– [“จงตื่นรู้ในพลังของธรรมชาติ ธาตุดินคือธาตุแรกเริ่มแห่งโลกธาตุทั้งมวล มันแน่นหนาและแบกรับสิ่งต่างๆ ไว้มากมาย ดินเป็นจุดเริ่มต้นของสรรพสิ่ง เป็นรากฐานของทุกสรรพชีวิต จงตั้งจิตซึมซับมัน อย่าให้ห้วงอารมณ์ฟุ้งซ่าน แล้วเจ้าจะรับรู้ เจ้าคือดิน ดินคือเจ้า”] –
เสียงของระบบดัง ราวกับเป็นคำแนะนำเพื่อให้เซี่ยซีหานเข้าใจในบางสิ่ง
เซี่ยซีหานตัวมันพยายามทวนคำของระบบซ้ำไปซ้ำมา แล้วทำความเข้าใจในสิ่งนั้น
“ข้าคิน ดินคือข้า…” เวลาค่อยๆ ล่วงผ่านไป ผ่านไป
ในความมืดมิดเซี่ยซีหานค่อยๆ รู้สึกว่าตัวเองเติบโตขึ้น เติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่ง ซ่าาาาาาาาาา มันได้ยินเสียงของสายลม แต่โลกก็ยังมืดมิด
จากเสียงของสายลมมันได้กลิ่นของสายฝน แมกไม้
โลกที่มืดมิดค่อยๆ มีสีสัน เมื่อมองดูดีๆ ซีหานพบว่า มันกำลังเห็นภาพตระการของโลกอันกว้างใหญ่
แต่ตัวมันคือ… ก้อนหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง ราวกับว่านี่คือภาพกระจกสะท้อน เซี่ยซีหานมองเห็นตัวเองที่เป็นหิน
จากนั้นมันเกิดการตระหนักรู้ในความรู้สึกมากมาย
สายลมคือเพื่อน แมกไม้คือสหายรัก น้ำเป็นทั้งความรักและศัตรู
ดินที่โดนน้ำช่วยมอบพลังชีวิตแก่เหล่าต้นไม้ แต่ดินหรือหินที่แข็งก็จะแตกร้าวหรือถูกกัดกร่อนจากน้ำได้ง่ายเช่นกัน
ธาตุเหล็กทองคือบุตรของตัวมัน
ไฟคือชู้รักที่เมื่อหลอมรวมกับดินธาตุจะเกิดอำนาจอันแข็งแกร่ง แต่ดินธาตุก็จะถูกทำลายเสียตัวตนได้เช่นกัน
เซี่ยซีหานกำลังตระหนักรู้เรื่องราวของก้อนหินก้อนหนึ่ง
กลางกายอักขระรูนประทับกลางร่างวิญญาณของตัวมัน สัญลักษณ์แห่ง “ดิน”
– [ยินดีด้วยคุณมี “5 โอน่า” แล้ว] –
– [ทักษะแห่งดิน ระดับ 1 : 14.4% / ต้องการ 100% เพื่อบรรลุทักษะระดับ 2 “ความหมายแห่งดิน การมีชีวิต การปกป้องและส่งต่อ ด้วยทักษะนี้คือธาตุธรรมชาติอันบริสุทธิ์ คุณสามารถใช้มันเป็นรากฐานสร้างทักษะอันวิเศษใดๆ ให้เกิดขึ้นได้ แต่ทั้งหมดอยู่บนพื้นฐานแห่ง ‘ดิน’ โปรดจำเอาไว้ดินไม่ใช่ธาตุที่แข็งแกร่งที่สุด แต่มันเป็นธาตุที่ดีเป็นสหายแห่งสรรพสิ่งและชีวิต ดินรักและชอบปกป้องสหายแห่งมัน ดินมีความเคลื่อนไหวที่เชื่องช้าและใช้เวลาการพัฒนาที่ยาวนาน มนตราใดๆ ที่เกี่ยวกับธาตุดินต้องได้รับการยอมรับจากสหาย ไม่เช่นนั้นดินก็เป็นได้เพียงธาตุที่ตาย ไร้กายเคลื่อนไหว ไร้ประโยชน์” … (กดตรงนี้เพื่ออ่านต่อวิธีการฝึกฝนการบ่มเพาะโอน่าธาตุดิน) ] –
เซี่ยซีหานอ่านคำอธิบายของทักษะธาตุดินราวกับตีปริศนาธรรม แถมมันยังมีปุ่มให้กดอ่านต่ออีกแนะ เซี่ยซีหานสับสนเล็กๆ
แต่เวลานี้กลับยังไม่ใช่เวลาที่จะสนใจมัน นั่นเพราะ…
– [อายุขัย:16 ปี 150 วัน “ยินดีด้วยคุณอยู่บนก้าวแรกของการเอาชนะความตายก่อนเวลาอันควรแล้ว แต่เส้นทางการถอนคำสาปช่างยังอีกยาวไกล”] –
“น้ำตาจะไหล” เซี่ยซีหานเอามือปิดปากตัวเองพร้อมทำสายตาหวานซึ้ง อายุขัยของมัน อายุขัยของมันเพิ่มขึ้นแล้ว แม้มันจะแค่ติ๊ดเดียวก็ตาม แต่ในฐานะของคนที่เคยใกล้ตาย การที่ชีวิตยืดขึ้นมาได้อีกตั้งปีกว่าๆ มันช่าง… ช่างมีความสุขเกินบรรยาย
เซี่ยซีหานเริ่มรู้สึกว่า ตัวเองมีความหวัง ชีวิตของตัวมอดในหม้อข้าวสารยังมีโอกาสเป็นจริง
(ชีวิตของตัวมอดในข้าว ความหมายคือ คนที่สามารถมีชีวิตไปวันๆ กินและนอนได้อย่างไม่ต้องเดือดร้อน)
หลังจากที่กำลังใจล้นเอ่อ เซี่ยซีหานก็ไม่รอช้า โลกใบนี้ที่ไม่มีเว็บโป๊ ไม่มีอินเทอร์เน็ตให้เล่น ไม่สามารถส่องรูปสาวสวย มันจะมีอะไรให้ทำ เวลาแบบนี้ ควรใช้ไปเพื่อการดิ้นรนต่อชีวิตให้กับตัวเองเท่านั้น
เซี่ยซีหานแม้จะมีนิสัยรักในความขี้เกียจ แต่ตลอดชีวิตมันกลับไม่เคยขี้เกียจได้เลยสักครั้ง พ่อแม่มันตายตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ เซี่ยซีหานเป็นคนทำงานหาเลี้ยงน้องสาวที่แสนจะไม่เอาไหน
จนไม่กี่ปีมานี้ตอนอายุของตัวมันสามสิบ น้องสาวของตัวมันก็พบกับผู้ชายโชคร้ายที่ขอเธอแต่งงาน
เซี่ยซีหานคิดว่าตัวเองจะหายเหนื่อยและหยุดทำงานได้แล้วเพราะน้องสาวเป็นฝั่งเป็นฝา แต่ก็พบว่าน้องสาวตัวเองท้องก่อนแต่ง การมีลูกต้องใช้เงิน ในฐานะ ‘ลุงเซี่ย’ ของหลาน มันจำต้องหาเงินไว้เพื่อหลานตัวน้อยๆ วัฏจักรการทำงานอันไม่รู้จบของมันเป็นแบบนี้มาตลอดชีวิต
เซี่ยซีหานคิดถึงความหลัง ตัวมันเองก็อดคิดถึงหลานที่ต้องไปหาทุกสัปดาห์ก่อนทำงานแบบ 996 ไม่ได้
และอาจจจะเพราะชินกับการทำงานหนักชีวิต ตลอดหลายเดือนกับการเป็นเด็กช่วยงานในโรงหลอมยุทธภัณฑ์ จึงไม่ได้ลำบากสำหรับเซี่ยซีหานเลย
อยู่ๆ น้ำตาของเซี่ยซีหานก็ไหล
“ซูเหยาพอพี่ไม่อยู่แกจะทำอะไรเป็นบ้างรึเปล่านะ แกนะมักจะดีแค่แต่งหน้าแต่งตัวสวยๆ และตอนพี่ไม่อยู่ถ้าไอ้หนุ่มนั้นรังแกแก แกจะไปฟ้องใคร แกไม่มีพ่อแม่นะ… แกมี… แค่เพียงพี่ชายคนนี้คนเดียว” สองมือของเซี่ยซีหานปิดตาของตัวเอง มันปล่อยให้น้ำตาไหล แม้บางคำพูดของเซี่ยซีหานพูดอย่างแต่มันมักทำอีกอย่างเสมอ ดังเช่นความรักและความเป็นห่วงที่มีให้กับน้องสาวและหลาน “บางที… บางทีพี่อาจจะหาวิธีกลับไปโลกเดิมได้ หวังว่าพอพี่กลับไป แกจะเป็นผู้ใหญ่กว่าเดิมนะ…” เซี่ยซีหานพูดปลอบตัวเอง
คนแต่ละคนต่างมีความในใจของตัวเองที่ต่างกัน
เซี่ยซีหานคือชายผู้ทำงานหนักมาตลอดชีวิต เขามีความฝันที่จะใช้ชีวิตที่แสนขี้เกียจ แต่เขาไม่เคยขี้เกียจได้เลยสักครั้ง เพราะน้องสาวคนเดียวคือแรงบันดาลใจของเขา
สัญลักษณ์สุดท้ายของครอบครัว
เด็กหญิงที่ชอบตะโกนด่าเซี่ยซีหานเสมอว่า “ถ้าพ่อยังมีชีวิตอยู่… ถ้าแม่ยังมีชีวิตอยู่… พวกท่านต้องซื้อนั้นให้หนู ท่านต้องซื้อนี่ให้หนู” นี่คือคำพูดตอนที่เธอยังเด็กและไม่ได้ดั่งใจเวลาที่เธอไม่มีของเหมือนเพื่อน จนทำให้เซี่ยซีหานต้องทำงานหนักและหาเงินเพื่อเธอ
แต่พอเซี่ยซีหานทำงานหนัก ยัยน้องสาวตัวดีกับเอาแต่ร้องไห้และบอกว่า “พี่ควรอยู่กับหนู มีเวลาให้หนู รู้ไหมการทำงานหนักมันไม่ดีต่อสุขภาพ หนูเป็นเด็กผู้หญิงที่กินง่ายอยู่ง่าย ไอ้นั้นหนูไม่ได้ต้องการสักหน่อย อันนี้หนูก็ไม่ได้อยากได้ พี่กลับบ้านเร็วๆ แล้วมาอยู่เป็นเพื่อนหนูได้ไหม เมื่อไหร่จะรีบกลับบ้านและมาสอนหนังสือให้หนูได้สักที”
เซี่ยซูเหยาเด็กโง่ที่เอาแต่ใจ
เธอคือน้องสาวของเซี่ยซีหาน
…
“ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย ฉันควรดีใจไม่ใช่เหรอที่ไม่ต้องเจอยัยตัวแสบ น้องสาวที่ไม่เอาไหน ทำไมยังคิดถึงและเป็นห่วงอยู่นะ ตอนนี้เธอก็อายุ 25 แล้วด้วย แถมเป็นแม่คน เธอโตแล้ว ฉันไม่ควรเป็นห่วงเธอเลย” เซี่ยซีหานเช็ดน้ำตาตัวเอง
จากนั้นมันก็นิ่งไปครู่ใหญ่ มือจับก้อนหินรูนที่ตอนนี้อักษรรูนได้จางหายไปแล้ว ก่อนสองมือชูขึ้นฟ้าพร้อมเสียงที่แผดดัง มันก้องกังวานไปทั่วเนินเขา
“ถ้าพี่ไม่ตายไปก่อนและกลับไปได้ คงมีเรื่องเล่าให้แก่ฟังมากมาย ยัยตัวแสบ” พูดจบประโยคนี้เซี่ยซีหานก็เอาสองมือของตัวเองตบหน้าตัวเองเสียงดังหลายครั้ง
ก่อนจะแผดเสียงตะโกนอีกรอบ “เอาจริงแล้วนะโว๊ยยยยยยยยยยย บิดาจะไม่ตาย บิดาจะเป็นผู้วิเศษที่ยิ่งใหญ่อะไรนั้น และจะกลับไปหาแกเองยัยตัวแสบ ฮะฮาฮา รอพี่กลับไปหานะซูเหยา และขุนไอ้ตัวแสบให้อ้วนๆ ด้วยล่ะ อย่าให้ไอ้ตัวแสบผอมแห้งล่ะ ไม่อย่างนั้นคนจะหาว่าตระกูลเซี่ยของพวกเราสองพี่น้องไม่มีจะกิน กร๊าก กร๊าก กร๊าก”