Skip to main content
ไม่มีหมวดหมู่

[FHS] ตอน 001 :

By 24/10/2023No Comments

จันทร์ฉายกลางนภา เสียงสายฝนโปรยปรายลงมาดังเบากระทบแผ่นหลังคาซึ่งเป็นกระเบื้องดินเผา

ณ ศาลาไม้แดงมีหนึ่งบุรุษรูปงามนั่งทอดกายพิงไปกับเสาไม้ใหญ่ ใต้แสงจันทร์ที่สว่างเพียงระเรือจางๆ พร้อมแสงจากเชิงเทียน มันฉายภาพให้เห็นภาพหนึ่งบุรุษ ใบหน้าเลิศล้ำ โครงหน้าซ้ายขวาได้สันฐาน คิ้วลู่ดังใบไผ่ สันจมูกโค้งลาดเรียว ผิวขาวเกลี้ยงราวหยกขาวหามลทิลใดๆ ไม่ดี ดวงตาราวจ้าวแห่งปักษาทอดมองสรรพสิ่ง เมื่อผนวกกับองคาพยพทั้งมวล เขาคือบุรุษผู้มีใบหน้าได้สัดสวนทองคำที่ราวกับเทพเซียนช่วยกันแต่งแต้ม

แต่น่าเสียดาย ที่ความสง่างามและความล้ำเลิศของยอดบุรุษคล้ายด้อยลงอยู่สามส่วน

ฝีปากที่ควรแดงระเรื่อกลับซีขาว ผิวขาวแม้จะงามละเอียดแต่ไร้สีของเลือดฝ่า ร่างผอมสูงสง่าแต่ไร้สิ้นซึ้งมวลกล้ามความแข็งกร้าวแห่งบุรุษ ทำให้บุรุษผู้นี้แม้สง่างามล้ำ แต่กลับขาดราศีสง่า เป็นเพียงปฏิมากรรมมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์

“เห้อ…” เสียงถอยหายใจของเหลียงยุ่นอี้บุรุษรูปงามดังเบาคล้ายปลงตกอะไรบางอย่าง พร้อมทอดสายตาไร้อาลัยที่เย็นชา

ไม่ไกลเหลียงยุ่นอี้ชายร่างอ้วนใหญ่แต่ใบหน้าเยาว์วัยยกกาน้ำชาเดินมา ดวงตาที่กลมใสของเขากำลังเจิ่งนองไปด้วยน้ำตา เพียงมองเห็นดวงตาที่เศร้าโศกของเหลียงยุ่นอี้ ปากบ่าวอ้วนพูดว่าคุณชายชามาแล้วขอรับก่อนที่จะรีบไปยื่นด้านหลังไม่ไกลเหลียงยุ่นอี้

เวลาค่อยๆ ก้าวผ่านไปอย่างช้าๆ ในที่สุดบ่าวอ้วนผู้เยาว์วัยก็ทนไม่ได้ ในที่สุดก็ร้องไห้ และเขาคิดว่าตัวเขาจำต้องพูดบางอย่างเพื่อคุณชายของตัวเอง

บ่าวอ้วนพูดไปร้องไห้ไป

“คุณชายท่านอย่าได้เศร้าไปเลยขอรับ เพียงแค่สตรีไร้ใจกับตระกูลไร้ยางอายขอท่านได้โปรดอย่าคิดมาก เมื่อก่อนท่านเป็นทั้ง ‘ยอดยุทธ์รุ่นเยาว์อันดับหนึ่ง’ และปรมาจารย์กวีน้อยของแคว้น ‘นภากาล’ ของเรา ชื่อเสียงของท่านใครบ้างจะไม่รู้จัก ท่านเป็นผู้ที่สำนักน้อยใหญ่ล้วนต้องการตัวรับเป็นศิษย์ หากไม่เพราะมีไอ้อีที่ชั่วช้า… ทำลาย ‘ทุ่งพลัง’ ของท่าน ทำให้ตันเถียนของท่านไม่อาจจะควบแน่นเป็นแก่นได้อีกต่อไป ใครกันจะกล้าดูถูกคุณชายเล่า และนางสตรีไร้ใจกับตระกูลไร้ยางอายนั้นจะกล้าตัดเยื่อใยยกเลิกสัญญาหมั้นที่พวกมันทำไว้กับบรรพชนตระกูลเหลียงของพวกเรางั้นเหรอ ทั้งๆ ที่ในอดีตใครๆ ก็รู้การหมั้นหมายของคุณชายนั้นเป็นตระกูลอู๋ของพวกมันต่างหากที่เป็นผู้ร้องขอ!!! ”

“ในอดีตเมื่อบรรพชนของพวกเรามีชีวิตอยู่ ด้วยเพราะเห็นว่าบรรพชนตระกูลอู๋เป็นสหายร่วมรบกันมาจึงตกลงยอมเชื่อมสัมพันธ์ หมั้นหมายคุณชายตั้งแต่ยังไม่เกิด แต่พอตอนนี้ เวลาผ่านไปเพียงแค่ 10 ปี หลังจากท่านบรรพชนของพวกเราเสียชีวิต นางสตรีไร้ใจกับตระกูลไร้ยางอายตระกูลอู๋กลับกล้าทำกับคุณชายแบบนี้ โดยเฉพาะยิ่งในช่วงเวลานี้… เวลาที่คุณชายทำได้เพียง…”

บ่าวรับใช้ร่างอ้วนใหญ่มองไปที่เหลียงยุ่นอี้พร้อมน้ำตา มือข้างหนึ่งบ่าวอ้วนจำต้องยกขึ้นใช้แขนเสื้อซับน้ำตาของตัวเอง

เหลียงยุ่นอี้หันมองไปที่ด้านหลัง เสียงชายอ้วนใบหน้าซื่อๆ เยาว์วัยร่ำไห้ พูดไปร้องไห้ไป แต่เหลียงยุ่นอี้กลับไม่รู้สึกอินกับมันแม้แต่น้อย…

ทำไมนะเหรอ? นั่นก็เพราะเขาไม่ใช่คนของที่นี่ เขาไม่ใช่เหลียงยุ่นอี้ ไม่ใช่คนของโลกใบนี้

เหลียงยุ่นอี้หายใจเขาลึกก่อนจะกล่าวบ่นเสียงดังในห้วงจิตของตัวเอง ‘บัดซบทำไมโชคชะตากลั้นแกล้งข้าแบบนี้ อุตส่าห์คิดว่าได้มาต่างโลก จะได้รับบทพระเอกสุดเท่ห์ ตัวเอกแห่งยุคสมัยแท้ๆ แต่เวลาตอนนี้ผ่านไปเดือนกว่า โชคชะตาแห่งพระเอกของข้าทำไมถึงไม่ปรากฏสักที ปกติพระเอกข้ามมิติมาต่างโลกมันต้องได้รับโชคชะตาจัดเต็มไม่ใช่เหรอ อย่างน้อยๆ ก็ต้องได้รับโอกาสวาสนาดีๆ บัดซบบิดาอยู่ที่นี่มาเดือนกว่า เทพเคล็ดวิชาไม่มี ไอเท็มเทพสมบัติติดตัวดีๆ ของไอ้เจ้าเหลียงยุ่นอี้ ค้นทั่วบ้านก็ไม่มีสักชิ้น นอกจากหน้าหล่อๆ บัดซบของมัน…’

‘นอกจากนั้น… เหตุใดพล็อตข้ามมิติของตัวข้าถึงจืดชืดแบบนี้ นิเทพเจ้ากลั้นแกล้งข้า หรือคนขีดเขียนชาตะชีวิตข้าไม่มีหัว ตัวเอกถูกทำลายตันเถียน จากนั้นก็ถูกคู่หมั้นทิ้ง บัดซบ บทดานดื่นฉิบหาย! จะขอแหวกแนวกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้ แต่ให้ตายเถอะ ถึงบทพล็อตจะซ้ำ แต่อย่างน้อยๆ ก็ช่วยซ้ำให้เยอะกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้ ไหนๆ ก็ส่งข้ามาที่นี่แล้ว ทำไมถึงไม่ทำตามนิยายเกรดบีคลาสสิกให้หมดไปเลย จัดมาเลยสิระบบเทพๆ ติดตัวมา หรือไม่ก็ขอเทพวิชา อาจารย์ผีที่จะทำให้บิดาเทพเร็วๆ หากเป็นแบบนี้อย่างน้อยข้าก็จะได้รู้ว่าข้าต้องทำอะไรบ้าง ไม่ใช่แบบตอนนี้’

เหลียงยุ่นอี้ถอนหาย ตอนนี้เขาเหมือนปลงบางอย่างตก เขาหันมองบ่าวอ้วน

เหลียงยุ่นอี้ไม่อาจจะเพิกเฉยกับหยดน้ำตาและการร่ำไห้ของบ่าวอ้วนเยาว์วัยได้ ตัวเขาอยู่ที่นี่มาเดือนกว่าแล้ว และเขาพบว่าบ่าวอ้วนของเขาผู้นี้เป็นคนดีมากทีเดียว นี่คือสิ่งที่เขาประทับใจในการข้ามโลกมา ในโลกเก่าเหลียงยุ่นอี้คือชายที่มีชาตะค่อนข้างอาภัพ ใช้ชีวิตทำความฝันของพ่อและปู่ที่ต้องการให้เขาเป็นทหาร และสุดท้ายเขาก็ทำได้สำเร็จ เพียงในวันที่เขาทำสำเร็จ ทุกคนที่เขารักก็ได้จากเขาไปแล้ว ทำให้ชีวิตของเหลียงยุ่นอี้เงียบเงา

แต่เมื่อตอนนี้เขามีบ่าวอ้วนที่ทั้งรักและซื่อสัตย์ต่อเขามาก มันทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเขามีครอบครัวอีกครั้ง

“เสี่ยวกุ่ยฉีข้าไม่เป็นไร” เหลียงยุ่นอี้พูดพร้อมยื่นมือไปแตะไหล่ของเสี่ยวกุ่ยฉีเบาๆ ก่อนลูบอย่างอ่อนโยน

เสี่ยวกุ่ยฉีดีใจที่คุณชายของตัวเองโอบอ้อมอารี พยายามหยุดการสะอื้อไห้ของตัวเอง แต่เสี่ยวกุ่ยฉียังไม่ทันหยุดร้องไห้ดี มุมไม่ไกลกับศาลาไม้แดงหลังนี้ มีกลุ่มบ่าวเดินมาพร้อมเสียงซุบซิบดัง

“นี่เจ้าได้ยินไหม”