“ทำไมวันนี้เจ้ากับลูกยูลี่ถึงออกจากบ้านสายเชี่ยว นี่เที่ยงวันแล้วเหตุใดพึงออกจากบ้าน การฝึกฝนและภาระต่ออาจารย์ลี้ลับของเจ้าเล่าอาคัง ไม่ใช่เจ้าเล่าให้พี่หญิงฟังว่าเจ้านั้นมีงานรัดตัวเสมอมิใช่หรือ”
“…” หลี่เค่อนิ่งเงียบไปครู่ เขาไม่คิดว่าถังเฟยหยางจะแอบจับตาดูเขาและลูกสาวถังยูลี่ในวันนี้
นางคงเห็นถังยูลี่ที่ออกมาก่อนหน้าเขา ไม่งั้นนางคงไม่พูดแบบนี้
แต่จะให้หลี่เค่อตอบนางตามตรงก็คงไม่ได้ เขากับนางเสพสมกันดุเดือดจนถึงเที่ยง
หลี่เค่อจึงได้แต่แสร้งหน้านิ่งและพูดเปลี่ยนเรื่อง
“พี่หญิงเหตุใดท่านจึงมาดักรอข้าแบบนี้ ท่านมีเรื่องสำคัญอะไรจึงพูดคุยกันในบ้านไม่ได้”
หลี่เค่อพึงสังเกต ในมือถังเฟยหยางนางถือผลึกบางอย่างที่เมื่อผลึกนี้อยู่ใกล้ตัวเขามันจะส่องแสงสว่างเป็นพิเศษ
เมื่ออยู่กลางแจ้งอาจจะไม่สังเกตเห็นมันโดยง่าย แต่เมื่อเข้ามาในรถเวทย์ แสงในตัวรถถึบลง ทำให้การสังเกตความสว่างของมันทำได้ง่ายแม้ไม่พยายามมอง
ถังเฟยหยางกุมมันแนบอก ใบหน้านางแดง น้ำเสียงนางดูอึดอัดแปลกๆ “ขะ…ขะ…ข้า”
“พี่หญิงท่านหน้าแดงมาก ท่านเป็นอะไร” หลี่เค่อพูดพร้อมมือทาบหน้าผากของนาง มันร้อนจริงๆ
“ไม่มีอะไร!!!” ถังเฟยหยางรีบร้อนพูดพร้อมดึงมือหลี่เค่อลง จากนั้นนางบอกหลี่เค่อว่าไม่ต้องพูดอะไร และนางขับรถเวทย์ออกไปอย่างรวดเร็ว
ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม หลี่เค่อและนางก็ออกนอกเมือง ไปถึงเทือกเขาและแนวป่าลี้ลับแห่งหนึ่ง ถังเฟยหยางจอดรถเวทย์ สายตานางดูหลุกหลิก เมื่อนางเห็นว่าไม่มีใคร นางร่ายคาถาปิดซ่อน ต้นไม้มากมายงอกจากพื้นปกคลุมรถเวทย์
ไม่ช้านางจับมือหลี่เค่อเดินไป ณ มุมหนึ่งของขุนเขาใหญ่ ที่มุมนี้มีแต่โขดหิน
ถังเฟยหยางมองสำรวจอีกรอบ พร้อมหยั่งจิตสัมผัสไปไกลนับสิบลี้ นางพบว่าไม่มีคน นางจึงดันหินใหญ่ก้อนหนึ่ง เบื้องล่างก้อนหินนี้มีแผ่นศิลาควบคุมค่ายกล
ถังเฟยหยางใช้อำนาจจิตควบคุมค่ายกลนี้
‘ทำไมนางต้องทำอะไรลึกลับ’ หลี่เค่อคิด
ครืนๆๆๆๆ ครืนๆๆๆๆ ศิลาเลื่อน หลี่เค่อพบว่าตรงหน้าคือปากถ้ำ
ถังเฟยหยางดึงมือหลี่เค่อเข้าไปในถ้ำเร็ว
เมื่อเข้าไปภายใน เดินผ่านเส้นทางที่เป็นถ้ำมืดและดูเหมือนโขดหินธรรมชาติครู่หนึ่ง
ไม่ช้าก็พบโถงทางเดินวิจิตรที่มนุษย์สร้างขึ้น มันสว่างเพราะรอบด้านประดับด้วยหินแสงที่ไม่มีวันมืด
ในระหว่างนี้ถังเฟยหยางอธิบาย สถานที่นี้คือปะรำพิธีลับของตระกูลเก่าแก่ที่ไม่มีผู้คนใช้แล้ว นางรู้จักที่นี่จากการทำคดีสืบสวนฆ่ากรรมของตระกูลใหญ่แห่งหนึ่ง
ตอนนี้ไม่มีใครรู้จักที่นี่อีกแล้ว
ข้อดีของมันที่นี่เชื่อมโยงกับปราณฟ้าดินและมีพลังวิญญาณระอุมาก
คาดว่าใต้ดินมีชีพจรมังกรระดับต่ำอยู่
จากนั้นถังเฟยหยางยิ้มและพูดต่อ นางพูดว่าความจริงนางต้องการจะพาครอบครัวมาอาศัยที่นี่
แต่เมื่อคิดไปคิดมา ไม่ได้ผิดที่คน แต่ผิดที่ครอบครองหยกล้ำค่า
ด้วยสภาพของนางและครอบครัวในอดีต ต่อให้มีสถานที่ล้ำค่านางก็รักษาไม่ได้ มีแต่จะเป็นอันตราย แม้ตอนนี้พวกเราจะมีชีวิตที่ดีขึ้น ลูกถังยูลี่กลายเป็นปรมาจารย์ แต่การมีที่พักล้ำค่ามีชีพจรวิญญาณวิ่งอยู่ใต้ล่างแบบนี้ตระกูลถังในตอนนี้คงครอบครองมันไม่ไหว
อย่างน้อยๆ พวกเราก็ต้อง… พูดถึงตรงนี้ถังเฟยหยางเขินอายมาก
แต่สุดท้ายนางก็ฝืนพูด
“อย่างน้อยพวกเราก็ต้องมีปรมาจารย์ระดับสูง หรือก็คือผู้ฝึกฝนระดับหกเป็นอย่างน้อย เราถึงจะครอบครองที่แห่งนี้ได้ อาคังจะ… เจ้ารู้อะไรไหม ลูก… ลูกยูลี่ของพวกเรา ในตอนที่นางไปติดอยู่ในดินแดนแห่งความฝัน นางได้วาสนาพิเศษ และนางได้ครอบครองเคล็ดวิชาลี้ลับจากโบราณกาลมากมาย”
พูดถึงประโยคนี้ ถังเฟยหยางและหลี่เค่อก็เดินมาถึงใจกลางถ้ำ มันเป็นลานโล่ง พื้นที่กว้างราวสี่หมู่ นับว่าใหญ่มากจริงๆ บริเวณนี้มีโต๊ะเก้าอี้ศิลาตั้งอยู่หลายจุด แสดงว่าที่นี่ครั้งหนึ่งในอดีตเคยถูกใช้งาน
ถังเฟยหยางจับมือหลี่เค่อนั่ง ณ เก้าอี้ศิลาตัวหนึ่ง
จากนั้นร่างนางดูสั่นๆ เวลาพูดนางเขินอาย ไม่กล้ามองหลี่เค่อ ดวงตามองไปแต่ที่พื้น
“มหาสำนักสุริยันจันทราล้ำเลิศ… มันมีเคล็ดวิชาบำเพ็ญที่จะต้อง…”
หลี่เค่อเข้าใจทันทีว่านางจะพูดอะไร ตอนนี้เขานึกออกแล้วว่า ผลึกส่องสว่างในมือนางคืออะไร
สิ่งนี้เอาไว้ใช้ตามหาบุรุษร่างหยางลึกล้ำ ยิ่งร่างกายของบุรุษมีหยางบริสุทธิ์มาก ผลึกแสงนี้จะส่องสว่างยิ่ง
สิ่งนี้ความจริงไม่ควรปรากฏในโลกนี้…
‘ถังยูลี่สร้างมันและมอบให้ถังเฟยหยาง นี่นางบอกเรื่องเคล็ดวิชาของนางเทพแห่งสำนักสุริยันจันทราล้ำเลิศให้แม่บุญธรรมของตัวเองรู้งั้นเหรอ แต่ก็ไม่แปลก ลูกสาวคนนี้ของข้า นางมักตัดสินใจสิ่งใดด้วยหัวใจ และนางก็… ไม่คำนึงถึงเรื่องความเหมาะสมแห่งศีลธรรมชายหญิงทั่วไป ขอแค่นางคิดว่าสิ่งที่นางกระทำไม่ผิดต่อตัวเองและใครๆ นางคิดเสมอว่าตัวเองจะทำอะไรก็ได้’
‘ไม่แปลกที่นางจะเล่าเรื่องของเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ของมหาสำนักสุริยันจันทราล้ำเลิศให้ถังเฟยหยางฟัง เพราะนางมี “กายามหาเทพธิดาจันทรา” หากนางได้ฝึกฝนมหาเคล็ดวิชาของมหาสำนัก การบ่มเพาะของนางจะรวดเร็วและง่ายยิ่งกว่าการดื่มน้ำ เพียงแต่… เห่อ’ หลี่เค่อคล้ายอยากจะถอนหายใจแรง
เขารู้รายละเอียดของเคล็ดวิชาดี
ในโลกแห่งความฝันเขาฝึกกับนางเทพศักดิ์สิทธิ์ของมหาสำนักแทบทุกวัน
“พี่หญิงท่านเตรียมใจแล้วใช่ไหม” เพราะกลัวนางเขินอาย หลี่เค่อยื่นมือตัวเองไปกุมมือนาง
ถังเฟยหยางตอนนี้ดูตกใจมาก
“เจ้าก็รู้…”
หลี่เค่อลืมตัวเล็กน้อย เขาพบว่า ถังยูลี่ไม่เคยเล่าเรื่องเคล็ดวิชาเหล่านี้ต่อตัวเขาในโลกความจริง
แต่มันสำคัญหรือ
โชคดีที่หลี่เค่อก็เป็นคนหนึ่งที่เข้าใจนิสัยของถังเฟยหยาง
เขารีบโกหกนางว่าเขารู้มันจากถังยูลี่ เพียงแต่นางแค่บอกใบ้บางสิ่งต่อเขา หลี่เค่อมั่นใจว่า เมื่อเขาพูดแบบนี้ถังเฟยหยางจะไม่เอาไปพูดกับถังยูลี่ต่อ
เพราะเขามั่นใจว่าถังเฟยหยางนั่นเป็นสตรีแสนขี้อาย เรื่องลี้ลับแห่งชายหญิงนางไม่กล้าเอาไปเล่าให้ใครฟังแน่นอน
“อาคัง! เจ้ารู้มากขนาดไหนเกี่ยวกับเคล็ดการฝีกฝนของมหาสำนักจากดินแดนแห่งความฝันของลูกยูลี่!!!” น้ำเสียงของถังเฟยหยางแฝงความตกใจและประหม่าถึงขีดสุด
หลี่เค่อไม่กล้าพูดว่าเขารู้จักมันอย่างดี ไม่งั้นจะขัดกับสิ่งที่เขาพูดไปก่อนหน้า
“พี่หญิงเพียงเล็กน้อย”
ได้ยินแบบนี้ดวงตางามของถังเฟยหยางสั่นระริก นางมีความลำบากใจ สุดท้ายนางถอนหายใจ มือเรียกสมุดเล่มหนาจากแหวนเก็บของออกมา
นางเอาหนังสือมาวางที่ตักและพูดว่าก็ไม่แปลกที่เจ้าไม่รู้อะไรมาก เพราะเรื่องนี้มัน… พูดถึงเรื่องนี้ถังเฟยหยางอายไม่อาจพูดถึงเรื่องเคล็ดวิชาต่อ
แต่นางเปลี่ยนเรื่องพูด และน้ำเสียงของนางตอนนี้ดูจริงจังมาก
“อาคังเรื่องที่พี่หญิงจะพูดต่อจากนี้ เจ้าสัญญากับพี่หญิงได้ไหมว่า หากเจ้าไม่ได้รับอนุญาตจากพี่หญิง ต่อให้เจ้าตายเจ้าก็จะไม่เอาเรื่องที่เราคุยกันในวันนี้ไปพูดหรือไปเล่าให้บุคคลที่สามฟัง”
หลี่เค่อชูมือข้างหนึ่งพร้อมพูด “ข้าสาบาน” ในใจนึกสนุกคิดว่าหญิงงามตรงหน้าจะทำอะไรต่อจากนี้
ถังเฟยหยางยิ้มอย่างลำบาก นางไม่มองหน้าหลี่เค่อ พยักหน้าตัวเองหลายครั้ง สายตามองพื้น ก่อนจะพูดว่า ดีดีดี หลายคำ
“เมื่อเจ้ารับปากพี่หญิงก็วางใจ เพราะเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ของเรา มันอาจจะทำให้ตัวพี่หญิงและเจ้า ต่อจากนี้เวลาเจอหน้ากันอาจจะต้องอึดอัดมาก แต่อาคังสิ่งนี้พี่หญิงทำเพราะด้วยสถานการณ์ของตระกูลถังเราถูกบีบบังคับ พี่หญิงไม่มีทางเลือก เจ้าและพี่หญิงต่างก็ต้องการไขว่คว้าพลัง รอบด้านเรามีคนไม่หวังดีมากมาย นอกจากนั้นข่าวจากสำนักของพี่หญิง พี่หญิงได้ข่าวว่ามีคนจากตระกูลมู่กำลังมาที่อาณาจักรแห่งนี้ อย่างน้อยที่สุดพี่หญิงอยากให้เจ้ามีพลังป้องกันตัว ระดับบ่มเพาะของเจ้าตอนนี้ต่ำมากเกินไป ดังนั้นพวกเราจึงต้อง… ฝึกฝนเคล็ดวิชาบ้าๆ นี้ร่วมกัน!!!”