Skip to main content

“พี่นึกว่าเจ้าจะไม่มา วันนี้รู้ไหมพี่เชิญคุณหนูเค่อซี่แห่งตระกูลฉวนมาด้วยข้าอยากให้เจ้ารู้จัก”

“พี่…” หมิงเค่ออ้าปากพูดได้เพียงคำ ก็ถูกพูดแทรกอย่างรู้ทัน

“หยุดพูดเลยเจ้าลูกหมาน้อย เจ้าอยากให้ท่านพ่อท่านแม่บนสวรรค์เสียใจหรือไง อย่าน้อยก็พบนางและพูดคุยเสียหน่อย เจ้าตอนนี้แม้จะเป็นผู้ถือบรรดาศักดิ์ ‘ขุน’ ครองนาม ‘ขุนศึกด่านคลั่ง’ ที่ใครๆ ก็ต้องให้เกียรติ แม้แต่เจ้าเมืองพบเจ้ายังต้องก้มหน้า แต่เจ้าลูกหมาน้อยอย่าลืม ตระกูลหมิงเราแต่เดิมก็เป็นเพียงแค่ชาวบ้านชาวนา  คุณหนูฉวนเค่อซี่บ้านนางเป็นตระกูลบัณทิต 5 รุ่น นอกจากหน้าตาไม่เลว ความรู้ก็มาก นางต้องเข้ากับเจ้าได้ดีแน่ๆ… ”

“พี่หญิงใหญ่แต่ข้า…” หมิงเค่ออ้าปากพูดได้อีกสองสามคำ ก่อนจะได้พูดอะไรต่อหมิงฉินหยางกำมือหมิงเค่อแน่น นัยน์ตาแฝงอารมย์ มันสั่นไหว อีกนิด เพียงอีกนิดน้ำตาคงล้นออกมาจากหมิงฉินหยางสตรีชรา

หมิงเค่อตั้งใจพูดว่า พี่หญิงใหญ่ท่านดูสภาพข้า ตอนนี้แม้ข้าอายุ 39 แต่ร่างากยข้าตอนนี้ต่างกับคนแก่ใกล้ลงโรงตรงไหน ท่านอายุ 64 แต่ยังดูเยาว์วัยกว่าข้าเลย…

ที่หมิงฉินหยางดูคล้ายสตรีวัย 40 45 ปี สิ่งนี้ต้องเป็นเพราะหมิงเค่อซื้อยาบำรุงและของดีให้นางกินไม่น้อย แม้ความชราและความตายไม่อาจจะหลีกหนี แต่หมิงเค่อก็ได้ชื่อว่าดูและพี่สาวทั้งสามของตัวเองอย่างดีที่สุดแล้ว

ในชีวิตของหมิงเค่อ หมิงฉินหยางอาจจะนับได้ว่าเป็นยิ่งกว่าพี่สาว เพราะนางเลี้ยงดูเขาดีกว่าลูกชายตัวเองเสียอีก และเพราะแบบนี้

“ข้าเข้าใจแล้ว”

เมื่อหมิงเค่อตอบแบบนี้ หมิงฉินหยางจึงยิ้มได้ นางรีบดึงมือหมิงเค่อเข้าภัคตาคาร ภาพการเดินเข้าภัคตาคารนี้เหมือนตายายคู่หนึ่งจูงมือเข้าร้านอาหารเลย

เพียงแต่แม้หมิงเค่อจะดูแก่กว่า แต่ด้วยเคยฝึกฝน เขาจึงเดินเหินหนักแน่น และเป็นฝ่ายประครองมือพี่หญิงใหญ่เดินเข้าร้าน

“นายหญิง” “นายหญิง” เสียงบริกรร้านดังเมื่อเดินผ่านหมิงฉินหยาง ทุกคนกล่าวน้ำเสียงสุภาพ

เมื่อเดินเข้าไปสิ่งแรกที่หมิงเค่อทำแม้จะไม่ตั้งใจนั้นคือ… มองขึ้นไปบนเวที ซึ่ง ณ ตอนนี้บนเวทีนั้นมีหญิงงามผู้หนึ่งโดดเด่นนัก ร่างนางอาบแสงไฟสีอำพัน แต่งกายในชุดสตรีโบราณ ไม่มีความโป้เปลือย นางดูราวกับเป็นเทพธิดาโบราณลงมาจุติ

【สวินจื่อหราน】 มองลงมาเบื้องล่าง นางเห็นหมิงเค่อ แต่ไม่นานนางรีบหลบสายตา นางไม่กล้าจ้องมองหมิงเค่อนาน

หมิงฉินหยางเห็นหมิงเค่อมองสวินจื่อหราน นางถอนหายใจดังเบา ก่อนตบหลังมือเรียกสติหมิงเค่อ สองพี่น้องใบหน้ามองกัน หมิงเค่อดูอายเล็กน้อย

หมิงฉินหยางมองสวินจื่นหราน นางยิ้ม…

สวินจื่นหรานเห็นหมิงฉินหยางยิ้มให้นาง นางยิ้มตอบ

สภาพแบบนี้คืออะไร?

หากจะอธิบายก็คงต้องเท้าความไปเมื่อ 7 ปีก่อน ซึ่งการมองหาคู่ให้กับหมิงเค่อไม่ใช่ถูกพี่หญิงใหญ่พยายามเฉพาะปัจจุบัน แต่มันเริ่มตั้งแต่เกือบๆ 10 กว่าปีก่อนแล้ว

ตั้งแต่ตอนหมิงเค่อเลือดลมเสียหาย พี่หญิงใหญ่รู้ว่าน้อยชายแสวงวิถีในเส้นทางนักยุทธ์ไม่ได้อีกต่อไป และตระกูลหมิง หมิงเค่อนับเป็นสายเลือดสุดท้าย นางจึงหวังให้น้องชายแต่งงานเร็วๆ มีทายาทตระกูลหมิงที่แท้จริง

แม้ลูกชายนางจะแซ่หมิง แต่สำหรับพี่หญิงใหญ่ นี่ไม่นับว่าเป็นสายเลือดที่แท้จริงของตระกูล คนที่นี่ยังมีความเชื่อโบราณเรื่องสายเลือดและตระกูลแท้จากบุตรชายเท่านั้น

ธรรมเนียมที่ไร้ทายาทสืบสกุลนั้นอกตัญญูนั้นมีอยู่

3 ปีแรกก่อนหมิงเค่ออายุ 30 พี่หญิงไม่เร่งเร่า เพราะการบำรุงเลือดลมของหมิงเค่อต้องใช้เวลา

เพียงแต่เมื่อผ่านสามปีแรกไป เมื่อหมิงเค่ออายุสามสิบ พี่หญิงใหญ่รู้ว่าเลือดลมของหมิงเค่อกลับเหมือนคนปกติแล้ว นางจึงต้องการให้หมิงเค่อแต่งงานมีทายาท แน่นอนว่าหมิงเค่อไม่ได้ปฏิเสธ หากแต่… หมิงเค่อนั้นมีทัศนะคติที่แตกต่างกับคนโลกนี้อยู่บ้าง

เขาอยากแต่งงานกับสตรีที่ตัวเองรัก และสตรีคนนั้นก็รักตัวเองด้วย

เพียงแต่อนิจจา สภาพร่างกายที่เลือดลมเสียหายรุ่นแรงจากการใช้รอยสักตราศึก ร่างกายของเขาน่าสมเพชไม่ต่างกับคนชรา แม้บำรุงเลือดลมกลับมาได้ แต่ตัวเขาก็ดูแก่กว่าอายุจริงหลายสิบปี

และแบบนี้…

สตรีที่หมิงเค่อไปดูตัว แต่ละคนแม้ใบหน้างดงามจะแสร้งสุภาพ บางครั้งยังยิ้มอ่อนหวานให้ตัวหมิงเค่อ พูดจาภาษาหวาน

แต่ด้วยประสบการณ์มองคนผ่านแววตา หมิงเค่อสัมผัสได้ว่าพวกนางรังเกียรติตัวเขา

ที่หญิงสาวน้อยใหญ่ยอมมาดูตัวกับตนก็เพราะสองเหตุผล หนึ่งหมิงเค่อร่ำรวย สองเขามีบรรดาศักดิ์ ‘ขุน’ และบรรดาศักดิ์นี้สามารถสืบทอดศักดินาแก่บุตรคนโตได้ตราบเท่าที่แคว้นวาสนาม่วงยังดำรงอยู่

และด้วยสถานการณ์แบบนี้… หมิงเค่อคล้ายแต่งงานกับพวกนางไม่ลง ไม่ใช่ว่าเรื่องมาก

แต่บางสิ่งพี่หญิงใหญ่ของตัวเขาคิดไม่ถึง และที่หมิงเค่อไม่แต่งงานก็เพราะปกป้องพี่สาวทั้งสามและลูกๆ ของพวกนางด้วย

หมิงเค่อรู้ดีว่าตัวเขาเองนั้นอย่างมากก็มีอายุได้ไม่เกิน 60 ซึ่งนี่คือสภาพการที่ดี แต่ด้วยรู้ตัวเองดี หมิงเค่อรู้ตัวว่า เขาอยู่ต่อได้อีกเกิน 10 ปี ก็นับว่าปาฏิหาริย์แล้ว

และหากเขาตายไปละ

หากเขามีภรรยาหลวงมีลูกกับพวกนาง คนพวกนี้ก็จะครอบครองสิ่งที่เขาสร้างมาทันที ฟังดูก็ไม่แย่ มันถูกทำนองครองธรรม และมันมีปัญหาที่นี่

ปัญหาคือพี่สาวทั้งสามของหมิงเค่อ รวมทั้งพี่เขยทั้งหมดเป็นคนธรรมดา หลานๆ แม้หมิงเค่อจะมอบทรัพยากรฝึกฝน และสอนทักษะแห่งนักยุทธ์ให้ แต่ลุงเล็กผู้นี้ยังไร้พรสวรรค์ สภาพหลานๆ ก็ไม่ต่างกัน

สตรีที่พี่หญิงใหญ่เลือกมา แต่ละคนมีชาติตระกูลและภูมิหลัง

โลกใบนี้บทจะอำมหิต ก็อำมหิตกันอย่างถึงแก่น

พี่สาวทั้งสามของหมิงเค่อไม่มีใครเจนโลก ไม่เท่าทันพวกตระกูลร้อยปี พันปีที่แสนเจ้าเล่ห์ หาสิ้นหมิงเค่อไปพวกนางไม่มีทางรักษาสมบัติของหมิงเค่อได้ ยิ่งพวกนั้นมีข้ออ้างชอบธรรมในการถือทรัพย์สินยิ่งแล้วใหญ่

เมื่อไหร่หมิงเค่อตาย สิ่งที่เขากลัวคือพวกนางผู้เป็นพี่สาวจะถูกฆ่าเพื่อสิทธิ์แห่งสมบัติ ดังนั้น… หากหมิงเค่อจำต้องแต่งงาน เขาไม่มีทางเลือกคนมีตระกูลหนุนหลัง สิ่งนี้คือคิดเพื่อบรรดาพี่สาวที่เมตตาและหลานๆ ที่หมิงเค่อรัก แม้จะไม่รักเหมือนลูก แต่หลานๆ แต่ละคนก็ผ่านมือและการอุ้มของหมิงเค่อมาหมด

ส่วน… สวินจื่อหราน

เป็นเพราะนางทำให้หมิงเค่อไม่ได้แต่งงานมาถึงปัจจุบัน นั่นทำให้หมิงฉินหยางพี่หญิงใหญ่ทั้งรักและเกลียดนางในเวลาเดียวกัน

นางรักสวินจื่อหรานเพราะทำให้น้องชายนางมีความสุข

แต่นางเกลียด ‘สวินจื่อหราน’ เพราะทั้งๆ ที่น้องชายนางรักและถูกใจตัวนาง พร้อมทั้งเอยปากขอสวินจื่อหราน ถึงขั้นคุกเข่าหมอบแหวนแทนใจขอแต่งงาน แต่สตรีนางนี้ยังกล้าปฏิเสธหมิงเค่อ นี่ทำให้หมิงฉินหยางทั้งเจ็บปวด เศร้าใจและผิดหวัง

นางอยากต่อว่าสวินจื่อหรานว่าไร้หัวใจและอกตัญญู สองคำนี้มาจากไหน

นั่นเพราะเมื่อหมิงเค่อพบ ‘สวินจื่อหราน’ ครั้งแรกนางกำลังจะถูกอันธพาลรังแก เป็นหมิงเค่อที่สังเกตเห็นความผิดปกติจึงหยุดรถและลงไปช่วยนาง วันนั้นหมิงฉินหยางก็อยู่ด้วย

เมื่อครั้งแรกที่หมิงเค่อพบสวินจื่อหราน พี่หญิงใหญ่ก็พบว่าท่าทางของน้องชายตัวเองผิดปกติ นางดีใจมาก จึงสนทนากับสวินจื่อหรานเป็นพิเศษ

เพียงแต่เมื่อรู้ว่า ‘สวินจื่อหราน’ เป็นหญิงม่ายทั้งยังมีลูกติดสองคน ความสนใจที่จะให้นางมาเป็นภรรยาของหมิงเค่อก็ลดลงไปมาก

แต่ผู้คนต่างมีวาสนาของตัวเอง

หมิงเค่อและสวินจื่อหราน ต่างมีนิสัยคล้ายๆ กัน ทั้งสองต่างเป็นคนมีมารยาท เขินอายและรักษาท่าที การพบกันครั้งแรกจึง… ทิ้งความประทับใจในรูปแบบที่ต่างกันในใจของแต่ละฝ่าย

หมิงเค่อประทับใจสวินจื่อหราน  เขาคล้ายตกหลุมรักในครั้งแรกทันที อาจจะเพราะนางดูงดงามอย่างอ่อนโยนราวสตรีโบราณที่ถูกอบรมมาอย่างดี ทั้งวิธีการพูด การเดิน การนั่ง การเยื่องกาย ทุกอย่างนุ่มนวลมีมารยาทอย่างไม่มากไปน้อยไป เป็นสตรีที่มอบความรู้สึกให้บุรุษอยากถนอมยิ่ง

ส่วนสวินจื่อหราน ความประทับใจแรกของนางต่อหมิงเค่อ แน่นอนว่าไม่ใช่หน้าตา และแทบไม่เกี่ยวกับความมั่งคั่ง แต่เป็นมารยาทที่เขาแสดงกับนาง

การช่วยชีวิตจากเหตุคับขันก็เป็นอีกส่วน แต่ยังไม่มากเท่ากับท่าทีที่อ่อนโยนเวลาพูดคุย สำหรับนางตำหนิของหมิงเค่อคือความชรา แน่นอนว่าแรกพบของตัวนางและหมิงเค่อ หัวใจของสวินจื่อหรานไม่มีเรื่องชายหญิง อายุวัยต่างกันเกินไปในความคิดของนาง