Skip to main content
ศาลเทพสวรรค์

ศาลเทพสวรรค์ ตอนที่ 125 : การสัประสุทธ์ครั้งสุดท้าย

By 24/01/2022กุมภาพันธ์ 17th, 2022No Comments

ในเวลาเพียงเสี้ยววินาที และในชั่วพริบตาโลกหล้าทั้งมวลคล้ายถูกย้อมด้วยแสงสว่างสีทองอร่าม

หนึ่งร่างบุรุษรูปงามผู้ถือครองสายโลหิตแห่งมังกรสวรรค์ปรากฏกาย เส้นผมสีทองแห่งพระองค์ปลิ้วไสว

พระองค์มาพร้อมจิตกดข่มสรรพชีวิตทั่วแดนในทันที

ฉินหลาน เลี่ยงหมิงถูกพระองค์ดึงสู่มิติอัศจรรย์ในโลกใบเล็กแห่งกายของพระองค์

ตูมมมมมมมมมมมมม ตูมมมมมมมมม ตูมมมมมมมมมมมมมมม

หมัดที่ประกอบไปด้วยคลื่นอำนาจแห่งมังกรสวรรค์ ถูกซัดใส่สามราชันย์สวรรค์จิตมาร คลื่นกระแทกนี้แฝงไว้ด้วยกฏเกณฑ์แห่งมังกรสวรรค์ [สยบ] [ตาย] [พ่ายแพ้] ตอนนี้ในความรู้สึกของสามราชันย์สวรรค์จิตมารถูกสามห้วงอารมณ์นี้ปกคลุมอย่างรุนแรง ร่างแห่งมันถึงกับสั่นเทาอย่างมิอาจจะบัญชากายตัวเองได้ไปหลายอึดใจทีเดียว

ไม่ช้าเหนือราชันย์สวรรค์ผู้มีเส้นผมสีทองตระการ พระราชวังสวรรค์สีทองอร่ามก็ปรากฏมันล่องลอยเด่นเหนือท้องนภาแห่งดินแดนลับหมอกไร้จุดจบ พร้อมดูดกลืนมวลหมอกทั้งหลายหายไปอย่างรวดเร็ว พร้อมเสียงร้องตะโกนประหลาด

“!!!ข้าชอบสิ่งนี้”

ตอนนี้ฉินเทียนไม่มีเวลาสนใจดวงวิญญาณแห่งเทาเที่ยว่ามันจะทำอะไร

จิตแห่งจักรพรรดิ์ทำการแผ่ขยายการตระหนักรู้ แบ่งแยกสรรพชีวิตเป็น 2 หนึ่งสมควรตาย สองสมควรรอด

– [100 ล้านล้านแต้มบุญเพื่อผู้อื่นถูกใช้] –

แสงสว่างที่ประกอบไปด้วยสีแห่งรัตนทั้ง 7 แห่งมหาเทวะปรมัตถ์ ฉายอาบเริ่มจากร่างของฉินเทียนก่อนจะแผ่ขยายไปทั่วแดน มันไหลอาบผ่านร่างสรรพชีวิตร่างแล้วร่างเล่า

และเมื่อแสงสว่างเหล่านี้ได้อาบร่างแห่งเหล่าสัตว์อสูรทั้งหลายที่กำลังจะพ่ายแพ้ในมหาศึกนี้

ร่างกายที่อ่อนโทรมที่ชุ่มโชกไปด้วยโลหิตของพวกมันก็คล้ายฟื้นคืน กลับมาสมบูรณ์อย่างรวดเร็ว บาดแผลและเศษซากแห่งการต่อสู้ถูกลบเลือน พลังชีวิตฟื้นคืนกลับอย่างรวดเร็ว

บางตนตอนนี้อยู่ในสภาพพิกลพิการแขนขา ไม่ช้ามันก็กลับงอกมาใหม่อีกครั้งอย่างรวดเร็วยิ่ง

ผู้ที่กำลังสิ้นหวังอยู่ๆ ก็พลันหัวใจชุ่มโชกไปด้วยปีติและกำลังใจอันกล้าแข็ง

สัตว์อสูรทั้งหลายต่างร้องตะโกนเป็นเสียงเดียวกัน

“มังกรสวรรค์ / พระองค์ปรากฏตัวแล้ว / มังกรสวรรค์ พระองค์มาแล้ว”

มหาบรรพชนเต่ายักษ์ผู้ครองอำนาจแห่งราชันย์สวรรค์ ปากสั่นเครือ พึมพำไม่หยุด

“คำทำนายแห่งเทพธิดาเป็นจริง ในที่สุดคำสัญญาที่ให้แก่พวกเราก็มาถึง พระองค์มาปลดปล่อยพวกเราจากบาปในอดีตแล้ว”

อยู่ๆ น้ำตาแห่งราชันย์สวรรค์ตนนี้ก็รินไหล บาปอันเนิ่นนานใกล้จะจบสิ้นแล้ว มันแทบลืมตัวสนใจร่างกายของตนเองเลย ที่ตอนนี้กำลังค่อยๆ ฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว ไม่น่าเชื่อพลังของพระองค์สามารถครอบคลุมแม้แต่ร่างแห่งราชันย์สวรรค์

.

.

.

และก็ช่างสมกับเป็นราชันย์สวรรค์

สามราชันย์จิตมารที่นำโดยราชันย์สวรรค์อี้เยี่ยน มันได้ดับสลายซึ่งห้วงอารมณ์อันกล้าแกร่งในจิตได้แล้ว ทั้งสามหอบหายใจ พลังธรรมชาติแห่งผู้ครองสายโลหิตมังกรไม่ธรรมดาเลย

“เจ้าเป็นใคร…” หนึ่งในสามราชันย์จิตมารกล่าวถาม

ฉินเทียนในร่างบุรุษมังกรสวรรค์ใบหน้าแย้มยิ้มบางเบาก่อนจะพูดกล่าว

“ผู้ที่กำลังจะตายจะรู้ไปทำไม”

จบคำพูดกล่าวจิตวิญญาณแห่งเทาเที่ย ณ พระราชวังสวรรค์ ก็สร้างห้วงมิติอัศจรรย์สีทองอร่ามสุกสกาวไร้ที่สิ้นสุด ภายในนั้นปรากฏแค่เพียงร่าง 3 ราชันย์จิตมาร มหาเต่ายักษ์บรรพชนแห่งสัตว์อสูร และหนึ่งราชันย์ผู้ถือครองสายโลหิตแห่งมังกรสวรรค์

สามราชันย์สวรรค์จิตมารขมวดคิ้ว พวกมันพยายามแผ่ขยายห้วงมติแห่งตน หวังสร้างเขตแดนอันมีเปรียบร่วมกัน หากแต่…

เขตแดนทั้งหมดของพวกมันกลับถูกกลืนกินสิ้น พลังเทวะวิญญาณของพวกมันราวกับถูกสูบเข้าสู่หลุมดำยามต้องการใช้เขตแดนห้วงมิติ

หนึ่งในพวกมันถึงกับต้องพึงพำ

“เป็นไปได้ยังไง…”

“ในมิติแห่งนี้ข้าคือนาย” ฉินเทียนพูดกล่าวจบใต้เท้าของมันก็ปรากฏว่ามหาเต่ายักษ์ได้มาอยู่ใต้เท้าของมันแล้ว

และทันทีที่เท้าของมันแตะสัมผัสเหนือศีรษะของมหาเต่ายักษ์ อักษร [บัญชา] ก็ปรากฏกลางหน้าผากของมหาเต่ายักษ์ผู้ครองอำนาจแห่งราชันย์สวรรค์ทันที

ไม่ช้าอยู่ๆ ห้วงจิตใจของมหาเต่ายักษ์ก็คล้ายถูกอำนาจครอบเขตเข้ามาบัญชา ทุกอณูจิตแห่งมันถูกสยบโดยสมบูรณ์ หากแต่มันก็มิได้ทุกข์ทนหรือโศกเศร้า หากแต่กลับมีแต่ความปลื้มปีติ ปากกล่าวพึมพำไม่หยุด

“อำนาจจิตแห่งพระองค์ช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน”

.

.

.

3 ราชันย์สวรรค์จิตมารตอนนี้พวกมันรู้แล้วว่าตกอยู่ในสถานการณ์ไม่คาดคิด และดูเหมือนว่าพวกมันจะเสียเปรียบอยู่หลายส่วน

ดังนั้นหลังจากพวกมันสบสายตากันเพียงครู่

ร่างราชันย์เทวะมารก็สำแดง ความสูงใหญ่ของมันพุ่งขึ้นไม่หยุด เนื่องด้วยที่นี่มิใช่แดนสัตว์อสูรบรรพกาลที่มีห้วงพลังลึกลับกดข่มอีกต่อไป

ร่างสำแดงแท้จริงของ 3 ราชันย์สวรรค์ จึงขยายขนานกันเกือบ 2000 ล้านจั้งบ้าง 1500 ล้านจั้งบ้าง 1400 ล้านจั้งบ้าง

ส่วนฉินเทียนและเต่ามังกรก็ไม่ต่างกัน

ทั้งสองสำแดงร่างแห่งเทวะแท้จริงของตนเอง

ไม่ช้าร่างสำแดงของฉินเทียนก็ตั้งตระหง่านเพลิงสีทองลุกไหม้อาบร่างไม่หยุด ร่างสำแดงเทวะที่ถูกใช้พร้อมโลหิตมังกรสวรรค์ ทำให้ร่างนี้มีขนาดใหญ่กว่า 5000 ล้านจั้ง

ส่วนมหาเต่ายักษ์บรรพชนแห่งเหล่าสัตว์อสูร แม้มันจะสามารถสำแดงร่างให้มีขนาดใหญ่ได้ถึง 25,000 ล้านจั้งในห้วงมิตินี้ หากแต่มันก็อาจจะใหญ่เกินไปสำหรับผู้เป็นนาย ดังนั้นมันจึงขยายร่างเพียง 2500 จั้ง เพื่อความสะดวกแด่ผู้เป็นนานเหนือเท่านั้น

.

.

.

สามราชันย์สวรรค์ไม่รอช้าต่างใช้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่ตัวเองถนัด ร่างอันเน่าเหม็น เกิดเป็นซากโลหิตเลือดเนื้อจำนวนมากหมายจะไปคล้องเกี่ยวร่างของฉินเทียน

หากแต่มันจะทำได้หรือ

ร่างฉินเทียนกะพริบไหวหลบได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะโบกสะบัดมือตัดขาดเนื้อเน่าเหม็นเหล่านั้น

หนึ่งราชันย์สวรรค์จิตมารร่ำร้อง

“บัดซบ!!!”

มันพยายามควบคุมการไหลของเวลา หากแต่มันกลับพบว่าในห้วงมิติสีทองแห่งนี้ กาลเวลามิมีอยู่อีกต่อไป

อีกผู้หนึ่งราชันย์สวรรค์จิตมารก็มิต่างกัน มันปรารถนาจะแหวกมิติสร้างทางหลบหนี หากแต่มิติที่มันแหวกอ้า มิติแล้วมิติเล่า กับคล้ายมีห้วงมิติซ้อนทับมิติแห่งนี้ราวกับเป็นอนันต์

มันกลืนน้ำลายอย่างห้ามไม่ได้

ไม่ช้าหนึ่งราชันย์สวรรค์จิตมารก็ร้องตะโกน

มันคือนายแห่งราชันย์สวรรค์ อี้เยี่ยน

“สู้ตายกับมัน!!! นี่คือทางเดียวที่พวกเราจะรอด อำนาจแห่งมิติของมันกล้าแข็งกว่าพวกเรา พวกเราไม่มีทางออกจากที่นี่ได้หากมันไม่ตาย อย่างเสียเวลาทำสิ่งไร้สาระ”

ไม่ช้าทั้งสามก็นำของวิเศษของตนเองออกมา

หนึ่งคือดาบที่มีพลังวิญญาณหนาแน่น มันดำมืดเกินจะกล่าว และเมื่อมันปรากฏ เสียงร้องโหยหวนของดวงวิญญาณที่อยู่ภายในก็ร้องดังไม่หยุด อำนาจแห่งมันสามารถตัดขาดทุกสรรพสิ่ง พร้อมคำสาปที่จะฝั่งแน่นไปนิจนิรันดร์

สองเสานิรันดร์ ด้วยการมีเสานี้ตั้งอยู่ ผู้เป็นนายแห่งมันจะไม่มีวันตาย ภายใต้เขตแดนแห่งนี้เหล่ามารร้ายทั้งหลายราวกับมีชีวิตนิรันดร์ ตอนนี้แท่นเสาที่ถูกสร้างขึ้นด้วยซากชีวิตนับไม่อนันตร์ได้ตั้งตระหง่านแผ่กลิ่นอายแห่งความตายและความเน่าเหม็นแล้ว

และสุดท้าย ดารามาร จากศิลากลมเล็กตอนนี้มันขยับขยายจนมีขนาดเท่ากับดวงจันทร์ดวงหนึ่ง แสงสีแดงแห่งมันฉายอาบไปที่ใด ผู้เป็นมารจะไร้ซึ่งความเจ็บปวด ฤทธาก็กล้าแข็งขึ้นหลายสิบเท่า หากแต่ข้อเสียแห่งมันก็คือ มันช่างมัวเมา และทำให้ลุ่มหลงในการฆ่าล่าสังหารอย่างไมมีที่สิ้นสุด

หากแต่หมู่มารจะสนใจขอเสียของมันหรือ… ย่อมไม่

ไม่ช้ามหาศึกสัประยุทธ์ระหว่างราชันย์สวรรค์ก็ถือกำเนิด

มหาเต่ายักษ์บรรพชนคายเจดีย์หยกขาวออกจากปาก นี่คือสมบัติจากบรรพชนของมันในอดีตกาล ด้วยสมบัตินี้ผู้ครอบครองจะอยู่ในสภาวะจิตกระจ่างใส ไม่ตกต้องอยู่ภายใต้อำนาจจิตของผู้ใด นอกจากนั้นด้วยสิ่งนี้ มหาเต่ายักษ์ยังสามารถสร้างมวลน้ำได้ตามประสงค์

ตอนนี้การปะทะระหว่างฉินเทียนและสามราชันย์จิตมารปะทะกันไม่หยุด

หากแต่ช่างน่าแปลก

ฉินเทียนกลับใช้เพียงทักษะควบขี่สัตว์อสูรปะทะกับสามราชันย์จิตมาร

โดยตัวมันยืนนิ่งหลับตาเหนือร่างของมหาเต่ายักษ์

.

.

.

ทำไม

.

.

.

หากแต่แม้เป็นเช่นนั้นมหาเต่ายักษ์กับไม่รู้สึกกังวล เพราะด้วยการบัญชาแห่งผู้ถือครองสายโลหิตมังกรสวรรค์ และภายใต้ห้วงมิตินี้ ตัวมันแม้ต้องปะทะ 3 ต่อ 1 หากแต่มันกลับมีเปรียบและเหนือล้ำขึ้นเรื่อยๆ

มหาฤทธาแห่งมันได้ตัดร่างของเหล่าเทวะจิตมาร ไปหลายร้อยครั้ง เศษเนื้อหนัง และร่างวิญญาณของเหล่าราชันย์จิตมารขาดกระจุยด้วยห้วงกระแสน้ำวนอันยิ่งใหญ่ไม่หยุด หากแต่พวกมันก็ไม่ตกตาย ร่างเนื้อหนังงอกมาใหม่ไม่มีที่สิ้นสุดเช่นกัน

ในทางตรงข้าม มหาเต่ายักษ์ตัวมันกับแทบมิโดนการโจมตีใดถึงตัวเลย

ราวกับรู้ล่วงหน้าและพลิ้วหลบกะพริบร่างหนีได้ตลอด

และนี่คือความต่างของอานุภาพแห่งจิต การตัดสินใจ การตระหนักรู้ในสถานการณ์ การเคลื่อนไหว มหาเต่ายักษ์พบว่าผู้เป็นนายเหนือแห่งมันตอนนี้ทำได้สมบูรณ์ยิ่ง

.

.

.

ฉินเทียนหลับตานิ่งทำคล้ายจะไม่สนใจสิ่งใด

หากแต่ในใจของมันกลับ

‘อีกนิด ข้าต้องการเวลาอีกนิด’

หลังมือของมันที่ไพล่หลังอยู่ได้กุมถือบางสิ่งบางอย่างเอาไว้

และของวิเศษสิ่งนั้นมันก็ร่ำร้องส่งเสียง หึหึ อยู่ตลอดเวลา

เสียงจิตแห่งมันพูดกล่าวกับฉินเทียน

“ยังไม่พอข้ายังต้องการอีก คิกคิก”

.

.

.

ในทุกช่วงแห่งการปะทะ ทุกครั้งที่มีเศษเนื้อหนังของหมู่มารขาดกระจุย เศษเนื้อหนังนั้นจะหายวับไปอย่างรวดเร็ว

หากมีเศษจิตวิญญาณใดหลุดออกมาเจ้าสิ่งนี้ก็จะดูดกลืนไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน

มันยังโหยหาและร่ำร้องไม่หยุด

.

.

.

การปะทะผ่านไปราว 1000 อึดใจ

ไม่ช้าสมบัติสวรรค์ชิ้นนั้นก็ร่ำร้อง

“หึหึ พอใช้การได้แล้ว”

ไม่ช้านัยน์ตาของฉินเทียนที่หลับนิ่งมาตลอดก็เบิกเนตร

รอยยิ้มแห่งมันปรากฏ

หนึ่งดาบยักษ์ปรากฏเหนือศีรษะของฉินเทียนในร่างเทวะสำแดง ห้วงมิติแตกร้าวทันทีที่มันปรากฏ มวลหมู่มารทั้งหลายคล้ายพบเห็นของแสลง ตกตะลึงด้วยสัญชาตญาณ

เหนือตัวดาบปรากฏหนึ่งร่างจิตวิญญาณเทพมารล่องลอยออกมาสำแดงกาย

“ฉยงฉี” เทพมารผู้กลืนกินความชั่วร้ายปรากฏ ร่างของพยัคฆ์ร้ายผู้มีคมเขี้ยวงุ้มงอ ด้านหลังมีปีกแห่งปักษาปรากฏ เหนือศีรษะมีเขาแหลมสีเงินทอประกาย

มันร้องตะโกนพร้อมจดจ้องไปที่ราชันย์สวรรค์จิตมาร

“ตามที่ตกลงกันข้าจะกินพวกมันทั้งหมด ใครก็ห้ามแย่งข้า ฮะฮาฮา”

ฉินเทียนจับดาบมั่นก่อนที่จะตัดผ่านสรรพสิ่ง มิติสีทองแห่งนี้คล้ายแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ ชั้นแล้วชั้นเล่า ทันที เสียงระเบิดของมิติคล้ายดังก้องไปทั่ว

ดารามารสีแดง ตอนนี้ถูกหั่นขาดเป็นสองทันที ภายในนั้นอัดแน่นไปด้วยดวงวิญญาณนับมากมายอย่างไม่มีประมาณ ตอนนี้ต่างบินวนไปมาไม่หยุดจากการถูกปลดปล่อย

ฉยงฉีที่เห็นเหล่าวิญญาณหลุดล่องลอยออกมามันกล่าวร้อง

“น่ากินจังเลย”

ฉินเทียนร้องตะโกน

“!!!หุบปาก”

ไม่ช้ามันก็กำดาบแน่น สองมือของมันคล้ายมีเส้นโลหิตปูดโปน คล้ายกับว่าการถือดาบฉยงฉีนั้นไม่ง่ายเลย

ฉยงฉีกรีดร้อง “เอาอีก”

อีกหนึ่งดาบก็ฟาดฟัน เสานิรันดร์แห่งความเป็นอมตะถูกแหวกผ่าเป็นสอง มันพยายามที่จะผสานตัวเอง ก้อนเนื้อหนังสีแดงที่ชุ่มโชกไปด้วยโลหิตคาวเหม็นพยายามดึงรังกันจากต้นเสาสองฝากฝังที่ถูกตัดผ่า หากแต่…

“!!!อร่อย”

ดวงจิตแห่งฉยงฉีตะกุยก่ายกินพวกมันไม่หยุด ราวกับพบอาหารรสเลิศ ไม่ว่าเหล่าเนื้อหนังเน่าเหม็นนี้จะงอกออกมาเท่าไหร่ ปากแห่งฉยงฉีก็ไม่หยุดที่จะฉีกกระชากและกลืนกินมัน

สามราชันย์สวรรค์จิตมารร่ำร้อง สิ่งนี้คือตัวช่วยแห่งความเป็นความตายของพวกมัน หากไร้สิ่งนี้ชีวิตของพวกมันต้อง…

“รีบไปหยุดไอ้จิตวิญญาณบัดซบนั้นเร็ว” ราชันย์สวรรค์อี้เยี่ยนแผดร้องสุดเสียง

ไม่ช้าราชันย์จตุทิศ หนึ่งในสามราชันย์สวรรค์จิตมารก็รีบพุ่งร่างแตกขบวนออกไป หมายจะหยุดหยั่งดวงวิญญาณแห่งฉยงฉี

หากแต่ร่างของฉินเทียนกับกะพริบวาบ

หายไปจากหลังของมหาเต่ายักษ์

!!!ชาาาาาาาาาาาาาก

ร่างแห่งราชันย์จตุทิศถูกตัดขาดเป็นสอง และเท่านั้นยังไม่พอเท้าหน้าแห่งจิตวิญญาณฉยงฉีได้พุ่งร่างออกมาจากตัวดาบ มันได้คว้าจับและดึงร่างดวงจิตแห่งราชันย์จตุทิศเอาไว้ ก่อนจะ… งำ มันขบเคี้ยวซึ่งดวงวิญญาณของผู้เป็นราชันย์สวรรค์อย่างไร้ความเกรงกลัวใดๆ

ฉยงฉีหัวเราะร่า พร้อมกล่าวชมรสชาติแห่งดวงวิญญาณ

“ฮะฮาฮา ช่างเลิศรสนัก คงหมักหมมด้วยความต่ำทรามมาช้านานสินะไม่ธรรมดา ไม่ธรรมดาจริงๆ”

.

.

.

“อ๊าาาาาาาาาาาาก” หนึ่งดวงวิญญาณแห่งราชันย์สวรรค์กรีดร้องไม่หยุด มันพยายามสะบัดร่างวิญญาณของตัวเองให้ออกจากการคร่ากุมของฉยงฉี บ้างทุบต่อย บ้างเปลี่ยนมือเป็นดาบคม หากแต่กลับ… มิอาจจะทำอะไรดวงวิญญาณแห่งฉยงฉีได้เลย

และในที่สุด… งับ ศีรษะแห่งดวงวิญญาณของหนึ่งราชันย์สวรรค์ก็ถูกฉีกกระชากและเคี้ยวกลืนลงไป ส่วนอื่นๆ ก็ค่อยๆ ตามลงท้องของฉยงฉี

.

.

.

ตอนนี้นัยน์ตาของฉยงฉีทอประกายถึงขีดสุด มันลุกไหม้

และตัวดาบในมือของฉินเทียนก็เช่นกัน แสงแห่งฤทธาทออาบส่องประกายราวกับไร้ที่สิ้นสุด

หลังจากกินหนึ่งดวงวิญญาณแห่งราชันย์สวรรค์

ตอนนี้อานุภาพแห่งมันก็เพียงพอที่จะดับสลายหนึ่งห้วงจักรวาลให้สิ้นไปแล้ว

.

.

.

สองราชันย์สวรรค์ต่างกลืนน้ำลาย นัยน์ตาฉายความหวาดกลัวนัก

อ่านบทต่อไป →