ด้วยความต่างของเลเวลที่ต่างกันมาก สิ่งที่อาทิตย์สามารถทำได้ในการต่อสู้ครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นการปะทะอย่างบ้าคลั่งซึ่งหน้าได้อย่างแน่นอน
เหล่าอัศวินกระดูกที่เป็นทัพหน้านั้นนอกจากพวกมันจะมีเลเวลที่เหนือกว่าเด็กหนุ่มอาทิตย์มากแล้ว หากแต่พวกมันยังสวมเกราะและถือโล่ชั้นดีอีกด้วย ทำให้มันเป็นไปไม่ได้เลยที่อาทิตย์จะสร้างความเสียหายได้มากพอผ่านการโจมตีทั่วไปให้ทะลุเกราะอัศวินของพวกมัน
หากแต่จุดอ่อนเล็กๆ จุดหนึ่งที่เหล่าอัศวินกระดูกเหล่านี้มีเหมือนๆ กัน นั้นก็คือ ช่วงบริเวณข้อต่อของชุดเกราะในส่วนต่างๆ นั้น มันไม่ได้ถูกปกคลุมโดยสมบูรณ์ และด้วยเหตุผลที่ว่าเกมกลางจักรวาลนั้นเป็นเกมที่เสมือนจริง ดังนั้นบริเวณเหล่านี้จึงถือเป็นจุดที่ทำความเสียหายทางกายภาพแก่เหล่า อัศวินกระดูกได้อย่างดีที่สุด
แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น หากคุณไม่มีความแม่นยำมากพอ การทำสิ่งนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้
ฟิว… เสียงลูกธนูพุ่งแหวกอากาศมาแต่ไกล
ด้วยความที่ ณ ตอนนี้สมาธิของอาทิตย์ได้ถูกรีดเร้นจนถึงขีดสุด แม้ศักยภาพร่างกายของเลเวล 1 นั้นจะอ่อนแอ แต่ศักยภาพด้านจิตวิญญาณกับไม่ได้ถูกจำกัดด้วยตัวเกม ดังนั้นการขัดเกลาจิตมาหลายปีของอาทิตย์นับได้ว่าไม่ศูนย์เปล่า
เขาทำเพียงโยกศรีษะเล็กน้อยก่อนที่ลูกธนูจะพุ่งเฉียดใบหน้าของเขาไปเพียงไม่กี่เซน โดยที่เส้นผมของเด็กหนุ่มถึงกับปลิวไปตามกระแสลมของลูกธนู
เมื่อลูกธนูลูกแรกผ่านไป ไม่ช้า เหล่าฝูงธนูนับพันก็พุ่งตรงมาหาเด็กหนุ่ม
หากแต่ครั้งนี้ตัวของอาทิตย์ไม่ได้ เลือกที่จะหลบหลีกอีกแต่ไป ตัวเขาเลือกที่จะวิ่งพุ่งไปด้านหน้า ที่ฝูงก่อนทัพอัศวินนับหมื่นอยู่ เพราะนั้นเป็นโอกาสเดี่ยวที่จะทำให้เขารอดพ้นจากห่าลูกธนูนับพัน
หากแต่ในระลอกแรกนี้ กว่าที่เขาจะไปถึงกลุ่มอัศวินกระดูกกลุ่มแรกอาทิตย์ยังต้องใช้อีกหลายร้อยก้าวเลยทีเดี่ยว ดังนั้น ทุกก้าวที่เขาวิ่งไป เขาต้องสร้างจังหวะให้กับตัวเองคอยปัดเหล่าลูกธนูที่พุ่งมากด้วย
ค่าสตามิน่าที่เคยมีอยู่ 24% ตอนนี้ค่อยๆ ลดลงอย่างรวดเร็ว
ในการทดสอบนี้สิ่งสำคัญที่สุดที่เด็กหนุ่มต้องทำให้ได้ นั้นคือการรักษาค่าสตามิน่าให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เขาจับเป็นที่จะต้องเรียนรู้การดูซัพพลังเหนือธรรมชาติที่เรียกว่ามานา ให้ได้ต่อเนื่องมากที่สุด
และพยายามรักษาค่านี้ให้ได้ หรืออย่างน้อยที่สุดก็ต้องพยายามให้มันหมดลงช้าที่สุด
23% 20% 19% 19.5% 18.5% 19% ค่าสตามิน่าของเด็กเริ่มขยับลดลงช้าๆ หลังจากที่เด็กหนุ่มพยายามเพ่งสมาธิไปที่การปัดป้องลูกธนู และทำจิตให้นิ่งเป็นสมาธิไปพร้อมๆ กับการปัดป้อง
อาทิตย์ได้ใช้เวลาเกือบปีที่จะเรียนรู้เทคนิคนี้ และใช้เวลาอีกหลายเดือนที่จะเอามันมาใช้พร้อมกับการต่อสู้ไปด้วยได้ วันเวลาที่เขาติดอยู่ ณ ที่แห่งนี้มันช่างเนิ่นนาน
และในที่สุด เขาก็เข้าใกล้กลุ่มอัศวินโครงกระดูกได้สำเร็จ แม้มันจะช่วยทำให้ตัวเขาเป็นเป้าของห่าธนูน้อยลง แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่า จะไม่มีลูกธนูพุ่งมาหาเขา
หากแต่ด้วยการพัวพันของเหล่าอัศวินกระดูกจำนานมาก อาทิตย์มักอาศัยจังหวะ และยุทธวิธีด้านการต่อสู้ เป็นเหล่าลูกธนูเป็นอาวุธของตัวเอง
ในหลายๆ ครั้ง อาทิตย์สามารถอ่านกระแสการต่อสู้ได้ดีอย่างน่าประหลาดใจ และเปลี่ยนลูกธนูที่เล็งมาที่ตัวเขาให้อยู่ในตำแหน่งที่โดยฝูงอัศวินกระดูกแทน
และในจังหวะที่เหล่าอัศวินกระดูกโดนเหล่าลูกธนู แม้พวกมันจะไม่ตาย หากแต่ความเสียหายก็ถือว่าเกิดขึ้น ในหลายๆ ครั้ง พวกมันจะมีอาการเสียหลักไปชั่วขณะหนึ่ง
แม้นั้นจะเป็นเพียงช่วงสั้นๆ หากแต่นั้นก็มาพอสำหรับอาทิตย์ที่จะฉกฉวยโอกาศโจมตีเข้าสู่จุดที่พวกมันอ่อนแอ ตามข้อพับต่างๆ
ตูมมมมมมม เสียงระเบิดดังขึ้นจากการรวบรวมมานาไปที่ปลายดาบและฟาดบริเวณเข่าของอัศวินกระดูก จากนั้นไม่นาน อัศวินกระดูกตัวนี้ยังไม่ทันได้ทรงตัวดี อาทิตย์ก็พุ่งผ่านตัวมันไปที่ด้านหลัง ก่อนจะรวบรวมกำลังของตัวเองดึกกระฉากหลังคอของอัศวินกระดูก มาแนบชิดตัวเอง
ตุบๆๆๆๆๆๆๆ เสียงลูกธนูนับสิ่งดอกพุ่งปักร่างของอัศวินโครงกระดูก
จากนั้นไม่นานเสียงก้องกังวาลเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
[อัศวินโครงกระดูกตัวที่ 1 ถูกกำจัดจำนวนที่ต้องการคือ 100000 ] [1:10000]ถ้าสิ่งนี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเหล่าผู้เล่นทั่วไป บางคนอาจจะทนเล่นได้ 10 – 20 ครั้ง เพื่อที่จะลองพยายามเอาชนะสิ่งนี้ หากแต่ถ้าตัวคุณไม่แข็งแกร่งและพยายามมากพอ ต้องให้คุณมีโอกาสเป็นพันเป็นหมื่นครั้งมันก็ไร้ประโยชน์กับสถานที่แห่งนี้
และเมื่ออัศวินกระดูกตัวแรกถูกฆ่า ตัวที่ 2 3 4… 10 ก็ปรากฏ สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าเด็กหนุ่มอาทิตย์คุ้นเคยกับเหล่ากองทัพอัศวินโครงกระดูกพวกนี้เป็นอย่างดี
และมันก็แน่นอน ว่านี้ไม่ใช่ครั้งแรกของเขาที่มา ณ ที่แห่งนี้ เขามาถึงที่นี้นับพันนับหมื่นครั้ง และเขาก็ทิ้งชีวิตไว้ ณ ที่แห่งนี้นับพันนับหมื่นเช่นกัน
ด้วยความที่เกมกลางจักรวาลนี้มีระบบสร้างความต่างของเวลา ดังนั้นเวลาใน 1 วันของคนธรรมดา ช่วงตั้งแต่ 6.00 – 18.00 น ในเกมจะมีค่าการเดินทางของเวลาที่ปกติ หากแต่ในช่วงตั้งแต่ 18.01 – 5.59 น นั้น เวลาในเกมจะเป็น 5 เท่าของปกติ หรือก็คือ 60 ชั่วโมง
สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเกมกลางจักรวาลถูกสร้างขึ้นโดยปรารถนาให้โลกแห่งความจริงและโลกเสมือนซึ่งเป็นระบบเกมมีความสมดุลกัน ผู้คนยังจำเป็นที่จะต้องใช้ชีวิตอย่างคนปกติ
หากไม่จำเป็นการออนไลน์ต่อเนื่องหรือเกินกว่าขีดจำกัดของร่างกายนั้นเป็นสิ่งไม่สมควร
และนั้นก็ทำให้ใน 1 วันเด็กหนุ่มอาทิตย์สามารถมีโอกาสเข้ามาท้าทายที่แห่งนี้ได้นับร้อยครั้ง
ถ้าจะมีสถานที่ใดในเควสนี้ที่เด็กหนุ่มใช้ชีวิตกับมันยาวนานมากที่สุด สถานที่นั้นต้องเป็นที่แห่งนี้เป็นแน่ เขาใช้เวลาเกือบ 10 ปีในโลกเสมือนนี้หมดไปกับมัน
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เด็กหนุ่มต้องตกตายและกลายเป็นร่างแสงแล้วจากไป ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขาทอดใจว่าตัวเขาควรจะยอมแพ้สถานที่บ้าๆ แบบนี้ไปดีไหม
แต่ถึงแบบนั้นก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ในใจลึกๆ ของเด็กหนุ่มกับรู้สึกสนุกไปกับมันและรู้สึกท้าทายเป็นอย่างยิ่ง
เขาเหมือนกับคนบ้าเลยทีเดี่ยว
เมื่อเขาได้ใช้ชีวิต ณ ที่แห่งนี้มาอย่างเนิ่นนานสิ่งหนึ่งที่เด็กน้อยในวันนั้นรู้สึกเป็นอย่างยิ่งว่ามันคือข้อจำกัดที่ทำให้ตัวเขาไม่สามารถก้าวผ่านด่านนี้ได้ นั้นก็คือประสาทสัมผัสการรับรู้
โดยตัวเกมเสมือนนี้มีการตั้งค่าการรับรู้ความเจ็บปวดที่แท้จริงเอาไว้ที่ 20% และทำการปลดล็อกสูงสุดโดยการตั้งค่าได้ที่ 40% แต่ดูเหมือนว่านั้นจะไม่พอสำหรับเด็กหนุ่ม
นั้นก็เพราะเมื่อตัวเขาได้เริ่มตั้งค่าการรับรู้มาสู่ระดับที่ 40% เขาก็พบว่า แม้ค่าสถานะของตัวเขาจะเป็นเพียงเลเวล 1 หากแต่การรับรู้ถึงสภาวะธรรมชาติในเกมกับแจ่มชัดขึ้นมาก การได้สัมผัสซึ่งสายลม กลิ่มหมอกควัน แรงกดดันที่จากความปรารถนาเข่นฆ่าของเหล่าอัศวินโครงกระดูกทั้งหลายที่มากขึ้น ทำให้สัญชาติญาณดิบในตัวเขาก็ยิ่งแจ่มชัดมากขึ้น
แม้ในมือของเขาจะเป็นเพียงดาบไม้ธรรมดาบ หากแต่เมื่อเขาได้ฟาดมันบนสภาวะรับรู้ความรู้สึกที่ 40% อาทิตย์ก็รับรู้ได้ในทันทีว่าสิ่งนี้ช่วยให้เขาพัฒนาทักษะการต่อสู้ในโลกเสมือนนี้ได้เฉียบคมยิ่งขึ้นอย่างแท้จริง
หากแต่สิ่งที่ต้องแลกกับสิ่งนี้ กลับเป็นความเจ็บปวด…
แน่นอนว่าการตั้งค่าการรับรู้ความรู้สึกให้ประโยชน์ แต่ถึงอย่างนั้นข้อเสียของมันก็ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน ไม่มีใครชอบความรู้สึกเจ็บปวดที่เหมือนกำลังจะตาย
หากแต่ถ้าคุณสามารถทนได้ ตัวระบบจะค่อยๆ อนุญาติให้คุณตั้งค่าสภาวะการรับรู้ความรู้สึกที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดมันจะอยู่ที่ระดับ 99.99% ของความรู้สึกจริงๆ
โดยที่เด็กหนุ่มอาทิตย์ไม่รู้ตัวเลยว่า ณ ตอนนี้เขาได้ทำในสิ่งที่มีแค่เหล่ามืออาชีพที่แท้จริงนั้นทำกัน
และนั้นก็ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่รู้ตัว แม้ค่าสถานะและเลเวลของเขาจะเป็นเพียงแค่ระดับ 1
แต่ ณ ตอนนี้ระดับความแข็งแกร่งทางจิตใจของเด็กหนุ่มนั้นไม่ได้แพ้เหล่าผู้เข้าสู่โลกเสมือนนี้ในฐานะมืออาชีพเลยแม้แต่น้อย
แน่นอนตอนนี้เด็กหนุ่มก็ยังมีความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่อยู่ นั้นก็คือ ณ ตอนนี้เขายังอยู่ในโหมดฝึกซ้อมและมีเลเวลเพียงแค่ 1
ส่วนเหล่ามืออาชีพนั้นเล่า นับตั้งแต่เปิดตัวเกมเวอร์ชั้นใหม่เมื่อ 5 ปีก่อน ณ ตอนนี้ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของโลกนี้ก็ได้มีเลเวลถึงระดับ 240 แล้ว ยังไม่รวมอุปกรณ์และคลาสพิเศษที่คนเหล่านั้นครอบครอง
… และด้วยความต่างนี้ ไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้ได้ตัดสินใจถูกต้องหรือไม่ที่เขาจมอยู่ในโลกที่ดูเหมือนจะไม่มีวันก้าวผ่านนี้ต่อไป
[อัศวินโครงกระดูกตัวที่ 4569 ถูกกำจัดจำนวนที่ต้องการคือ 100000 ] [4569:10000]เสียงหอบหายใจของอาทิตย์ดังขึ้นเป็นระยะๆ เมื่อมาถึงจุดนี้ แม้ตัวเขาจะมีทักษะการดูดซัพพลังเหนือธรรมชาติของมานาแล้ว แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นค่าสตามิน่าของเด็กหนุ่มก็ลดมาอยู่ที่ 0.5% ที่เป็นค่าต่ำสุดอยู่เสมอ หลังจากฆ่าเหล่าอัศวินไปสี่พันกว่าตน
และด้วยการที่ค่าสตามิน่าของเด็กหนุ่มมาอยู่ที่ 0.5% การจะเหวี่ยงดาบแต่ละครั้งเพื่อสร้างความเสียหายให้พอกับที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพได้นั้นแทบจะเป็นไม่ได้
เด็กหนุ่มอาทิตย์รู้ดีว่าค่าสตามิน่าที่ต่ำที่สุดที่จะทำให้เขาเหวี่ยงดาบไม้ และบ่นกระดูกของเหล่าอัศวินโครงกระดูกได้นั้นคือ 1.5% เป็นค่าที่ต่ำที่สุด
และเมื่อใดก็ต่าที่ค่าสตามิน่าของตัวเขาต่ำกว่า 1.5 เด็กหนุ่มอาทิตย์ก็มักต้องเลือกใช้ยุทธวิธีหลบหลีก พัวพันกับเหล่าอัศวิน พร้อมควบคุมสติ หรือพลังจิตของตัวเองไปกับการดูดซักมานาให้ฝืนตัวเป็นซะส่วนใหญ่
และด้วยการที่เขาเปิดการเชื่อมต่อสัมผัสการรับรู้ความรู้สึกที่ระดับ 99.99% ทำให้ตัวอาทิตย์เองนั้นสามารถดูดซับมานาโดยรอบได้ดียิ่งขึ้น
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ใช้งานง่ายที่จะก้าวข้ามผ่านเควสนี้ไปได้ เพราะแม้ตัวเด็กหนุ่มจะตั้งสติและสมาธิของตัวเองไปกับการดูดซับมานาเพื่อฟื้นฟูค่าสตามิน่าหรือความอดทนของตัวเองอยู่ตลอด
แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับ ร่างกายของเด็กหนุ่มก็ต้องขยับอยู่ตลอดเวลาด้วยเช่นเดี่ยวกัน แล้วด้วยความที่เป็นแบบนี้ มันก็ไม่ง่ายเลยที่จะสะสมค่าสมามิน่าให้พอเพียงแต่การโจมตีเหล่าอัศวินโครงกระดูก
มันกลายเป็นการต่อสู้ที่ยาวนานของหนึ่งนักรบหนุ่มฝึกหัดที่เหนื่อยหอบและอ่อนแรง กับเหล่าอัศวินโครงกระดูกนับพันที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
และคนที่จะก้าวผ่านมันได้มีแต่คนที่หัวใจแกร่งกว่าคนทั่วไปเท่านั้นแหละ
ตูมมมมมม เสียงระเบิดดังขึ้นบนหลังของหนึ่งในอัศวินโครงกระดูก โดยที่ตอนนี้ เด็กหนุ่มได้ก้าวเดินไปเลยครึ่งทางแล้ว เขาได้จัดการเหล่าอัศวินโครงกระดูกทั่วไป ไปเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นยังมีนักธนูโครงกระดูกอีกไม่น้อย
และเมื่อเด็กหนุ่มก้าวผ่านไปเกินครึ่งทาง เขาก็อยู่ในรัศมีของเหล่านักเวทโครงกระดูกแล้ว เปลวไฟ และหอกน้ำแข็งจำนวนมากพุ่งมาที่ตัวเขาเป็นระยะ
แต่ถึงอย่างนั้นเด็กหนุ่มก็อาศัยซากศพของเหล่าอัศวินโครงกระดูกจำนวนมากเป็นโล่กำบังได้อยู่เสมอ
นอกจากนั้นด้วยยุทธวิธีเข้าผัวพันวงใน ก็ยังนับว่าใช้ได้ผลกับสนามรบนี้ หากแต่เมื่อได้ก้าวผ่านครึ่งทางไป อีกหนึ่งความยากลำบากก็มาถึง
“อ๊าาาาาาาาก” เสียงตะโกนของนักรบคลั่งโครงกระดูกที่เลเวล 19 มันรวดเร็วและแข็งแกร่งกว่าอัศวินโครงกระดูกทั่วไปมากจริงๆ
“ตูมมมมมมม” เสียงขวานฟาดลงสู่ฟื้นที่อาทิตย์ยืนอยู่ แม้มันจะไม่โดยตัวเขา หากแต่สะเก็ดจากเหล่าก้อนหินก็สร้างความเสียหายและความเจ็บปวดให้กับเด็กหนุ่มไม่น้อยเลย
[ความเสียหายเกิดขึ้น -18 โปรดระวังช่วงบริเวณขาคุณอาจจะเคลื่อนไหวไม่ถนัด ด้วยการเปิดการรับรู้ความรู้สึกเจ็บปวดที่ระดับ 99.99%]และก็เป็นอย่างที่ระบบว่า เมื่ออาทิตย์เด็กหนุ่มของเราโดนสะเก็ดหินความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นนั้น คือค่าความเจ็บปวดที่เท่ากับในชีวิตจริง และทุกๆ ครั้ง ที่เด็กหนุ่มย่างก้าว ความเจ็บปวดนั้นก็ยังคงอยู่
ตูมๆๆๆๆๆ
เสียงฟาดฟันของนักรบคลั่งยังโจมตีต่อเนื่องโดยมีอาทิตย์เด็กหนุ่มของเราพยายามทิ้งระยะห่างโดยไม่โจมตีกลับ
แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาเองก็ไม่สามารถทิ้งระยะห่างออกไปได้มากจนเกินไป
ในหลายๆ ครั้งอาทิตย์ต้องเลือกที่จะเสี่ยงกระโดดพุ่งเข้าหานักรบคลั่งที่เป็นโครงกระดูกร่างยักษ์
นั้นกระเพราะเหล่านักเวทโครงกระดูกทั้งหลายต่างจ้องที่จะโจมตีเขาด้วยเวทมันจากระยะไกล มีเพียงแต่การอยู่ไกลกับนักรบคลั่งเท่านั้นที่ทำให้พวกมันหยุดร่ายได้
… และในสถานะการณ์ที่บ้าคลั่งเช่นนี้เด็กหนุ่มอายุ 17 ที่ชื่ออาทิตย์ ตัวเขาจะก้าวผ่านมันอย่างไรดีเล่า