เมื่ออายุห้าขวบ หมิงเค่อรู้ตัวแล้วว่าเขาไร้พรสวรรค์ในเส้นทางแห่งจอมคาถา หลังตรวจ ณ ค่ายกลเล็ก ณ จวนของนายอำเภอ
เมื่อได้เข้าสู่เขตอำเภอครั้งแรก นั่นทำให้หมิงเค่อรู้ว่าโลกนี้ไม่ได้โบราณอย่างที่คิด มันมีความร่วมสมัย มีรถ มีเรือบิน
การที่เห็นภาพนี้ครั้งแรก หมิงเค่อมีคำถามในใจเล็กน้อย นั่นคือ… โลกใบนี้ก็ดูจะมีความศิวิไล มีของทันสมัยไม่น้อย แต่เห็นใดชนบทจึงดูแสนยากจนและกันดานเหลือเกิน
เขาเก็บคำถามนี้ไว้ในใจกลับมาถามอาจารย์บัณทิตเฒ่า
“เจ้าตัวน้อยหมิง เจ้าถามได้ดี…” กล่าวจบคำนี้ อาจารย์เฒ่าทอดสายตาไกล ณ สุดขอบฟ้า ไม่นานอาจารย์เฒ่าถอนหายใจและพูด
“โลกใบนี้มีประวัติศาสตร์สืบย้อนหลังได้มากกว่า 25,000 ปี เหล่านักประวัติศาสตร์นั้น พวกเขาเชื่อว่าประวัติศาสตร์ของโลกใบนี้สาวลึกไปได้ยิ่งกว่านี้อีก โลกใบนี้อาจจะมีอายุเป็นแสน หรือแสนๆ ปีก็ได้”
“เพียงแต่เมื่อโลกใบนี้มีอายุยาวนาน มนุษย์ปรากฏตั้งแต่หลายพันหลายหมื่นปีก่อนแล้ว เหตุใดบ้านเรือนผู้คนถึงยังยากไร้ ชนบทแสนอดยาก บางครอบครัวถึงกับต้องขายลูกกิน ส่วนในเมืองหลวงหรือเมืองใหญ่กับศิวิไลราวแดนสวรรค์ ผู้คนแต่งตัวสวยงาม มีของกินของใช้เป็นสมบัติวิเศษที่แสนน่าอัศจรรย์ ทั้งเรือบิน ป้ายส่งข้อความ ที่ว่ากันว่าอยู่ห่างกันหมื่นลี้แสนลี้ก็คุยกันได้ชัดราวกับอยู่ตรงหน้า”
“ทั้งหมดก็เพราะ… โลกโหดร้าย และมนุษย์เราก็ไร้น้ำใจต่อกัน เด็กน้อยเจ้ารู้ไหม หากเจ้าไปยังจวนนายอำเภอและเจ้าคือผู้มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะเป็นจอมคาถา สิ่งที่เจ้าจะพบเจอคืออะไร… แน่นอนเจ้าและครอบครัวจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มารดาเจ้าจะมีเสื้อผ้าสวยๆ ใส่ พี่น้องของเจ้า หากเจ้าเมตตา เจ้าก็สามารถพาพวกเขาไปตั้งรกรากในเมืองใหญ่ได้ไม่ยาก”
“เพียงแต่… ทั้งหมดนี้ก็ต้องแลกมากกับสัญญาทาส…”
หมิงเค่อเมื่อยังเด็กได้ยินคำพูดของอาจารย์เฒ่าเขาประหลาดใจเล็กน้อย
ดวงตาที่สุกใสทำให้อาจารย์เฒ่ายิ้ม มือลูบศีรษะหมิงเค่อก่อนจะอธิบายความนัยต่อ
“คนเราไม่เหมือนกัน ต่างที่เกิดก็ต่างวาสนาแล้ว การเป็นทาสอาจจะไม่แย่เสมอไป แต่นั้นก็ทำให้ต่อจากนี้เจ้าจะไม่ได้เป็นตัวของตัวเองตลอดไป เจ้าคงจะคิดว่าทำไมเจ้าถึงต้องทำสัญญาทาสในเมื่อเจ้ามีพรสวรรค์”
“ในโลกใบนี้แม้พรสวรรค์จะหายาก แต่ในหมู่ชนชั้นสูง พรสวรรค์กลับหาไม่ยาก กายวิญญาณพิเศษปรากฏในตระกูลชั้นสูงเสมอ เจ้าคงอยากรู้ว่าเพราะอะไร อาจารย์จะอธิบายง่ายๆ พ่อแม่มีพรสวรรค์ ลูกจึงมีพรสวรรค์, เจ้าเข้าใจไหม”
หมิงเค่อที่อายุห้าขวบพยักหน้ารับ
“เด็กดีเจ้าฉลาด จริงๆ เรื่องนี้มีสิ่งที่ข้าสามารถพูดได้อีกมาก แต่นี่ยังไม่ใช่สิ่งที่เจ้าควรรู้ ประโยคที่อาจารย์พูดเมื่อครู่เพียงแค่ต้องการสื่อให้เจ้ารู้ว่า การเป็นผู้มีกายวิญญาณพิเศษสำหรับชนชั้นสูงไม่นับว่าพิเศษเป็นอะไร, หากเขามีบริวารที่สามารถบ่มเพาะเป็นจอมคาถาได้ก็ดี หากไม่มีก็ไม่เป็นไร”
“และคำถามต่อมา หากเจ้าไม่ยอมรับสัญญาทาสจากตระกูลใหญ่ เจ้าคงอยากรู้ว่าตัวเจ้าสามารถเป็นจอมคาถาได้หรือไม่”
“ย่อมได้แน่นอน เพียงแต่… เด็กน้อย เจ้าเคยจำที่อาจารย์สอนเจ้าได้หรือไม่ เรื่องความต่างของคนธรรมดากับผู้ฝึกยุทธ์และจอมคาถา ว่าการจะฝึกฝนได้นั้นต้องสิ้นเปลืองขนาดไหน”
หมิงเค่อพยักหน้าอีกครั้ง
“เมื่อเจ้าจำได้ก็ดี อาจารย์จะได้ไม่ต้องพูดซ้ำ เรื่องเนื้อ เรื่องหินพลังงานวิญญาณเป็นแม่น้ำสายใหญ่แล้วที่เจ้าต้องข้าม แต่สิ่งที่กว้างใหญ่ยิ่งกว่าค่าใช้จ่ายของราคาเลือดเนื้อและหินพลังวิญญาณคือ… เคล็ดวิชาบ่มเพาะ เด็กน้อยหากเจ้าไม่เข้าตระกูลใหญ่ เส้นทางเดียวที่เจ้าจะบ่มเพาะได้คือเดินทางสู่เหล่า ‘มหาวิทายาลัยนักยุทธ์และจอมคาถา’ อันยิ่งใหญ่ทั้งหลาย”
“ผู้มีพรสวรรค์นับหมื่นไปที่นั้น แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะประสบความสำเร็จ นั่นเพราะ ณ ‘มหาวิทายาลัยนักยุทธ์และจอมคาถา ทรัพยากรก็ยังเป็นสิ่งสำคัญ”
“ดินแดนวาสนาม่วงของพวกเรา มีวิทยาลัยระดับกลางอยู่ 3 แห่ง พวกเขารับแต่ผู้มีพรสวรรค์สุดขีด กายวิญญาณที่จะได้รับสิทธิ์พิเศษนั้นต้องโดดเด่นจริงๆ แค่เพียงพอฝึกได้ไม่พอ และกายวิญญาณพิเศษเหล่านั้น ว่ากันว่ามีเพียง 1 ใน 1000 หรือ 1 ใน 10000 ของผู้มีกายาวิญญาณพิเศษ สิ่งนี่เท่ากับอะไร ในคนนับล้าน คนที่พวกเขาต้องการนั้นมีจริงๆ เพียงแค่หนึ่งหรือสองคน”
“ส่วนผู้ฝึกเป็นจอมคาถาทั่วไปที่เห็นในโลกใบนี้ ส่วนใหญ่คือผู้มีพรสวรรค์สามัญ ส่วนใหญ่อยู่ใต้ตระกูลใหญ่, ส่วนคนที่เข้าวิทยาลัยได้นั้นก็ต้องบรรลุเงื่อนไขหนึ่งข้อ”
“เงื่อนไขอะไรหรือขอรับท่านอาจารย์” หมิงเค่อวัยไร้เดียงสาส่งเสียงถาม
อาจารย์เฒ่าหัวเราะก่อนตอบ “ก็ร่ำรวยนะสิ หินพลังวิญญาณหมื่นก้อนคือขั้นต่ำที่พวกเขาจะยอมรับผู้มีพรสวรรค์ธรรมดาเป็นศิษย์”
หมิงเค่อเข้าใจโลกทันที
“ไม่พูดไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ตอนนี้ออกนอกเรื่องไปไกล เรากลับมาที่คำถามที่เจ้าถามอาจารย์ว่าทำไมโลกใบนี้ถึงมีความแตกต่างมากต่อดีกว่า, เรื่องนี้ยิ่งเจ้ารู้เร็วก็ยิ่งมีประโยชน์ต่อเจ้าหมิงเค่อ เพราะเจ้านั้นเป็นเด็กฉลาด อาจารย์กลัวว่าในอนาคตเจ้าจะถูกหลอก”
“การไปเขตอำเภอของเจ้าครั้งนี้เจ้าคงได้เห็นสมบัติวิเศษที่น่าสนใจมากมายสินะ นอกจากนั้นยังมีบ้านเรือนที่น่าอัศจรรย์”
“เพียงแต่เด็กน้อย เจ้ารู้ไหมสิ่งต่างๆ เหล่านั้นเกิดขึ้นอย่างผูกขาด บ้านเรือน สมบัติวิเศษชั้นดี มีแต่ตระกูลใหญ่และสำนักอันประเสริฐเท่านั้นที่สร้างได้ หลายสิ่งหลายอย่างแม้เป็นของธรรมดา ก็มีแค่พวกเขาเท่านั้นที่สร้างได้”
“ฟังดูอาจจะแปลกๆ ทำไมมีแต่พวกเขาที่สร้างได้”
“นี่เป็นเพราะโลกใบนี้มีการทำสิ่งที่เรียกว่า ‘สัญญาคำสาป’ ที่เมื่อผู้ประทับโลหิตลงไปแล้ว แม้เขาตายเขาก็ยังไม่อาจจะละเมิดคำสัญญาได้, เหล่าชนชั้นสูงในโลกใบนี้ต่างทำสัญญาแบบนี้กับกันและกัน ทำให้องค์ความรู้กระจุอยู่แต่ในวงศ์ตระกูลและสำนัก ไม่มีการถ่ายทอดสู่ภายนอก โลกใบนี้จึงอยู่ในกำมือของพวกเขา เจ้าจะไม่ซื้อไม่ใช่ของพวกเขาก็ได้ แต่ของที่พวกเขาสร้างขึ้น นอกจากที่พวกเขาขาย เจ้าก็หาซื้อจากที่อื่นไม่ได้อีกเช่นกัน สุดท้ายแม้ไม่อยาก แต่หากสิ่งนั้นจำเป็น เจ้าก็ได้แต่ซื้อจากพวกเขา”
อาจารย์เฒ่าถอยหายใจคล้ายปลดปลงกับบางสิ่ง
ส่วนหมิงเค่อเข้าใจทันทีว่าทำไมโลกใบนี้แม้จะเหมือนพัฒนาคล้ายโลกของเขาไปบ้าง แต่กลับหยุดอยู่กับที่นาน แท้จริงแล้วที่โลกใบนี้มีการผูกขาดอย่างรุนแรงและน่ากลัว ยิ่งกว่าระบบตรวจลิขสิทธิ์ในโลกของเขา
จบคำพูดของอาจารย์เฒ่าหมิงเค่อเข้าใจทิศทางของตัวเองในโลกใบนี้แล้ว หากอยากแหวกว่ายสู่ความยิ่งใหญ่ วาสนา สหาย ทรัพย์คือสิ่งที่เขาขาดไม่ได้เลย…
นับจากวันนั้นหมิงเค่อมุ่งสู่เส้นทางแห่งยุทธ์