เพียงแต่แม้โลกนี้จะผูกขาด แต่หมิงเค่อคือชายที่ข้ามมิติ เขารู้สึกว่าเขาแตกต่างจากคนอื่นๆ ไม่น้อย
และหมิงเค่อก็ทำได้ไม่แย่แม้ในชีวิตก่อน เขาจบปริญญาวิศวะเครื่องกล ปริญญาโทสาขาบริหารจัดการอุสหกรรมหนัก ชีวิต 4 ปีใเคยเป็นทหารรับใช้ชาติ เมื่ออกมาเขากลายเป็นเจ้าของธุรกิจมูลค่าพันล้าน นี่คือตัวตนของหมิงเค่อก่อนเข้ามาสู่โลกใบนี้ โลกที่ถูกเรียกว่า 【โลกแห่งวิถียุทธ์และจอมคาถา】
เพียงแต่ในความทรงจำของหมิงเค่อก็มีสิ่งน่าประหลาดอยู่ เขาจำเรื่องราวในชาติก่อนได้ แต่เขาจำชื่อตัวเองและตัวตนของคนรอบตัวไม่ได้ และเขาจำไม่ได้ว่าเขามาเกิดใหม่ได้อย่างไร
หมิงเค่อไม่คิดว่าเขาตายแล้วค่อยมาสู่โลกใบนี้ ในชีวิตก่อนเขามีชีวิตที่ดีมาก ครอบครัวอบอุ่น บิดามารดาและพี่น้องทุกคนภูมิใจในตัวเขา
หมิงเค่อแทบจะเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในคนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จด้วยตัวเองอย่างสูงสุด เพียงแต่เมื่อหมิงเค่อนึกถึงมันไม่ออกเขาก็ไม่อยากจะนึกต่อ
สิ่งดีงามคือเขามีความรู้ของโลกเดิมมากมาย แม้จะจำตัวตนและบิดามารดาในอดีตไม่ได้ หมิงเค่อก็ไม่ไขว่คว้ามันมากจนเกินไป เขาอยู่กับปัจจุบัน
…
เมื่อเส้นทางนักยุทธ์จำต้องใช้เงิน หมิงเค่อเริ่มทำสิ่งง่ายๆ เช่นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ซอส ของหมัก ซีอิ๋ว อันเป็นความรู้เฉพาะของโลกเดิมซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ยาก เริ่มต้นแรกๆ เขาออกขายกับมารดาสองคน
แต่ไม่นานด้วยรสชาติอันหายาก การค้าขายเล็กๆ ของเขาก็ค่อยๆ ใหญ่โต จนถึงกลับต้องเรียกพี่สาวคนโตกลับมาช่วย
สิ่งดีงามของโลกใหม่ หมิงเค่อพบว่าครอบครัวใหม่ของตัวเองอบอุ่นมาก ทุกคนมีน้ำใจให้กัน พี่เขยของหมิงเค่อ แม้หมิงเค่อจะเด็กมาก ด้วยการที่หมิงเค่อจุนเจือเงินทองให้ มอบเงินให้พี่สาวคนโตจำนวนไม่น้อย
พี่เขยที่แสนซื่อนาม ‘หมิงหยวน’ แทนที่จะเรียกหมิงเค่อว่าน้องชาย แต่เขาเรียกหมิงเค่อว่า ‘พี่ใหญ่น้อย’ อย่างให้เกียรติ และบอกกับลูกของตัวเองที่อายุมากกว่าหมิงเค่อสิบปี ให้เรียกหมิงเค่อว่า ‘ลุงใหญ่’ ในตอนนั้นหมิงเค่ออายุ 7 ขวบเท่านั้น
ส่วนทำไมหมิงหยวนใช้แซ่เดียวกับครอบครัวของหมิงเค่อ นั่นเพราะ ตอนที่พี่สาวคนโตของหมิงเค่อแต่งงาน พี่ชายสองคนได้ตายไปแล้ว ตัวบิดามารดาก็ไม่คิดจะมีลูกอีกเพราะรู้ตัวว่าชรา จึงอาจจะไม่สามารถให้กำเนิดทายาทได้อีก
หมิงหยวนเป็นช่างไม้ที่ขยัน นิสัยดี แต่เขาอาภัพที่เมื่อเกิดมาไร้ครอบครัว ถูกนายช่างใหญ่ผู้หนึ่ง ณ โรงงานเครื่องเรือนเก็บมาเลี้ยง เขาจึงไม่ให้ความสำคัญกับแซ่ตัวเองนัก ยอมแต่งเข้าบ้านและใช้แซ่หมิง
เมื่อ หมิงเค่อ 9 ขวบ กิจการภายในตระกูลก็หมั่นคง อาหารขึ้นชื่อและซอสหมักต่างๆ ที่เขาทำขึ้นได้รับการยอมรับ เพราะนำไปกินกับอะไรก็อร่อย
เพียงแต่ในวัย 9 ขวบ หมิงเค่อรู้ดีว่าเขาจะหยุดแค่ตรงนี้ไม่ได้
ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มากมายค่อยๆ ถูกเขาพัฒนา
และด้วยความที่หมิงเค่อจบจบปริญญาวิศวะเครื่องกลและปริญญาโทสาขาบริหารการจัดการอุสหกรรหนัก เขาเริ่มสร้างเครื่องจักรหนักออกมา และเมื่อเริ่มต้นที่จะทำหมิงเค่อก็ต้องประหลาดใจ ทุกอย่างในโลกใบนี้ไม่ได้แปลงพลังมาจากกระแสไฟฟ้า แต่กลับมาจากหินพลังงานวิญญาณ ตอนรู้เรื่องนี้ครั้งแรกหมิงเค่ออึ้งไปเล็กน้อย
แต่ด้วยความที่มีสติปัญญา การแปลงพลังงานให้เข้ากับเครื่องจักรก็ไม่ได้ยากเกินไปสำหรับหมิงเค่อ
ครอบครัวหมิงเค่อร่ำรวยขึ้นในอัตรายก้าวกระโดด
และในวัย 9 ขวบเช่นเดียวกัน หมิงเค่อเริ่มต้นเส้นทางผู้ฝึกยุทธ์
เขาเริ่มต้นง่ายๆ จากเคล็ดวิชาพื้นฐานที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขว้าง ก่อนจะค่อยๆ เข้าสู่โรงฝึกยุทธ์เรียนรู้เคล็ดวิชาที่ดุดันมากขึ้น และเมื่อหมิงเค่อฝึกยุทธ์ได้ 1 ปี เขาพบเรื่องน่าเศร้าเล็กๆ
ร่างกายหมิงเค่อนั้นต่ำกว่ามาตราฐานนักยุทธ์ทั่วไปหนึ่งส่วน เขาดูดซึมเลือดเนื้อจากสัตว์ร้ายเพื่อบำรุงร่างกายได้น้อยกว่าคนปกติ 2 ส่วน
เป็นอีกครั้งที่หมิงเค่อพบว่าเขาไม่ใช่พระเอกของโลกใบนี้ แต่หมิงเค่อก็ไม่ท้อถอย เขายังมีปรารถนาที่จะโบยบินและก้าวสู่เส้นทางแห่งความเป็นนิรันดร์ แม้จะไม่อาจเป็นอมตะ หมิงเค่อก็หวังว่าอย่างน้อยๆ เขาจะสามารถเหินฟ้าเหยียบนภาเป็นตัวตนที่จารึกตำนานในโลกใบนี้ได้ และเพราะความคิดแบบนี้ แม้หมิงเค่อจะดูดซึมเลือดเนื้อได้น้อยกว่าคนอื่นๆ เขาก็แค่คิดว่า อย่างมากก็ใช้ทรัพยากรมากกว่าคนอื่นก็เท่านั้น
วิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือ… ร่ำรวย
หมิงเค่อมุ่งมั่นใช้ความรู้ของตัวเองสร้างความมั่งคั่ง กิจการของเขาใหญ่โต บริวารของเขามากขึ้น ไม่นานหมิงเค่อก็พบว่าวิธีคิดของเขาถูกต้อง…
เมื่ออายุ 14 หมิงเค่อก้าวสู่นักยุทธ์เลือดลมระดับสอง ในเมืองเล็กๆ ผู้คนเรียกหมิงเค่อว่าอัจฉริยะน้อย แต่มีเพียงหมิงเค่อเท่านั้นที่รู้ดีว่าเขาพยายามมากขนาดไหน และใช้ทรัพยากรไปมากเพียงไรเพื่อเดินมาจุดนี้
ในโลกใบนี้นักยุทธ์แบ่งเป็น 9 ระดับที่รู้กัน【ทวีปหนึ่งจักรพรรดิเจ็ดกษัตริย์】นั้นมีความน่าเสียดายบางอย่าง แม้ทุกคนจะรู้ว่าวิถียุทธ์นั้นมี 9 ระดับ แต่การบ่มเพาะสูงสุดที่ทวีปแห่งนี้บ่มเพาะได้มีถึงแค่ที่ระดับเจ็ดเท่านั้น และคนที่บ่มเพาะถึงระดับเจ็ดได้ก็มีเพียงคนที่อยู่ในดินแดนจักรพรรดิ
【ดินแดนวาสนาม่วง】ที่หมิงเค่ออาศัยอยู่นั้นแม้แต่กษัตริย์ก็ยังเป็นเพียงนักยุทธ์ระดับห้า
ดังนั้นการก้าวสู่ระดับที่สูงขึ้นจึงไม่ง่าย… มันเต็มไปด้วยปัญหาและอุปสรรค์
และเพราะหมิงเค่อมุ่งมั่นในวิถียุทธ์และเขาค่อยข้างไร้หนทาง… ในที่สุดเขาเข้าสู่กองทัพ เพราะนั่นเป็นวิธีเดียวที่หมิงเค่อจะได้รับคัมภีร์บ่มเพาะในระดับที่สูงขึ้น
คนทั่วไป และโรงฝึกยุทธ์ยากนักที่จะหาผู้ถ่ายทอดเคล็ดบ่มเพาะระดับสูง แม้จะพูดว่าระดับสูง มันก็แค่ระดับสาม
เมื่อเข้าสู่กองทัพหมิงเค่อได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง และเขาก็เข้าใจความจำเป็นในการมีกองทัพมากขึ้น
ชาวบ้านแม้ลำบาก แต่พวกเขาส่วนใหญ่ก็อยู่ในพื้นที่ปลอดภัย
หมิงเค่อได้พบอสูร วิญญาณร้าย แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับหมิงเค่อคือ ‘ความประหลาด’ มันมีลักษณะยากที่จะอธิบาย บิดเบี้ยว ผสมผสานไปด้วยลักษณะของสิ่งมีชีวิตประเภทต่างๆ แต่ละตนมีลักษณะเฉพาะ
แต่ความบิดเบี้ยวและความแปลกประหลาดของร่างกาย ไม่ใช่สิ่งที่น่าสะพึงของความประหลาด
แต่เป็นอำนาจลี้ลับที่พวกมันสร้างขึ้นต่างหาก เหล่าความประหลาดขึ้นชื่อในการสร้าง ‘คำสาป’ ‘ดินแดนวิกฤต’
การจะฆ่าหรือพิชิตมันได้ต้องใช้นักยุทธ์ที่ลมปราณก่อตัวแล้วสังหาร หรือเวทย์มนตร์คาถาของจอมคาถาเท่านั้น
และสิ่งนี้ทำให้หมิงเค่อรู้ว่าทำไมโลกใบนี้จึงให้ความสำคัญกับนักยุทธ์และจอมคาถามาก
ไฟ หอก ธนูแกร่งที่รุนแรงจนยิ่งหินระเบิดฆ่าความประหลาดและวิญญาณไม่ได้ และนี่อาจจะเป็นที่มาที่โลกใบนี้ไม่ค่อยพัฒนาองค์ความรู้แห่งเหตุและผลเช่นวิทยาศาสตร์ ทุกคนมุ่งมั่นไปที่ปัญญาหยั่งรู้วิถีลี้ลับแห่งจิตวิญญาณและพลังธรรมชาติจากพลังวิญญาณ
ณ ค่ายทหาร หมิงเค่อค่อยๆ สร้างชื่อ ในระหว่างนี้หลังอยู่ในค่ายทหารครบ 3 ปี หมิงเค่อได้ออกแบบ ‘ปืนประทับบ่า’ ด้วยความทรงจำจากการเป็นทหาร 4 ปีในชาติก่อน
หมิงเค่อเคยแกะและประกอบปืนประจำตัวนับครั้งไม่ถ้วน นั่นทำให้เขารู้ส่วนประกอบดี
แม้โลกใบนี้ ‘อาวุธไฟ’ หรืออาวุธที่โจมตีกายภาพจะไม่เป็นที่นิยม แต่เพราะโลกใบนี้ยังมีสงครามระหว่างอาณาจักรคนฆ่าคนด้วยกัน หมิงเค่อคิดว่าปืนยังเป็นอาวุธที่น่าสนใจ