จะให้ด่าว่ามากกว่านี้ก็ทำไม่ลง นางรักน้องชายยิ่งกว่าลูกแท้ๆ ของตัวเอง ก็ช่วยไม่ได้ หมิงเค่อรู้ความมาก ตั้งแต่ 7 ขวบก็ไม่เคยทำให้พี่สาวทั้งสามลำบากใจ มีแต่มอบพรที่ราวกับเป็นของขวัญจากพระเจ้าให้พวกนางและครอบครัว วันนี้ที่มีชีวิตที่ดี จนแม้แต่การเดินเหนื่อยมีบ่าวสองคนช่วยประคองซ้ายขวา มั่งเก้าอี้มีคนทุบหลังให้ทันที
อาหารในบ้านถ้าไม่สั่งว่าให้ทำแต่พอดี กับข้าว 12 อย่างต้องวางอยู่บนโต๊ะอาหารแทบทุกมื้อ
นางรู้ว่าที่มีชีวิตดีๆ แบบนี้ได้เพราะน้องชาย และเพราะแบบนี้ นางด่าเจ้าลูกหมาน้อยไม่ลงจริงๆ ไม่นานเพราะคำพูดดีๆ พี่หญิงใหญ่จากไปอย่างอ่อนแรงอีกครั้ง ครั้งนี้นางรู้ดีว่าจับคู่ไม่สำเร็จอีกแล้ว
“นายท่าน สตรีผู้นั้นก็เหมาะสมกับท่านดี” สวินจื่อหรานพูดขึ้นเมื่อพี่หญิงใหญ่ของหมิงเค่อจากไป
หมิงเค่อยิ้มและพยักหน้าให้สวินจื่อหราน แต่ก็ไม่ได้ต่อปากอะไรกับนาง เพียงแต่เดินไปจับมือนาง ดูว่ามือเย็นไหม จากนั้นจับใต้ตากดลงเล็กน้อย ดูว่าเนื้อใต้ตาขาวซีดหรือเปล่า
ตั้งแต่ที่รับสวินจื่อหรานมาเป็นนักร้องในภัคตาคารของตนไม่นาน เพียงเดือนต่อมา นางก็เป็นลมก่อนขึ้นร้องเพลง
หมิงเค่อเชิญหมอมาดูอาการนาง และพบว่าเส้นลมปราณนางเสียหาย แสดงว่านางเคยเป็นผู้ฝึกยุทธ์ นอกจากนั้นกายวิญญาณก็อ่อนแอ หยางน้อย หยินพร่อง หากไม่บำรุงดีๆ มีอายุขัยไม่เกิน 40 ปีแน่นอน
หมิงเค่อรู้แบบนี้เขาจึงดูแลใส่ใจนางเป็นพิเศษ และการดูแลแบบนี้มันเริ่มต้นก่อนที่เขาจะรู้หัวใจตัวเองว่าชอบนางไม่น้อยเสียอีก
ดูเหมือนสวินจื่อหรานก็รู้สภาพตัวเองดี
ทุกวันนี้นางแข็งแรงขึ้น อาจจะต้องขอบคุณหมิงเค่อ อย่างน้อยๆ หากนางได้รับการดูแลแบบนี้ต่อไป นางอาจจะไม่มีอายุขัย 100 ปี 200 ปี 300 ปี เช่นนักยุทธ์ระดับสูง แต่การได้แก่ชรา และได้ดูบุตรธิดาเติบโตจนเห็นหลานเมื่อวัย 70 80 มีโอกาสแน่นอน
ตรวจดวงตา พินิจแล้วว่าเลือดลมในกายนางไม่พร่อง สูตรยาบำรุงตัวใหม่ที่ใช้กับนางเหมาะสมดี หมิงเค่อยิ้ม จากนั้น… เขาดึงซองเอกสารบางซองหนึ่งที่แอบเตรียมไว้แต่ไม่บอกให้ใครรู้ออกมา จากนั้นยื่นให้สวินจื่อหราน
“นายท่านนี่อะไร ท่านจะไล่ข้าออกแล้วงั้นเหรอเจ้าค่ะ เบื่อเสียงร้องของข้าสินะ” ท่าทางของสวินจื่อหรานดูออดอ้อนเล็กๆ ก่อนจะทำหน้าย่นงอน
“เปิดดู” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของหมิงเค่อที่ดูค่อนข้างจริงจริง สวินจื่อหรานค่อนข้างรู้สึกใจคอไม่ดี
นางรับและเปิดเอกสารอย่างมีความกังวล
เพียงแต่เมื่อนางเปิดซองเอกสาร และเห็นสิ่งที่อยู่ภายใน ร่างนางสั่นเครือ ก่อนมองจ้องหมิงเค่ออย่างไม่เชื่อสายตา จากนั้นรีบยื่นเอกสารยัดเยียดคืนหมิงเค่อ
“นายท่านข้าไม่ควรได้รับสิ่งเหล่านี้ ข้ากับท่าน!…”
สวินจื่อหรานไม่ทันได้พูดจบหมิงเค่อพูดแทรก
“เจ้าจะพูดว่าเจ้ากับข้าไม่ได้เป็นอะไรกัน ใช่เจ้าพูดถูกจริงๆ แม่นางจื่อหราน เพียงแต่แม้เจ้ากับข้าจะไม่ได้เป็นอะไรกัน เจ้าก็รับมันไปเถอะนะ รู้จักกันมาหลายปี เจ้าน่าจะรู้ว่าสภาพข้าตอนนี้แท้จริงเป็นอย่างไร อย่างมากที่สุดคือ 5 6 ปี ที่ข้าจะมีชีวิตอยู่ได้, เพียงแต่เจ้าคิดว่าข้าจะอยู่ถึงตอนนั้นเหรอ อาการเลือดลมเสื่อมถอยจากการพลาญชีวิตของข้าเมื่อครั้งอดีต มันไม่ได้แค่การเสียเลือดลมปกติ นับวันจะยิ่งรุนแรง หากข้าเพียงแค่ไม่บำรุงเลือดลมด้วยโอสถชั้นเลิศเพียงวันสองวัน ชีวิตข้าจะอยู่ได้ถึงปีหรือเปล่าก็ยังไม่แน่ อาจจะแค่สี่ห้าวัน หรือหนึ่งเดือนข้าก็ตายแล้ว”
“แม่นางจื่อหราน ในชีวิตข้าหมิงเค่อนอกจากครอบครัว สิ่งที่ข้าผูกพันพิเศษก็มีไม่มาก เจ้าเป็นหนึ่งในนั้น คนตายไม่อาจจะใช้เงินทองที่หามา นอกจากนั้นสิ่งที่ข้ามอบให้เจ้าก็ไม่ได้มากมายอะไร ก็แค่หุ้น ‘ภัคตาคารอาหารหวนคำนึง’ แห่งนี้นิดหน่อย ให้เจ้าพอได้มีปากมีเสียงในสถานแห่งนี้เมื่อข้าจากไป, กับร้านค้าแถวนี้อีกไม่กี่หลัง, ยาบำรุงที่เจ้ากินวันๆ หนึ่งมีราคา 10,000 ถึง 20,000 หยวน เพียง แต่ราคายานี้บางช่วงก็ไม่แน่นอน และเงินตราก็มีโอกาสเสื่อมค่า เจ้าบอกข้าว่ามีบุตรธิดาสองคนต้องเลี้ยงดู หนึ่งในพวกนางเจ้าว่ามีพรสวรรค์ดี นางอาจจะเป็นจอมคาถาได้ ทั้งยังเก่งในวิถีนักยุทธ์, เมื่อเป็นเช่นนี้ แม้ข้าจะให้ค่าแรงเจ้าพิเศษในฐานะนักร้องดังของภัตตาคารของข้า แต่ข้าก็ให้เจ้าได้อย่างมาแค่ 200,000 หยวน เกินกว่านี้จะเป็นที่ครหา และจะสร้างข่าวไม่ดีแก่เจ้า”
“นายท่าน ท่านพูดเหมือนว่าตอนนี้ข้ามีแต่ข่าวดีๆ ต่อให้รับตาและปิดหู ข้ายังรู้เลยว่ามีคนนินทาข้าว่าเป็นหญิงงามเมือง ได้ดีเพราะอวดเสน่ห์และหลอกเงินบุรุษ”
“โอ้ มีแบบนี้ด้วย” ได้ยินคำพูดหมิงเค่อ สวินจื่นหรานทำหน้าเชิดงอนใส่อีกครั้ง แต่สองดวงตางามมีน้ำตาแต่งแต้มเป็นประกายเครือทั่วดวงตา
หมิงเค่อยิ้มและพลักเอกสารทรัพย์สินกลับไปที่นาง
“รับไปอย่าให้ข้าต้องพูดอะไรอีก ในฐานะนายท่านของสตรีอ่อนแอ ข้าดูแลเจ้ามากหน่อยจะเป็นอะไร หากเจ้าจะตอบแทนข้า หากวันหนึ่งข้าจากไปเจ้าแค่… ไปเยี่ยมข้าที่หลุมศพมากๆ หน่อยก็พอ”
ขณะพูดหมิงเค่อเชิด เขามีอารมณ์เล็กน้อย ดวงตาสั่นและแดงขึ้น พยายามกดน้ำตาลูกผู้ชาย
เขาคือบุรุษผ่านความตาย มาถึงวันนี้รู้ดีว่าชีวิตตัวเองเหลือไม่มาก ที่พูดว่าห้าหกปีคือการยือสุดชีวิตด้วยยาวิเศษแล้ว
แต่ในฐานะนายของร่างกายหมิงเค่อรู้ดีว่าเต็มที่เขาก็อยู่ได้แค่สองสามปีต่อจากนี้ เพราะหลังจากนี้เขาจะไม่รักษาตัวเองอีกแล้ว นั่นเพราะหมิงเค่อรู้ดีกว่า ตอนนี้ตัวเองเลือดลมเสื่อมขนาดไหน หลังจากนี้ไปอีกสี่ห้าปีร่างกายก็จะเริ่มแย่มากแล้ว ถ้าพยายามมีชีวิตต่อ เกรงว่าเวลาเดินแขนขาคงต้องสั้นเทามีคนช่วยพยุงเดินตลอด สภาพไม่ต่างกับคนตายทั้งเป็น เขาไม่ต้องการชีวิตแบบนี้
ในฐานะบุรุษสภาพแบบนี้เขาตายดีกว่าอยู่
แค่จากเร็วขึ้นอีกนิด แต่ได้จากลาในสภาพสง่างามก็ไม่เลว ภาระทางใจในโลกนี้มีไม่มากนัก
แม้จะไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างยิ่งใหญ่ แต่อย่างน้อยในชีวิตนี้ก็ไม่เคยทำผิดต่อใคร
คำพูดแทงใจ “นายท่าน!” เสียงสวินจื่อหรานดังแรง ศีรษะนางกดลงที่กลางอกของหมิงเค่อ น้ำตานางหลั่งเป็นสาย
หมิงเค่อไร้คำพูดไปหลายอึดใจ รู้สึกพูดอะไรไม่ออก ในใจได้แต่คิด ‘ทำไมเจ้าทำแบบนี้กับข้า ทำไมเจ้าทำเหมือนรักข้า แต่ก็…’ มือของหมิงเค่อคล้ายจะไปโอบร่างแม่ม่ายงามสวินจื่อหราน แต่สุดท้ายก็ดึงกลับ ก่อนจะใช้สองมือจับไหล่นาง
“ข้าไปละ”
สวินจื่อหรานมองแผ่นหลังหมิงเค่อ โฉนดและเอกสารทรัพย์สิน หยดน้ำตาหล่นใส่เมื่อนางมองมัน ดวงตาพรั่งพรูความในใจ เพียงแต่แม้นางจะมีความรู้สึกต่อหมิงเค่อเช่นกัน แต่นางก็มีบางสิ่งที่ทำให้… ตัวนางไม่อาจจะครองคู่กับหมิงเค่อ
เขาอาจจะดูชรา แต่นางก็ปลงใจให้เขานานแล้ว แต่ที่นางไม่เลือกครองคู่กับหมิงเค่อ นี่ก็เป็นการปกป้องหมิงเค่อเช่นกัน… นี่คือความในใจของนางต่อหมิงเค่อ
…
หลังภัคตาคาร…
“แม่นางสวินท่านจะกลับแล้ว” เสียงชายวัยกลางคนดังออกมาจากรถหรู
“เจ้าคะลุงจิ่ง คนอื่นกลับหมดแล้วเหรอเจ้าคะ” สวินจื่อหรานกล่าวตอบคนรถ ลุงจิ่งคือคนรกพิเศษที่หมิงเค่อสั่งให้ไปรับส่งสวินจื่อหรานที่บ้าน
ส่วนที่นางถามว่าคนอื่นๆ กลับหมดแล้วเหรอ เพราะแม้ความตั้งใจของหมิงเค่อคือมอบคนรถดูแลนางเป็นพิเศษ แต่ก็เพราะรู้ดีว่าถ้าทำแบบนี้สวินจื่อหรานจะปฏิเสธตน เขาจึงอ้างว่าบริการรถรับส่งนี้มอบเป็นสวัสดิการของข้ารับใช้ภัคตาคารอาหารหวนคำนึง ด้วยเป็นห่วงนักร้องหญิง บางครั้งกลับบ้านดึกๆ จะเป็นอันตราย
แม้บ้านเมืองของที่นี่จะปลอดภัย แต่ก็พูดตรงๆ นักเลงและคนไม่ดีก็มีมาก ฝ่ายตำรวจตรวจการของนายอำเภอบางครั้งก็ดูแลไม่ทั่วถึง ปีๆ หนึ่งมีคดีลักขโมยและชุดคร่าสตรีอยู่บ้าง
ดังนั้นบริการรถรับส่งสำหรับพนังงานจึงควรมี
โลกใบนี้รถเครื่องคือสิ่งหรูหรา นักร้องและหญิงงามนักร่ายรำจึงมีความสุขมากทุกครั้งที่ได้นั่งรถ
“ไม่มีขอรับ คนอื่นกลับหมดแล้ว มีแต่แม่นางสวินเท่านั้นที่อยู่จนดึก”
“ทำให้ลุงจิ่งลำบากแล้ว”
“ไม่ไม่ไม่ จะลำบากได้อย่างไร ยิ่งดึกยิ่งดี ยังไงก็ได้เงินจากนายท่านเพิ่ม”
สวินจื่อหรานได้ยินแบบนี้ขมวดคิ้ว
“แม่นางสวิน ทำไมท่านทำหน้าแบบนั้นละขอรับ ท่านกับข้าก็เป็นข้ารับใช้ของนายท่าน พวกเราในฐานะลูกจ้าง ไม่ใช่ว่าต้องมีความสุขที่ได้รับเงินงั้นเหรอ หากแต่แม่นางสวินท่านนะ เหตุใดจึงทำตัวคล้ายเสียดายเงินแทนในท่านหมิงเค่อเล่า ท่านเป็นภรรยานายท่านงั้นเหรอ”
“ลุง!!!”