจะสู้แรงของจี้เจ๋อได้

มันเหวียงผู้ร่ายฤทธิ์สร้างสายเชือกกลุ่มหนึ่งกระแทกพื้น

พวกมันถึงกับกรีดร้อง “บัดซบ เหตุใดไอ้เวรนี่ถึงแรงเยอะนักตราสัญลักษณ์วิญญาณของมันก็เป็นสีเหลืองเข้มเหมือนพวกเรามิใช่รึ เหตุใดกำลังจึงต่างกันขนาดนี้ นิขนาดพวกเราสิบคนยังเอามันไม่อยู่อีกรึ”

ไม่ช้าผู้เป็นหัวหน้านัยน์ตาก็ฉายความเย็นเฉียบ ไม่ช้ามันก็บัญชาเหล่าลูกน้องด้วยเสียงจิต บอกกล่าวว่าไอ้เจ้านี้น่าจะมีสายเลือดพิเศษหายาก โอกาสทองของพวกเรามาแล้ว ท่าทางค่าตัวมันจะสูงนักหากเอาไปขาย พร้อมพูดกล่าวว่ามันคือมนุษย์มารโง่ พวกเรารวมตัวกันโจมตีมันให้อ่อนโทรม จากนั้นค่อยใช้เชือกอิทธิฤทธิ์ผนึกร่างของมัน

ตอนนี้กลุ่มโจรบัณฑิตเปลี่ยนแผนแล้ว พวกมันซัดอิทธิฤทธิ์เป็นคลื่นพลังใส่จี้เจ๋อ

“เจ็บ เจ็บ เจ็บ” จี้เจ๋อเอามือบังกาย มันไม่เคยเจ็บขนาดนี้มาก่อน

หากแต่กลุ่มโจรบัณฑิตก็อื้ออึงเหมือนกัน คลื่นอิทธิฤทธิ์ที่คมดุจดาบหันเฉือน แต่กับสร้างได้เพียงรอยช้ำแดงจางๆ ตามแขนขาและเนื้อตัวของไอ้มนุษย์มารผู้นี้ แม้เสื้อผ้ามันจะหันขาด หากแต่ร่างกายกับมีเพียงรอยแดงช้ำจางๆ เท่านั้น

ไอ้มนุษย์มารตนนี้ นี่มันตัวอะไรกันแน่

แม้ตอนนี้กลุ่มบัณฑิตจะมีความประหลาดใจกันอยู่หลายส่วน หากแต่ไม่ช้าก็ใบหน้ายิ้มแย้ม ยิ่งไอ้เจ้านี่ประหลาดและแข็งแกร่งมากเพียงไร มิใช่ว่าราคาค่าตัวมันจะแพงขึ้นอีกรึ

ตัวโง่เช่นนี้มีกำลังร่างเกราะแล้วจะทำไม ความโง่ของมันสุดท้ายก็คือจุดอ่อน

ไม่ช้ากลุ่มบัณฑิตโจรก็กรุ่มรุม ซัดคลื่นอิทธิฤทธิ์กันไม่หยุด ไม่ยอมเข้าใกล้จี้เจ๋อ

จี้เจ๋อตอนนี้ร้องไห้ มือหนึ่งเอาบังกาย อีกมือเหวี่ยงกระบองยักษ์ของตัวเองไปมา ไม่น่าเชื่อยามกระบองโดนคลื่นอิทธิฤทธิ์ของกลุ่มบัณฑิตโจร มันถึงกับบิ่นเสียรูปแตกเปราะ

หากแต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นคลื่นอิทธิฤทธิ์นี้กับไม่อาจทะลวงเนื้อของจี้เจ๋อได้ นอกจากทำให้จี้เจ๋อมันร้องไห้และเจ็บปวด

“พอแล้ว พอแล้วจี้เจ๋อเจ็บ จี้เจ๋อเจ็บ” ไม่ช้ากระบองก็หักแตก

พร้อมกับจี้เจ๋อที่วิ่งสะดุดล้ม ไม่ช้าร่างยักษ์ก็คล้ายเป็นเป้านิ่ง คลื่นอิทธิฤทธิ์ยิงใส่จี้เจ๋อไม่หยุด

จี้เจ๋อที่เจ็บปวดนอนขดตัวร้องไห้เสียงดัง

พูดกล่าวแต่เพียง

“พี่หญิงช่วยจี้เจ๋อด้วย จี้เจ๋อเจ็บ พี่รองช่วยจี้เจ๋อด้วย จี้เจ๋อเจ็บ” น้ำตาของมนุษย์มารตัวใหญ่ไหลอาบหน้าไม่หยุด ส่วนกลุ่มมนุษย์นั้นกลับ… หัวเราะและเย้ยหยัน ด่าว่าไอ้ตัวโง่ พร้อมพูดกล่าวว่าจะใช้ฤทธิ์ตีเฆี่ยนมันให้ปางตายเลย เพราะทำให้พวกมันเสียเวลา แทนที่จะให้พวกมันจับง่ายๆ กลับต้องมาเสียเวลาร่ายฤทธิ์จับตัวมัน

หากแต่ในขณะที่คลื่นอิทธิฤทธิ์ถาโถมเข้าใส่จี้เจ๋อ จนเกิดเป็นกลุ่มควัน

ตูมมมมมมมมมมมม

เสียงระเบิดดังสนั่น

เหล่าโจรบัณฑิตถึงกับตกใจนิ่งเงียบไม่กล้าทำสิ่งใดในทันที อยู่ดีๆ ร่างก็สั่นเครือกันอย่างพร้อมเพรียง

ส่วนจี้เจ๋อตอนนี้มองจ้องด้านหน้า พร้อมบาดเช็ดน้ำตา เพราะว่าตอนนี้ไม่ถูกผู้อื่นเฆี่ยนตีแล้ว

ไม่ช้าจี้เจ๋อก็พบว่าด้านหน้าของมันมีกลุ่มควันสีทมิฬ…

อ่านบทต่อไป →