Skip to main content

องค์ชายสามสนใจอาวุธปืนและระเบิดลูกเกลี้ยงที่หมิงเค่อพบติดตัวเป็นอาวุธลับ เขาต้องการขอช่องทางซื้อ โดยที่องค์ชายสามไม่คิดเลยว่าหมิงเค่อเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเอง

“อะไรนะเจ้าเป็นคนคิดค้นมันขึ้นมาเอง” น้ำเสียงองค์ชายสามดูไม่เชื่อ ในความคิดขององค์ชายสามศาสตราที่ทรงพลังเช่นนี้ต้องถูกออกแบบและสร้างด้วยจอมคาถาตระกูลใหญ่ที่ทรงพลัง

เพียงแต่เมื่อหมิงเค่อเน้นย้ำองค์ชายสามก็จำต้องเชื่อ

เป็นตอนนี้ที่หมิงเค่อแอบเห็นความเจ้าเล่ห์ขององค์ชายสาม เขาต้องการซื้อสิทธิ์และให้หมิงเค่อทำสัตย์สาบานว่าจะให้ตัวองค์ชายสามเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเพียงผู้เดียว

คำพูดขององค์ชายสามดูน่าฟัง เขาอ้างผลประโยชน์ของชาติ และต้องการใช้ปืนเปลี่ยนวิธีรบ ณ ดินแดนแห่งนี้

หากหมิงเค่อคือคนหนุ่มอายุสิบเจ็ดคงหลงเชื่อ  ไอ้องค์ชายสามคือจิ้งจอกหน้ากลมดีๆ นี่เอง

แม้องค์ชายสามจะให้คำหมั่นว่าเขาพร้อมมอบเงินก้อนโตให้หมิงเค่อ และพร้อมมอบส่วนแบบครึ่งๆ กับหมิงเค่อทุกครั้งที่ปืนทุกกระบอกขายไป

แต่ช่องโหว่ในคำพูดและความคิดขององค์ชายสามมีมากเกินไป

หากหมิงเค่อมอบสิทธิ์ให้องค์ชายสาม ปีๆ หนึ่งเขาจะผลิตปืนกี่กระบอกกันเชียว

และหากองค์ชายสามไม่คิดขายปืนเป็นวงกว้าง แต่มอบให้เพียงกองกำลังของตัวเองติดตั้ง รายได้ที่หมิงเค่อจะได้รับ คาดว่าคงไม่เกิน หรืออาจจะไม่ถึง 1 ใน 4 ส่วนของธุรกิจอาหารและเครื่องเคียงที่เข้าสร้างก่อนเป็นทหารด้วยซ้ำ

หมิงเค่อแอบเย้ยหยันองค์ชายสามในใจ

แต่ก็รู้ตัวเองดีว่า แม้จะสาบานเป็นพี่น้องแล้ว เขากับองค์ชายสามก็ไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆ และตัวเขาจะหักหน้าองค์ชายสามไม่ได้

โชคดีที่ตรงนี้มีสตรีหน้าหล่อ หมิงเค่อเสนอแผนการที่น่าเหลือเชื่อ

“ในเมื่อพวกเราเป็นพี่น้องกัน พี่ใหญ่เรื่องปืนที่ข้าสร้างขึ้นงั้นเอาเช่นนี้เถอะ เงินร้อยล้านหยวนและกำไรต่อปืนหนึ่งกระบอกอัตราส่วนครึ่งหนึ่งข้าไม่ต้องการ วันนี้วันดีพวกเราได้สาบานเป็นพี่น้องกัน ข้าหมิงเค่อได้เป็นน้องชายของพวกท่านข้าดีใจอย่างที่สุด เอาเช่นนี้ดีกว่า เราพี่น้องสามคนมาตั้งหอการค้าร่วมกันเพื่อขายปืนที่ข้าสร้างขึ้นเถอะ ข้าพร้อมออกเงินสร้างโรงงานผลิตมัน พวกเราสามพี่น้องถึงหุ้นคนละ 1 ส่วน 3, พี่ใหญ่พี่รองท่านว่าไง” หมิงเค่อพยายามทำใบหน้าใสซื่อปกปิดหางจิ้งจอกเฒ่าของตัวเอง

อาจจะเพราะประสบการณ์ด้านการเมืองยังไม่มาก องค์ชายสามหรี่สายตา เขาซ่อนแววตาเจ้าเล่ห์ของตัวเองไม่มิด

ในช่วงที่หมิงเค่อและองค์ชายสามวางหมากเฉือนคมกันนั้นเป็น ‘มี่ฮุนหรัน’ สตรีหน้าหล่อในชุดทหารที่พูดแทรก แววตานางมีความประทับใจหมิงเค่อยิ่ง มือข้างหนึ่งตบไหล่ เพราะนางรู้ดีถึงมูลค่าของอาวุธเช่นปืน หากออกจำหน่าย สิ่งนี้จะมีมูลค่ามหาศาล

ไม่ใช่ว่าโลกใบนี้ไม่มีอาวุธเช่นปืน

แต่ที่ทรงประสิทธิภาพ แต่ยิงต่อเนื่องได้แบบหมิงเค่อ มี่ฮุนหรันก็พึงเคยพบเห็นครั้งแรก ตอนนี้นางจิตนาการถึงการกลับบ้านและเอาอาวุธไฟประดิษที่เรียกว่าปืนไปให้บิดาดู

ไม่นานนัก เพียงครู่เดียว มี่ฮุนหรันคิดว่าหมิงเค่อจริงใจกับนางมาก นางเสนอให้ปรับหุ้นส่วนและเสนอเรื่องการก่อสร้างหอการค้าให้หมิงเค่อเป็นเจ้าของหลัก และนางกับองค์ชายสามเป็นผู้ช่วยสนับสนุนก็พอ ในฐานะพี่น้องจะเห็นแก่ตัวได้อย่างไร

พี่น้องต้องสนับสนุนกันสิถึงจะถูก!!!

ในตอนนั้นโดยที่มี่ฮุนหรันไม่รู้ตัว ใบหน้าองค์ชายสาม ‘โจวเฉินเถิง’ ดูปั้นยาก นี่แสดงว่าในใจเขามีความคิดบางสิ่งที่แสนลำบากใจจากคำพูดของนาง

หมิงเค่อไม่ต้องเดาก็รู้ว่าองค์ชายสามโจวเฉินเถิงมีความโลภและกลัวเสียผลประโยชน์ในเรื่องของปืน

เพียงแต่บทสรุปสุดท้ายหมิงเค่อยืนยันต้องการมอบผลประโยชน์ให้ทั้งสองในอันตราส่วนคนละ 1 ส่วน 3

โจวเฉินเถิงกลัวว่ามี่ฮุนหรันจะทำตัวเองเสียผลประโยชน์ไปมาก จึงพูดว่าให้รับความคิดของน้องเล็กเสีย หากเราไม่รับน้ำใจเขาบ้างจะเรียกว่าเป็นพี่น้องได้อย่างไร

มี่ฮุนหรันใบหน้ามีความคิดครู่หนึ่ง สุดท้ายพยักหน้าเข้าใจ

แต่สิ่งที่นางบีบบังคับข้อสุดท้ายคือ เงินลงทุนก่อตั้งของหอการค้าที่ทั้งสามสร้างขึ้น ตัวนางและองค์ชายสามจะเป็นผู้ลงทุนเอง

แม้หมิงเค่อจะเล่าว่าฐานะตัวเองไม่แย่ แต่สำหรับทั้งสองมันก็ราวกับเป็นเพียงแค่เศษขนเล็กๆ ของทั้งสอง

และเพราะเหตุการณ์นี้หมิงเค่อก้าวสู่ความมั่งคั่งในอีกระดับ เรียกได้เขาเป็นเศรษฐีเล็กๆ คนหนึ่งของดินแดนนี้แล้วก็ได้

และเพราะความมั่งคั่งนี้ ในห้าปีต่อมาด้วยการสนับสนุนจากทรัพยากรจำนวนมากหมิงเค่อก้าวสู่นักยุทธ์ระดับที่ 3 หมิงเค่อเริ่มรู้สึกว่าเส้นทางสู่ความอมตะของตัวเองก็ไม่เลว แม้ไม่ใช่ตัวเอกของยุคสมัย เขาก็ก้าวสู่เส้นทางยิ่งใหญ่ได้

เพียงแต่เมื่อหมิงเค่อก้าวสู่ระดับที่สามของนักยุทธ์ เขาพบว่าในระดับที่สามเริ่มเป็นหุบเหวใหญ่ที่แท้จริง เพราะร่างกายเขาพรสวรรค์จำกัด แต่สติปัญญาเขายอดเยี่ยม หมิงเค่อไม่มีคอขวดที่เคล็ดวิชา แต่ร่างกายนั้นกลับ… แย่

ในทุกระดับของนักยุทธ์จะมี 5 ขั้นย่อย หมิงเค่อพบว่าในระดับที่สามของนักยุทธ์ การที่เขาจะตัดผ่านแต่ละขั้นย่อย แม้จะเป็นขั้นเล็กๆ ก็จำต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 ถึง 5 ปี นี่คือแนวโน้มที่ดี

เพียงแต่เมื่อคิดว่าหากตัวเองก้าวผ่านระดับสามไปได้ และจะทะลวงสู่ระดับสี่แห่งนักยุทธ์ หมิงเค่อรู้จากพี่ใหญ่ของตนองค์ชายสามมาว่า นี่คือการก้าวสู่ระดับใหม่ที่แท้จริง และทรัพยากรที่ใช้ต่อจากนี้ต้องเป็นสมบัติชั้นทองแดงขึ้นไปเท่านั้น แม้แต่ตระกูลใหญ่ในแคว้น ไม่มีตระกูลไหนดูแลนักยุทธ์ระดับสี่ได้จำนวนมาก

นอกจากนั้นการบ่มเพาะด้วยเนื้อสัตว์อย่างเดียวไม่พออีกต่อไปจำเป็นต้องมีช่องทางซื้อโอสถเลือดลม และเนื้อสัตว์อสูรระดับสูงที่ราคามหาศาลด้วย

องค์ชายสามใบ้ๆ ให้หมิงเค่อฟังว่า ต่อจากนี้หากเขาต้องเดินบนเส้นทางนี้ รายได้ของเขาค่อนข้างจวนเจียนในการเป็นนักยุทธ์ระดับสี่ได้อย่างกล่อมแกล้มเท่านั้น

แต่แม้องค์ชายสามโจวเฉินเถิงจะพูดเช่นนี้ หมิงเค่อก็ไม่ทิ้งเป้าหมายของตัวเอง เขาเดินบนเส้นทางนักยุทธ์อย่างอหังการ

เมื่ออายุ 24 หมิงเค่อพบวาสนาใหญ่ ในการสู้รบ บังเอิญพบถ้ำโบราณที่มีอารายธรรมของคนเถื่อน

หมิงเค่อพบวิธีสร้างสิ่งที่เรียกว่า ‘ตราศึก’ คือการใช้รอยสักมอบพลังให้ตัวเรา

ในตอนที่ได้รับมรดกโบราณนี้ หมิงเค่อรู้สึกว่าตัวเองคือพระเอกของโลกใหม่เป็นครั้งแรก

และเขาเริ่มสักตราสึกลงในร่าง ในวัย 24 ปี ใบหน้าหมิงเค่อหล่อเหลามาก รอยสักทำให้หมิงเค่อดูก้าวร้าวขึ้น แต่มันก็มีเสน่ห์แบบบุรุษอันยากอธิบาย

เมื่อหมิงเค่ออายุ 25 ปี, ‘มี่ฮุนหรัน’ เชิญหมิงเค่อไปพบที่บ้าน

วันนี้นางไม่ได้อยู่ในเกราะทหาร แต่เป็นชุดสตรีโบราณ การจัดผม และฝีปากที่แต้มชาดจนแดง ทำให้หมิงเค่อรู้แล้วว่าเหตุใดนางถึงถูกยกให้เป็น 1 ใน 3 หญิงงามแห่งยุคสมัยของแคว้นวาสนาม่วง

พบพี่รองในภาพลักษณ์นี้ หมิงเค่อถูกสะกดจนใจลอย นางถึงกับหัวเราะ เสียงหัวเราอันใสกังวานทำหมิงเค่อออกจากภวังค์

ณ ศาลากลางน้ำหมิงเค่อและมี่ฮุนหรันพูดคุยกันไปหัวเราะกันไปรำลึกความหลัง เพราะเมื่อนางอายุ 20 ปี นางก็ออกจากแนวหน้า ทำให้ทั้งสองพบกันน้อยครั้งลง

นอกจากนั้นในปัจจุบัน เป็นมี่ฮุนหรันเองที่ทุ่มเทให้ ‘หอการค้าสามสหาย’ มากที่สุด นางคือนายหญิงของหอการค้า ผู้ทำให้การค้าปืนรุ่งโรจน์ นอกจากนั้นยังทำให้แคว้นวาสนาม่วงก้าวหน้ายิ่ง แผ่นดินขยายได้มากกว่าร้อยปีที่ผ่านมาก สิ่งนี้สร้างความสุขให้นางมาก

เพียงแต่…

“น้องเล็กเจ้าว่า… ข้าควรตอบรับคำขอของพี่ใหญ่ตบแต่งเป็นชายาของเขาดีหรือไม่…” ระหว่างพูดสายตามี่ฮุนหรันจ้องมองหมิงเค่ออย่างประหลาด มันแฝงความนัยลึกซึ้ง