Skip to main content
ศาลเทพสวรรค์

ศาลเทพสวรรค์ ตอนที่ 219 : ราชินีกล่อมจิต

By 02/04/2022No Comments

ณ สำนักพันกร ในยอดเขาพิเศษแห่งเหล่าคณาจารย์ สตรีนางหนึ่งที่มีฐานะสูงส่งในห้องเงียบ นางโค้งกายนอบน้อมต่อหน้ายันต์ส่งสารระยะไกลสีทอง โดยที่ฝั่งตรงข้ามที่ฉายภาพพูดกล่าวนั้นคือ… หนึ่งมหาปรมัตถ์มารห้าชั้นฟ้าผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ครองฉายยาจ้าวพิษพันกร

“จงรีบทำตามที่ข้าสั่ง”

“เจ้าค่ะ”

ไม่ช้าภาพฉายแห่งมหาเทวะปรมัตถ์มารก็หายไป

เมื่อสตรีผู้นี้เงยหน้าขึ้น นางก็รีบหันหลังกลับทันที พร้อมทั้งใบหน้าที่ค่อยๆ แปรเปลี่ยนจะหญิงใบหน้าซูบผอมราวซากศพ กลายเป็นงามตระการเช่นนางสวรรค์ล้ำค่า ตราสัญลักษณ์วิญญาณสีทองห้าชั้นฟ้าปรากฏที่กลางหน้าผากของนาง

.

.

.

ณ สำนักพันกรเช่นเดียวกัน

ตอนนี้หลังจากไอ้มิจฉาชีพจัดการปัญหาความวุ่นวายเรื่องลูกน้อย ในที่สุดมันก็มีเวลาจัดการปัญหาภารกิจเสียที หากแต่ช่างน่าอนาถ ใน 3 เส้นทางที่จะบรรลุสู่ไอ้บุรุษผู้มีร่างมหาพิษดับชีพ แท้จริงไอ้มิจฉาชีพควรเข้าไปในเส้นทางที่ 3 ซึ่งปลอดภัยมากที่สุด หากแต่ด้วยความไม่รอบคอบ ติดนิสัยดับชีพหมู่มารโดยมิปล้นชิง ทำให้มันลืมหยิบเอากุญแจสำคัญเพื่อการผ่านช่องทางนั้นมา

และด้วยความสำคัญแห่งช่องทางอันมากยิ่ง ทำให้วิธีที่จะเปิดประตูนี้ได้ มีแต่ต้องใช้กุญแจหรือทำลายมันด้วยอำนาจแห่งมหาเทวะปรมัตถ์อันสูงส่งเสีย มีแค่สองทางนี้เท่านั้น

เมื่อเป็นเช่นนี้ไอ้มิจฉาชีพก็ต้องขบคิดแล้วว่าจะเอาอย่างไรดี

สุดท้ายก็เลือกใช้ช่องทางอื่นแทนดีกว่าตามกลับไปเอากุญแจ

โดย ณ ปัจจุบันมันมาที่สำนักพันกร ด้วยเหตุผลเพราะยามที่สังหาร 2 ราชันย์สวรรค์จิตมาร มันได้ท่องไปในห้วงอดีตของทั้งสอง มีความเข้าใจเกี่ยวกับสำนักพันกรอย่างลึกซึ้งแล้ว ที่ทางต่างๆ กระจ่างในห้วงความทรงจำ ต่างกับตลาดมืดที่ยังค่อนข้างคลุมเครืออยู่ แม้ว่าจะมีข้อมูลหลายส่วนหากแต่ก็ไม่ได้ครอบคลุมทั้งหมด

และในขณะที่มันเร่งรีบเดินก้าวอยู่นั้น

.

.

.

“จงหยุด…” น้ำเสียงแหบเย็นนี้ทำเอาไอ้มิจฉาชีพถึงกับเหงื่อซึมหลัง ไม่คิดเลยว่าการปลอมตัวเป็นศิษย์สำนักพันกรจะถูกจับได้เร็วเช่นนี้ ตอนนี้มันอุส่าห์เลือกเดินในเส้นทางลับ ใต้ขุนเขาอันคดเคี้ยวยากที่ผู้ใดจะล่วงรู้ เพื่อจะเข้าสู่สถานที่บำเพ็ญแห่งเหล่าคณาจารย์ผู้หนึ่ง ที่ซึ่งเป็นที่แอบซ่อนประตูและกุญแจสู่มิติลี้ลับที่กักขังไอ้บุรุษร่างมหาพิษดับชีพ หากแต่อนิจจา มหาดาราแห่งนี้ช่างยิ่งใหญ่ แต่ละสถานที่มีอำนาจประหลาดของตัวเอง สำนักพันกรก็เช่นกัน มันมีสมบัติวิเศษที่ผนึกพลังแห่งมหาเทวะปรมัตถ์ผู้หนึ่งไว้ ซึ่งครองอำนาจกฎเกณฑ์ ‘ห้ามปิดซ่อน’ ‘ห้ามใช้ภาพลวงตา’ และ ‘กดข่มอำนาจบำเพ็ญ’ ทำให้สถานที่แห่งนี้ไม่ว่าผู้ใดเข้ามาก็ยากนักที่จะปิดซ่อนตัวตนด้วยเคล็ดวิชาลวงตาใดๆ

หากแต่เหล่าหมู่มาร ที่มันลวงผู้คนและศิษย์น้อยใหญ่แห่งสำนักพันกรได้ นั่นก็เพราะ การปลอมตัวของพวกมันมิได้ใช้อำนาจฤทธาในการลวงตา หากแต่ใช้วิธีเย็บเนื้อหนัง และเข้าไปซ่อนในกายหยาบเดิมของเจ้าของร่าง โดยชักใยร่างบำเพ็ญของผู้อื่นจากภายใน ทำให้พวกมันสามารถแฝงตัวได้อย่างสมบูรณ์มิมีผู้ใดตรวจสอบได้ เพราะนี่มิใช่วิชาลวงตา หากแต่เป็นการสิงสู่ร่างศพ

ซึ่งต่างกับไอ้มิจฉาชีพ ที่โดยทั่วไปหลบซ่อนตัวด้วยเคล็ดวิชาลวงตาระดับสูงมาเสมอ ทำให้มีปัญหาเล็กๆ ในการเดินทางในสถานที่แห่งนี้

ด้วยน่าเสียดายเพราะเคล็ดวิชาลวงตาที่มันฝึกฝนระดับยังต่ำเกินไป แม้จะลวงตาราชันย์สวรรค์ได้ หากแต่กลับไม่พอสำหรับมหาเทวะปรมัตถ์ที่มีอำนาจกฎพิเศษต่อต้านการใช้ภาพลวงตาโดยเฉพาะเช่นนี้

.

.

.

ตอนนี้หนึ่งบุรุษร่างอ้วนใหญ่มันจับที่ไหล่ซ้ายของฉินเทียนแน่น บุรุษผู้นี้มีลักษณะภายกนอกน้อยอ้วนกลมสวมใส่ชุดศิษย์สีดำของสำนักพันกรมันจ้องมองฉินเทียนตาแข็ง

ไม่ช้าฉินเทียนก็หันเหลียวมองจ้องกลับ

“เจ้าคือศิษย์มาใหม่รึ…”

ตอนนี้ฉินเทียนได้แต่พยักหน้ารับ เพราะไม่จำเป็นต้องคิดมากความกับคำถามเช่นนี้ ตอนนี้เสื้อผ้าของมันเรียกว่าได้ไปปล้นฆ่าเหล่ามารที่แฝงตัวเป็นศิษย์สำนักพันกร ปลอมเปลือกมาเรียบร้อยแล้ว มันจดจ้องพร้อมรีบกล่าวตอบ คนตรงหน้ามันมิใช่จิตมาร หากแต่เป็นเพียงพวกศิษย์ทั่วไปที่มีระดับบำเพ็ญอยู่ในระดับที่มันจัดการเมื่อไหร่ก็ได้

“ขอรับ”

“ไม่คิดเลยว่าเส้นทางสายบาปนี้จะมิได้มีเพียงแค่ข้าที่พบเจอ เช่นนั้นก็นับว่าเป็นวาสนาของสองเราแล้ว หากแต่ศิษย์ใหม่ เจ้าชื่ออะไรรึ”

ในคืนมืดหนาวเย็นฉินเทียนกลืนน้ำลายมองจ้องใบหน้าอ้วนกลม มันท่องไปในห้วงอดีตของคนผู้นี้ตอนนี้ก็เข้าใจแล้วว่าไอ้บุรุษอ้วนผู้นี้มาทำอะไรที่นี่ มันช่างเป็นบุรุษน่าสงสารผู้หนึ่ง

“ฉินเทียนขอรับ… และศิษย์พี่คือ…” ฉินเทียนพูดกล่าวแกล้งไม่รู้จักมันทั้งๆ ที่ตอนนี้มันรู้จักไอ้บุรุษผู้นี้ดีเสียยิ่งกว่าตัวเองอีก

“ฮะฮาฮา เรียกข้าว่าหูสุน”

ตอนนี้หูสุนจับมือฉินเทียนมั่นแล้ว

“ศิษย์น้อยเจ้ามาที่นี่กี่ครั้งแล้ว”

ไม่ช้าในหัวของฉินเทียนก็หมุนเร็ว ความทรงจำของราชันย์สวรรค์จิตมารแซ่หลิวก็ปรากฏชัดที่แห่งนี้มันจึงเข้าใจทะลุปรุโปร่งนัก พร้อมด้วยความทรงจำจากหูสุน จึงแทบจะไม่มีที่ที่ใดที่มันไม่รู้จัก แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นมันก็แสร้งทำตัวเป็นมือใหม่ของสถานที่เหล่านี้

“3 4 ครั้งแล้วขอรับ”

“เช่นนั้นก็แสดงว่าเจ้ายังไม่ชำนาญ เช่นนั้นตามข้ามาดีกว่า อย่ากังวลข้าหูสุนผ่านเส้นทางนี้มานับพันนับหมื่นครั้ง จนถึงทุกวันนี้ยังไม่ถูกจับได้ ช่วยไม่ได้ความงามเหนือโลกของท่านอาจารย์หญิงถางเย่ย่าช่างงามตระการผู้ใดก็ล้วนหลงใหลนาง หากเป็นที่อื่นพวกเราคงไม่มีทางแอบชื่นชมความงามของนางได้ หากแต่ถ้าเป็น ‘ขุนเขาเทพไม่ปกปิด’ นี้กลับเป็นที่เดียวที่พวกเราจะได้แอบชื่นชมความงามของท่านเงียบๆ ได้ ฉินเทียนเจ้าตามข้ามา ข้ามีมุมเด็ดที่ใช้แอบชมท่านอาจารย์หญิงอยู่” หูสุนพูดกล่าวด้วยใบหน้ามีความสุขนัก

ตอนนี้ไอ้มิจฉาชีพยิ้มอย่างเสียมิได้ ทำได้เพียงเดินก้าวตามไอ้บุรุษผู้นี้ไป

ไม่รู้ทำไมไอ้หูสุนผู้นี้จึงช่างพูดเหลือเกิน ไม่ช้ามันก็กล่าวถามเรื่องระดับบำเพ็ญของฉินเทียน ส่วนตัวมันตอนนี้เป็นถึงเศษเสี้ยวเทวะห้าชั้นฟ้าแล้ว

ไม่ช้าฉินเทียนก็พูดกล่าวถึงระดับบำเพ็ญของตัวเองพร้อมแสดงตราสัญลักษณ์วิญญาณผู้เหนือโลกสีทมิฬ

นัยน์ตาแห่งหูสุนถึงกับเบิกกว้าง

“ศิษย์น้อยว่าแล้วทำไมข้าถึงไม่เคยเห็นเจ้าในการสอบคัดเลือกเข้าสำนัก ที่แท้เจ้าก็เข้ามาด้วยฐานะยอดอัจฉริยะนี่เอง ไม่น่าเชื่อยังไม่ถึงร้อยปีก็ปรากฏตราสัญลักษณ์วิญญาณสีทมิฬแล้ว ครอบครัวเจ้าคงใหญ่โตไม่น้อย บางคน 50,000 ปีก็ยังไม่บรรลุระดับบำเพ็ญเช่นนี้เลย หากแต่เจ้า… เจ้าช่างยอดเยี่ยมจริงๆ” หูสุนไม่พูดเปล่าเอามือตบไหล่ฉินเทียนไปมาไม่หยุด

และเหตุใดฉินเทียนตอนนี้จึงมีระดับบำเพ็ญถึงตราสัญลักษณ์วิญญาณสีทมิฬได้กันนะ นี่มันคืออิทธิฤทธิ์ลวงตางั้นรึ ย่อมไม่ใช่

หากแต่เหตุผลทั้งหมดนั้นมาจากแต้มบุญจำนวนมหาศาลที่ได้มาจาก 2 ราชันย์สวรรค์จิตมารแซ่หลิว ที่แม้ 98 ใน 100 ส่วนของแต้มบุญ จะกลายเป็นแต้มบุญเพื่อผู้อื่น หากแต่จำนวนแต้มบุญ 2 ใน 100 ส่วนกลับมากมายสำหรับฉินเทียนนัก

มันมากจนทำให้ตอนนี้ฉินเทียนสามารถบรรลุสู่เศษเสี้ยวเทวะได้เลยด้วยซ้ำ หากแต่ด้วยมันขบคิดว่า จำนวนแต้มบุญราว 400 ล้านล้านแต้มบุญที่ได้มาจากการสังหาร 2 ราชันย์สวรรค์นั้น ยังไม่ควรรีบร้อนใช้งานจึงหยุดระดับบำเพ็ญของตัวเองเอาไว้ที่ผู้เหนือโลกตราสัญลักษณ์วิญญาณสีทมิฬ พร้อมเก็บแต้มบุญที่ได้มาเอาไว้ใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็น เนื่องด้วยต่อจากนี้การยกระดับแต่ละครั้งจำต้องใช้แต้มบุญถึง 100 ล้านล้านแต้มบุญ

ด้วยจำนวนแต้มบุญมากมายเช่นนี้ มันคิดอ่านว่าควรเก็บเอาไว้ใช้ทำอย่างอื่นอาจจะมีประโยชน์กว่าการยกระดับบำเพ็ญในตอนนี้

ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลให้ฉินเทียนมีระดับบำเพ็ญถึงตราสัญลักษณ์วิญญาณสีทมิฬ พร้อมมีแต้มบุญเหลือใช้ราวๆ 250 ล้านล้านแต้มบุญในปัจจุบัน จากการยกระดับบำเพ็ญ เคล็ดวิชาและจ่ายหนี้แต้มบุญจากระบบและดอกเบี้ยไป 10.25 ล้านล้านแต้มบุญ

ตอนนี้ไอ้มิจฉาชีพยิ้มบางเบา พร้อมพูดกล่าวศิษย์พี่ชมเกินไป

ไม่ช้าทั้งสองก็มาถึงมุมหนึ่งของบึงน้ำใส ที่รายล้อมไปด้วยแมกไม้นานาพันธ์

หูสุนตอนนี้หันหน้ามองฉินเทียนศิษย์น้องของมันทันที

“ศิษย์น้อยเจ้าชำนาญเคล็ดวิชาสายธาตุไม้หรือเคล็ดวิชาสายพฤกษาสักเคล็ดวิชาหรือไม่ ณ ที่ตรงนี้เพื่อความมั่นใจพวกเราไม่ควรประมาท ท่านอาจารย์หญิงถางเย่ย่าอย่างไรก็เป็นถึงราชันย์สวรรค์ แม้ที่แห่งนี้จะกดข่มระดับบำเพ็ญ และพวกเราใช้ฤทธาได้เพียงแค่ 1 ใน 100,000 ส่วน หากแต่นั้นก็มากพอที่จะทำให้ท่านจับผิดสังเกตได้ ดังนั้นเพื่อความมั่นใจพวกเราควรแปลงร่างเป็นต้นไม้ด้วยเคล็ดพฤกษา ก่อร่างเป็นธาตุไม้หรือพฤกษาชนิดใดชนิดหนึ่งแอบชมความงดงามของท่านอาจารย์หญิงด้วยความเงียบงัน”

ไม่ช้าฉินเทียนก็ได้แต่หัวเราะเห่อๆ ไม่รู้จะพูดอย่างไรกับบุรุษผู้นี้ดี

หากแต่สุดท้ายตัวมันและหูสุนก็เลือกแปลงกายเป็นต้นไม้เล็กพุ่มหนึ่งข้างบึงน้ำใส โดยก่อนแปลงร่างฉินเทียนได้ก่อค่ายกลซ่อนเสียงและปิดกั้นการรับรู้บางประการจากโลกภายนอก หูสุนเห็นเช่นนี้ก็ชื่นชมฉินเทียนนัก พร้อมพูดกล่าวว่าต่อไปจะขยันเรียนรู้การตั้งค่ายกลบ้าง

ไม่ช้าหูสุนส่งสัญญาณบอกกล่าวศิษย์น้องที่พึงรู้จักของมัน บอกว่าให้เงียบงัน เนื่องเพราะใกล้ได้เวลาที่ท่านอาจารย์หญิงถางเย่ย่าจะปรากฏตัวแล้ว ทุกๆ วันหากนางไม่มีกิจพิเศษนางจะมานั่งบำเพ็ญข้างบึงน้ำดูดไอหมอกเซียน 1000 ปี ที่นี่เสมอ

.

.

.

ไม่ช้าเวลาก็ล่วงผ่านไปชั่วครู่ใหญ่ ไม่มีใครจะผ่านเข้ามาถึงบึงใสนี้เลยแม้แต่น้อย จนถึงกับทำให้หูสุนใกล้ถอดใจแล้ว

มันพูดกับซุนนานน้ำเสียงเศร้าว่าวันนี้คงหมดหวังได้ชมความงามของท่านอาจารย์หญิงถางเย่ย่าแล้ว

หากแต่ในขณะที่มันกำลังจะถอดใจนั้น

ฉินเทียนรีบส่งเสียงจิตหาหูสุน

“ศิษย์พี่ข้าสัมผัสได้ว่ามีคนมา”

“จริงรึ หากแต่เหตุใดข้าถึงสัมผัสไม่ได้เลยเล่าศิษย์น้อย”

ไม่ช้าฉินเทียนก็เร่งเร้าพูดส่งเสียงจิตให้หูสุนระวังตัวขึ้น

“ศิษย์พี่หูสุนใกล้แล้ว!!! นิ่งเร็ว ไม่งั้นจะมีผู้สังเกตเห็นพวกเราได้”

“อืม…” หูสุนตอบกลับใบหน้าขึงขัง

ไม่ช้าในบึงน้ำใสก็มีสตรีงามตระการนางหนึ่งเดินเข้ามา ใบหน้าของนางงดงามยิ่ง นางผุดผ่องราวเดือนดารา ชุดเสื้อผ้าสีขาวทำนางราวกับนางสวรรค์ มันขับเน้นสัดส่วนอันยอดเยี่ยมของนางนัก

นางเดินก้าวไปที่บึงน้ำ วันนี้นางมิได้ตั้งใจมาเพื่อนั่งบำเพ็ญ นางทำทีท่าคล้ายร่ายรำ

ทำเอาหูสุนตอนนี้มองจ้องคล้ายล่องลอยแล้ว หากแต่ในไม่ช้าใบหน้าของหูสุนคล้ายแปลกๆ ไปนั่นเพราะ

เมื่อท่านอาจารย์หญิงถางเย่ย่าร่ายรำ ท่วงท่าแห่งนางคล้ายแปลกประหลาดขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ

จากที่ดูสวยงามคล้ายนางรำ ไม่ช้ามันก็เร็วขึ้น เร็วขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นร่างกายก็บิดงอแปลกประหลาด ใบหน้าก็ดูน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ เสียงร้องของสตรี ฮี้ฮีฮี้ฮีฮี้ ดังไปมาไม่หยุด

ยามที่ขาของนางจุ่มบึงน้ำ จากท้องน้ำใสไม่ช้า แผ่นน้ำก็สั่นไหว กลางบึงใต้น้ำแผ่นปฐพีคล้ายแตกออก ไม่ช้าก็มีโลหิตและกองกระดูกซึมไหลออกมาพร้อมไอวิญญาณแห่งสรรพชีวิตแหวกว่ายไปมาไม่หยุดหย่อน

หูสุนเห็นเช่นนี้ก็ร่างสั่นสะท้านแล้ว

ส่วนฉินเทียนตอนนี้ใบหน้าเรียบเฉยมันไม่ได้แปลกใจ เพราะรู้แต่แรกแล้วว่าท่านอาจารย์หญิงถางเย่ย่ามีอีกฐานะหนึ่งคือ… ‘ราชินีกล่อมจิต’ จิตมารผู้แฝงตัวในสำนักพันกรมาอย่างเนิ่นนาน

เมื่อบึงใสเปลี่ยนเป็นบึงโลหิตนางก็หยุดร่ายรำ

พร้อมเปลื้องผ้าออก นางเปลือยเปล่า

ร่างแห่งนางช่างงดงามและสมบูรณ์ ไม่ว่าบุรุษใดพบเห็นก็ตาค้างตะลึงงันในความงาม

หากแต่ในความงดงามนั้น ที่กลางกายของนาง ตั้งแต่กลางทรวงอก ลากยาวจนถึงโคนหัวหน่าวสตรี มีเส้นขีดเป็นรอยแดงยาวคล้ายแผลเป็น

ไม่ช้ารอยแดงนั้นก็ค่อยๆ แยกออกจากกัน ร่างท่านอาจารย์หญิงถางเย่ย่าเหวะอ้า โครงกระดูกซี่โครงทิ่มออกมาเป็นซีก ไม่ช้าก็คล้ายมีมือมนุษย์ที่ทุกส่วนคล้ายมีแต่เนื้อแดงไร้หนังหุ้มปรากฏ มือนั้นค่อยๆ ดันตัวเองออกมาจากกลางกายสตรีของท่านอาจารย์หญิงถางเย่ย่า

หูสุนตอนนี้ร่างสั่นสะท้าน หวาดกลัวจนแทบคุมสติของตัวเองไม่อยู่แล้ว มันไม่ได้คิดนึกว่าวันนี้จะเห็นภาพเช่นนี้ของอาจารย์หญิงผู้งดงามและใจดีของสำนักพันกร

“ไม่จริง… ไม่จริง… นั่น… นั่นไม่ใช่ท่านอาจารย์หญิงถางเย่ย่าของข้า”

ฉินเทียนตอนนี้ไม่ได้พูดอะไร โชคดีที่มันระวังตัว ก่อนแปลงร่างเป็นต้นไม้ สร้างชั้นค่ายกลเล็กซ้อนเสียงเอาไว้ก่อนแล้ว

ตอนนี้สิ่งที่มันสนใจมีอย่างเดียว คือการท่องไปในห้วงอดีตของ ‘ราชินีกล่อมจิต’ รับรู้ข้อมูลภายในที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับบุรุษที่ครองร่างวิญญาณพิเศษมหาพิษดับชีพให้ได้มากที่สุด

.

.

.

นางแหวกว่ายในบึงน้ำโลหิตและในไม่ช้า หลังแหวกว่ายได้ครู่หนึ่ง นัยน์ตาแห่งร่างเนื้อแดงของนางก็ส่องประกายเย็นเฉียบพร้อมพูดกล่าว

“!!!ใคร”

หูสุนได้ยินเช่นนี้ก็สั่นเกร็ง นี่มันถูกจับได้รึ!!!

อ่านบทต่อไป →